เขมรเตรียมปะทะใหญ่ขนชาวบ้านพ้นเขาพระวิหาร ยิงอาร์พีจี 3 ลูกถล่มไทยอีก ฮุนเซนเชื่อไม่ก่อสงคราม


"ฮุนเซน"เชื่อไม่จุดชนวนสู่สงครามเหตุปะทะชายแดน ชี้แลกปลากรอบดีกว่าลูกปืน ทหารเขมรเตรียมปะทะใหญ่ขนชาวบ้านพ้นเขาพระวิหาร รองมทภ.เผยเรื่องเอาคืน เป็นปกติของทหาร "มาร์ค"ยังไม่กล้ากล่าวหาถึงขั้นนั้น ชายแดนยังระอุ เขมรไม่หยุด ยิงอาร์พีจี 3 ลูกถล่มไทยอีก เสียงระเบิดกึกก้องเป็นระลอก

ทหารเขมรเตรียมปะทะใหญ่ขนชาวบ้านพ้นเขาพระวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 4 เม.ย. ที่บ้านสะวายจะรุม  อ.จอมกระสาน  จ.พระวิหาร  ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวกัมพูชาที่อยู่ใกล้กับบริเวณปราสาทพระวิหาร  ปรากฏว่าทางการของกัมพูชาได้ใช้รถบรรทุก  6  ล้อ  จำนวน  4  คัน  ไปทำการอพยพชาวกัมพูชา  ซึ่งมีอยู่จำนวนประมาณ  200  คน  พร้อมด้วยข้าวของขึ้นรถบรรทุก  6  ล้อ  โดยอพยพชาวกัมพูชาทั้งหมดไปไว้ที่บริเวณ  อ.จอมกระสาน  ซึ่งอยู่ห่างจากเขาพระวิหาร  ประมาณ  40  กม. ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย  เนื่องจากว่า  ทหารกัมพูชากับทหารไทยอาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 



ทั้งนี้เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้  ก่อนที่จะมีการอพยพชาวกัมพูชาออกไป  ทหารกัมพูชาได้ใช้ปืนกลจานยิงถล่มใส่ทหารไทย  ประมาณ  5  นัด  ที่บริเวณสถูปคู่  ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณศาลาไทยบนผามออีแดง ประมาณ 100 ม. ซึ่งทหารไทยไม่ได้ยิงตอบโต้แต่อย่างใด  เนื่องจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาไม่ให้ตอบโต้และให้อดทนต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง  โดยทหารกัมพูชาได้ยิงปืนกลจานออกมาจากช่องบันไดหัก  ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของปราสาทพระวิหาร 



นายวีระยุทธ  ดวงแก้ว  กำนัน  ต.เสาธงชัย  กล่าวว่า  ตนทราบข่าวมาว่า  ทหารกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังและเสริมอาวุธหนักรอบบริเวณเขาพระวิหาร  ดังนั้น  ตนจึงได้เตรียมการอพยพประชาชนไว้แล้ว  หากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงก็สามารถที่จะอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ทันที  ซึ่งการที่ทางฝ่ายกัมพูชาได้มีการอพยพประชาชนออกจากบริเวณเขาพระวิหารนั้น  อาจคาดได้ว่าจะมีการปะทะใหญ่ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้นได้นั่นเอง


 
"ฮุนเซน"ชี้ปะทะไม่จุดชนวนสู่สงคราม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 เมษายนว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในความสงบหลังเกิดเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 3 เมษายนจนเป็นเหตุให้มีทหารไทยเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง เอเอฟพีรายงานว่านายเย็ม เพ็ม ผู้บังคับการทหารกัมพูชาในพื้นที่ซึ่งเกิดเหตุปะทะระบุว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนกลับสู่สภาวะปกติและเงียบสงบแล้ว อย่างไรก็ดีทหารกัมพูชาถูกสั่งให้เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นคำสั่งที่มีอยู่ตามปกติ   

