อุ๋ยไม่หวั่นเสียงก่น เชื่อมาตรการสกัดบาท


"หม่อมอุ๋ย"เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหมูไฟยังขยายตัวดี แม้แบงก์ชาติปรับลดประมาณการ โวการส่งออกจะได้รับอานิสงส์ดีจากมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาท พร้อมเล็งสร้าง"เซาเทิร์นซีบอร์ด"เพิ่มแรงจูงใจต่อนักลงทุน ระบุควรเดินหน้าเอฟทีเอกับญี่ปุ่นต่อไป เพราะไทยจะได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


กล่าวในการเสวนาแนวโน้มเศรษฐกิจปีกุน ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยย้ำว่า เศรษฐกิจปีนี้จะยังมีการเติบโตที่ดี แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไปแล้วร้อยละ 0.5 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวประมาณร้อยละ 4-5

เพราะยังมีปัจจัยบวก โดยเฉพาะเรื่องของการส่งออกที่น่าจะได้รับอานิสงส์ดีจากการที่ ธปท. ได้ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยแม้ที่ผ่านมาจะถูกวิจารณ์มากแต่ก็ยืนยันว่า

เป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นส่งออกของไทยคงพังหรือมีปัญหาหนักแน่นอน เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่าร้อยละ 17 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านแข็งค่าขึ้นแค่ร้อยละ 7 ก็ตาม



นอกจากนี้ ในส่วนของความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น เชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลได้ยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการระบบขนส่งมวลชนในปีนี้ทั้ง 3 ระบบ คือ ระบบรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

ระบบรถไฟฟ้าของ กทม. และระบบรถไฟชานเมือง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย คาดจะช่วยกระตุ้นให้ภาคการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์มีการขยับตัว นักลงทุนเองก็ได้เห็นทิศทางของรัฐบาลว่าจะไปทางไหน ประกอบกับกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (เซาเทิร์นซีบอร์ด) ซึ่งได้มีการศึกษากันมานาน และจะทำให้มีพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต

"ส่วนตัวเห็นว่า โครงการเซาเทิร์นซีบอร์ด คือ โครงการใหญ่ที่สุดของรัฐบาลนี้ และจะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนสนใจและเห็นทิศทาง เพราะปัจจุบันอีสเทิร์นซีบอร์ดนั้นแออัดไม่สามารถที่จะขยายได้อีกแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ จะดึงการลงทุนเข้ามาได้อีก ส่วนเรื่องการกำหนดพื้นที่นั้น คาดว่าหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรียบร้อยแล้ว คิดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ก็น่าจะชัดเจน เพราะที่ผ่านมา ได้ผ่านการศึกษามาแล้วพอสมควร" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว


ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า


ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะเดินหน้าลงนามเปิดเขตการเสรี หรือเอฟทีเอไทย กับญี่ปุ่น เพราะเห็นว่าไทยได้ประโยชน์มากในเรื่องของการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังญี่ปุ่น ขณะที่ญี่ปุ่นนั้น ขอส่งออกสินค้าเหล็กชนิดที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย ในระยะเวลา 5 ปี นับจากการเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างกัน และย้ำว่า รัฐบาลนี้จะเปิดเอฟทีเอกับประเทศที่มั่นใจว่าไทยได้ประโยชน์เท่านั้น และ

ขณะเดียวกันเตรียมเดินหน้าโครงการเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมผลิตไฟฟ้า เพราะหากไม่ดำเนินการ อีกไม่เกิน 3 ปี ไฟฟ้าก็จะไม่พอเพียงความต้องการแล้ว

ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์