อย่างไรก็ตามสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กลับพยายามไม่ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นพร้อมกับย้ำว่าการปะทะกันจะไม่ขยายไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านี้หรือเป็นชนวนไปสู่สงคราม โดยกล่าวที่จ.กัมปอต ระหว่างพบกับทหารผ่านศึกในหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเพื่อทหารที่พิการจากการสู้รบและครอบครัวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกฝ่ายมีสิทธิในการป้องกันตนเอง หากพวกเขาเข้ามา มันก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เช่นเดียวกันหากกัมพูชาเข้าไปในดินแดนของเขา เขาก็มีสิทธิที่จะยิงเรา

"เราเห็นว่ามันเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผมจะไม่เรียกมันว่าเป็นสงคราม เราต้องขอโทษอย่างยิ่ง เพราะเราไม่ต้องการให้ทหารกัมพูชาหรือทหารไทยตาย การปะทะกันที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะกันของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดกัน ซึ่งมักจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ แต่ความขัดแย้งก็จะสงบลง และเราก็หันมาพูดจากันเช่นเดิม ผมไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก หรือเห็นการสู้รบขยายไปยังพื้นที่อื่นอีก เราควรหันมาแลกเปลี่ยนปลากรอบแทนที่จะที่จะเป็นลูกปืน"สมเด็จฮุน เซนกล่าว

มุขเดิมอ้างทหารไทยรุกล้ำแดน

นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า การปะทะกันดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อทหารไทยได้เข้ามาในดินแดนที่กัมพูชาอ้างสิทธิ และไม่สนใจคำเตือนที่ให้ถอยกลับไป พร้อมกับย้ำว่าในการปะทะกันครั้งนี้ไม่มีทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย

นายกอย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ยืนยันว่า การปะทะกันครั้งล่าสุดนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำหนดการหารือระหว่างสองฝ่าย โดยกำหนดการทุกอย่างยังคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งรวมถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนของผู้นำกัมพูชา และการหารือเรื่องเขตแดนระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ครั้งที่ 5 กำหนดจะมีขึ้นที่กัมพูชาระหว่างวันที่ 6-7 เมษายนนี้

กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า ชาวกัมพูชาหลายร้อยคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหารได้เดินทางออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่โรงเรียนซึ่งห่างออกไป 20 กิโลเมตร หลังจากบ้านของพวกเขารวมถึงตลาดที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกทำลายจากการสู้รบ โดยนางจาม วนา ที่อพยพออกมาพร้อมกับสามีและลูกระบุว่า รู้สึกหวาดกลัวเพราะสถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก และโกรธแค้นทหารไทยเพราะทรัพย์สมบัติทุกอย่างในชีวิตถูกทำลายไปในกองเพลิง

หาว่าฝ่ายไทยเปิดฉากยิงถล่มก่อน

ขณะที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยได้ส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงจากฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนถึงการปะทะกันครั้งล่าสุดมายังกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกันนั้นยังได้ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดมาให้กับสื่อมวลชนในไทยด้วย โดยกัมพูชายืนยันว่าพื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเป็นดินแดนกัมพูชา ซึ่งทราบกันดีอยู่ว่าเป็นพื้นที่ที่มีการวางกับระเบิดที่ยังคงไม่ถูกเก็บกู้อยู่อย่างหนาแน่น ส่วนเหตุปะทะนั้นเกิดขึ้นจากที่ทหารไทยได้ลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ใกล้กับบริเวณที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ขอให้ถอนกำลังออกไป โดยสัญญาว่าจะพบกันอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 3 เมษายนโดยปราศจากอาวุธ

อย่างไรก็ดีช่วงเช้าวันที่ 3 เมษายน บริเวณลานอินทรี กองกำลังกัมพูชาได้พบกับกลุ่มทหารไทยติดอาวุธเข้ามาในดินแดนกัมพูชาอีกครั้งโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และทหารไทยเป็นฝ่ายยิงใส่ก่อน ทำให้ผู้บังคับการทหารสองฝ่ายเปิดเจรจากัน โดยทั้งสองฝ่ายสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยยึดหลักความอดทนและไม่ใช้กำลัง และแม้จะมีข้อตกลงดังกล่าว ในเวลา 14.00 น. ทหารไทยก็เปิดฉากยิงใส่ทหารกัมพูชาอีกครั้ง

โวยบันไดพระวิหาร-ตลาดเสียหาย

กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชายืนยันว่าพื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดอยู่ในดินแดนกัมพูชา พร้อมกับขอเน้นย้ำว่าพื้นที่ที่เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 3 เมษายน ก็อยู่ในเขตแดนกัมพูชาเช่นกันซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการร่วมฝรั่งเศส-สยาม ปี 1908 โดยระหว่างเหตุปะทะ ทหารไทยได้ใช้อาวุธหลากชนืดทำลายสำนักงานของหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในเขตปราสาทพระวิหาร สร้างความเสียหายให้กับบันไดหลักด้านหน้าปราสาท รวมถึงเผาตลาดหน้าปราสาทพระวิหาร พร้อมกันนี้ยังมีกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่งที่ตกอยู่โดยรอบปราสาท

"เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่ทหารไทยยังคงล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่เดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนพื้นฐานของการกำหนดเส้นแขตแดนฝ่ายเดียวโดยมิได้ยืนอยู่บนพื้นฐานกฎหมายใดๆ การกระทำดังกล่าวเป็นการบีบบังคบให้กองทัพกัมพูชาต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองเพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนกัมพูชา"เอกสารดังกล่าวระบุ

เอเอฟพีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวกัมพูชาที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งว่า ในช่วงเช้าวันที่ 4 เมษายน ทหารไทยได้ยิงปืนขึ้นฟ้าที่ปริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่ปืนไรเฟิลของทหารกัมพูชาเกิดอุบัติเหตุลั่นขึ้นหลายนัด

กต.โต้ทันที-ปัดแม้วกบดานเขมร

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยยังคงยืนยันตามแถลงการณ์ที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของไทย เมื่อฝ่ายกัมพูชาเข้ามาก็มีการพูดคุยเพื่อให้ออกไปจากพื้นที่ ที่สุดก็ถูกตอบโต้ด้วยกำลัง ที่ไทยยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายยิงก่อน และขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการใช้อาวุธใดๆ และหันหน้ามาสู่โต๊ะเจรจาซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยยึดถือ ทั้งนี้ในวันที่ 6-7 เมษายนจะมีการเจรจาเจบีซี ครั้งที่ 5 ซึ่งแม้ว่ากระบวนการเจรจาอาจจะล่าช้า แต่ทุกฝ่ายก็ต้องอดทน ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ดีขอให้ใช้ช่องทางการเจรจานี้ และอย่าให้ปัญหาจุดเดียวกลายเป็นปัญหาของประชาชนในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย และอย่าปล่อยให้ปัญหานี้มาเป็นอุปสรรคกีดขวางความร่วมมือต่างๆอีกมากมายที่ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกระแสข่าวที่ว่าขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในกัมพูชา นายธฤตกล่าวว่า เท่าที่ติดตามดู ณ ขณะนี้ยังคงเป็นเพียงข่าว แต่ยังไม่พบข้อเท็จจริง

ทัพ2ชี้เรื่องปกติ"เราต้องเอาคืน"

พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ว่า  เหตุปะทะที่เกิดขึ้นนั้น  เริ่มมาตั้งแต่ที่ทหารไทยไปเหยียบกับระเบิดวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ต้องไปเคลียร์พื้นที่ว่า ในพื้นที่นั้นมีกับระเบิดเพิ่มอีกหรือไม่  จนเมื่อเช้าวันที่ 3 เมษายน ฝ่ายกัมพูชา  20 คน  เข้ามาเจรจา 3 คนเพื่อให้ทหารไทยถอนกำลังออกไป ทหารไทยชี้แจงว่ามาเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากทหารไทยเหยียบโดนกับระเบิด ซึ่งไม่มีปัญหา แต่เมื่อเขาเดินกลับไปหาพวกอีก 17 คน กลับเปิดฝ่ายยิงใส่ทหารไทย ทำให้ต้องตอบโต้ไปทำให้ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 2 คน 

“ช่วงแรกเขาอยากขอเข้ามาคุย แต่พอเขาเข้ามาใกล้ๆที่ฐานเราก็เปิดฉากยิงเรา ถ้าเป็นอดีตลูกน้องเราเสียชีวิต เราต้องเอาคืนเป็นเรื่องปกติของทหาร แต่ตอนหลังเรามีการควบคุมที่ดีจึงพยายามยับยั้งชั่งใจ เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเขาอาจคุมไม่ได้"พล.ต.ธวัชชัยกล่าว 

ผู้ดำเนินรายการถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ  นำเครื่องเจ๊ท ไปลงที่พนมเปญ และเข้าไปพักที่บ้านของสมเด็จ ฮุนเซ็น  พล.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทราบอยู่ แต่ข้อเท็จจริงต้องให้สื่อมวลชนไปช่วยตรวจสอบ

ผบ.ทบ.ระบุสถานการณ์ไม่รุนแรง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทบ. พร้อมคณะนายทหารระดับสูงทบ. ออกเดินทางด้วยเครื่องบินทบ. จากกองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.)เมื่อเวลา 13.00น.ไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี จากนั้นจะเดินทางไปที่กรมทหารราบที่ 6 เพื่อรับฟังสถานการณ์และการบรรยายสรุปเหตุการณ์ปะทะกันของกองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี จากนั้นช่วงเย็นคณะจะเดินทางไปร่วมงานศพทหารที่เสียชีวิต ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 18.00 น.

ก่อนออกเดินทาง นายสุเทพ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ หารือถึงสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่เตรียมตัวเดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่จ.เชียงใหม่ ที่ห้องรับรอง ขส.ทบ. ประมาณ 10 นาที 

ต่อมาพล.อ.อนุพงษ์  ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรรุนแรงขึ้น ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า ทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 9 นาย ส่วนกระแสข่าวว่ามีการจับกุมทหารไทย 10 นายนั้นไม่จริง สำหรับสาเหตุของการปะทะเกิดจากการลาดตระเวนมาพบกัน สืบเนื่องจากทหารไทยที่เหยียบกับระเบิด ทำให้ทหารเข้าไปดูแลพื้นที่มีการเหยียบกับระเบิดและกู้ระเบิด แต่ทหารกัมพูชาลาดตระเวนมาเจอจึงเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น "ในระดับสูงพล.อ.ประวิตร ได้โทรคุยกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งผู้ใหญ่เข้าใจกันดี"ผบ.ทบ.กล่าว

กำลังตรวจสอบข่าว"แม้ว"อยู่เขมร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชายิงอาวุธหนักเข้าในไทยหลายครั้ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีการยิงอาวุธหนักเข้ามา อย่างไรก็ตามกำลังทหารที่วางอยู่ในพื้นที่ยังคงไว้เช่นเดิม ส่วนกรอบการเจรจาถอนกำลัง หากผ่านรัฐสภา จะลดกำลังตามที่เคยหารือกัน ซึ่งจะต้องทำทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฝากถึงทหารที่บาดเจ็บ และเสียชีวิต พร้อมฝากเงินช่วยเหลือ แต่ไม่ได้เดินทางไปด้วยเพราะติดภารกิจ
 ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในพื้นที่กัมพูชา และอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่  จะอยู่ประเทศใดนั้นกำลังตรวจสอบ"

"มาร์ค"ไม่กล้ากล่าวหาให้ที่กบดาน

 นายอภิสิทธิ์  กล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุพ.ต.ท.  ทักษิณ ชินวัตร กบดานอยู่ประเทศกัมพูชา และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาว่า คงไม่ไปกล่าวหาใครอย่างนั้น แต่เหตุการณ์ตามแนวชายแดนในขณะนี้คลี่คลายลงในระดับหนึ่งแล้ว  เพิ่งคุยกับพล.อ. ประวิตร  ทราบว่าได้ดำเนินการอะไรต่างๆ ไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการวางกองกำลังต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ หรือเกิดความสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น แต่ละฝ่ายก็รักษาสิทธิของตัวเอง และใช้กระบวนการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับกรณี นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคยออกมาระบุว่าถ้าทหารไทยล้ำเข้าไปในเขตแดนที่อ้างว่าเป็นของทางการกัมพูชาจะยิงทันทีหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนว่าการเริ่มต้นของการปะทะมาจากจุดไหนอย่างไร แต่ทหารไทยถูกกับระเบิดก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นกับระเบิดเก่า หรือใหม่ ส่วนเรื่องการลุกล้ำดินแดนหรือไม่ ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกันในเรื่องพรมแดน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาได้ แต่เชื่อมั่นว่า กลไกการเจรจาต่างๆควรเดินหน้าต่อไป

ไม่หยุดยิงอาร์พีจี3ถูกถล่มไทยอีก

สำหรับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา  บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษนั้น เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 เมษายน ทหารกัมพูชายิงอาร์พีจี 3 ลูก ข้ามมาตกฝั่งไทยใกล้ลำห้วยตานี ด้านทิศใต้ของสระตราว ที่ทหารทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังไว้ ที่ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของปราสาทพระวิหาร  ทหารฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธปืนเล็กยาวยิงตอบโต้กลับไปหลายสิบนัด โดยทหารระดับท้องถิ่นทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการเจรจาในระดับพื้นที่  ขณะที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยังคงปิดเป็นวันที่ 2  นอกจากนี้การค้าขายและการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนยังได้รับผลกระทบจากการปะทะกันครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรไทย–กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา  อ.ภูสิงห์ ที่ไม่มีชาวกัมพูชาเข้ามาหาจับจ่ายซื้อขายสินค้าตามปกติ 

 ส่วนอีกด้านหนึ่งช่วงเช้าวันเดียวกันนี้พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 หรือมทภ.2  สั่งการให้ พล.ต.กนก เนตระคะเวสนะ ผบ.กองกำลังสุรนารี และทหารระดับสูงของกองกำลังสุรนารี ไปประชุมร่วมกับ พล.ท.ชอทาวี ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารประจำ จ.พระวิหาร และพล.ท.สะรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา เพื่อเจรจาหาทางแก้ไขปัญหาการปะทะกัน

เสียงระเบิดดังกึกก้องเป็นระลอก

ต่อมาเวลา 10.15 น.  พ.ต.ต.เปรียว ทองแก้ว สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีลูกปืน ค.ถูกยิงมาจากเขาพระวิหาร เข้ามาตกบริเวณด้านทิศใต้ของบ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย   จึงรายงานให้ พ.ต.ท.ทิพย์พงษ์ ทิพเกษร สวญ.สภ.บึงมะลูทราบ พร้อมประสานกับ ร.อ.ธวัช บุญเหมาะ  ผู้บังคับหมวด หน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดเพื่อมุนษยธรรมที่ 3 รวมทั้งประสานงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบ พบ

เจ้าหน้าที่พบนายปิยะวิทย์ บัวจันทร์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/1 หมู่ 3 ต.เสาธงชัย ยืนรออยู่พร้อมนำไปชี้จุดบริเวณที่ลูกปืน ค.ตกกลางไร่มันมาตั้งแต่เวลา 14.30น.วันที่ 3 เมษายน โดยอยู่ห่างจากภูมะเขือ ประมาณ 3 กิโลเมตร อยู่ในดินลึกประมาณ 50 เซนติเมตร เเมื่อช่วยกันขุดนำเศษระเบิดขึ้นมา พบชิ้นส่วนระเบิดความยาวประมาณ 8 นิ้ว และบางส่วนเป็นแผ่นโค้งแยกเป็นเศษๆ จำนวนมากจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ร.อ.ธวัชกล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นลูกปืน ค.82 ถูกยิงมาจากบริเวณเขาพระวิหารที่กำลังมีการสู้รบกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ส่วนอีก 1 ลูกยังไม่พบ แต่ได้กำชับให้เร่งค้นหาเพื่อทำลายทิ้ง ไม่ให้เป็นอันตรายกับชาวบ้าน

ระหว่างตำรวจกำลังตรวจสอบจุดที่ลูกปืน ค.ตกอยู่นั้น ปรากฏว่าได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านบ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอกอีก 3 ครั้ง  ระยะห่างกัน 2–3 นาที ด้านบ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ซึ่ง ตำรวจจึงประสานงานกับทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณดังกล่าว เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์