อุทัยอัดแม้วตอแหลรายวันทำแตกแยก-แนะตอบอยู่หรือไป

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2549 14:00 น.

อุทัย พิมพ์ใจชน สวด ทักษิณ โกหกรายวัน ทำสังคมแตกแยก จวก อ้างแต่กติกาไม่เคยมองดูตัวเองเคารพกติกาหรือไม่ ระบุหากเป็นผู้นำประเทศอื่นโดนขับไล่ขนาดนี้ลาออกไปนานแล้ว แขวะ น่าไปเล่นเกมเศรษฐี ก่อนเลือกคำตอบสุดท้าย อยู่หรือไป แนะยื่นหน้ากระจกถามตัวเองบ้าง เชื่อสังคมไทยยังมีคนดีมากกว่านายกฯคนนี้เยอะ พร้อม ผ่าทางตันปฏิรูปจริยธรรม-คุณธรรมนักการเมือง ก่อนปฏิรูปการเมือง

วันนี้(17 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ แถลงถึงข้อเสนอเพื่อไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่า ตนร้อนใจและไม่สบายใจ เนื่องจากสังคมขณะนี้เกิดความแตกแยก เพราะคนกลุ่มหนึ่งคนก็รับได้กับพฤติกรรมที่คนโกง แต่ตัวเองได้ประโยชน์ ทั้งจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือนโยบายกองทุนหมู่บ้าน แต่อีกกลุ่มหนึ่งรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ไม่มีจริยธรรมและคุณธรรม ที่ไม่ใช่คุณสมบัติขั้นพื้นฐานของการเป็นผู้นำ ทั้งจากการไม่รักษาคำพูด พูดโกหก เป็นรายวัน นั่นจึงเป็นที่มาให้เกิดกระบวนการขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะไม่ต้องการให้คนแบบนี้ดำรงตำแหน่งทางการ

ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอีกว่า พฤติกรรมหลายอย่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำให้หลายฝ่ายออกมาต่อต้าน ทั้งการไม่รักษาคำพูดที่บอกว่าจะไม่ยุบสภา ในที่สุดก็ยุบสภาหน้าตาเฉย ทั้งที่การยุบสภานี้เขากรอบกติกาที่ชัดเจนว่า หากจะยุบสภาต้องมีเหตุเช่นใด ไม่ใช่ว่าไม่มีประเพณีปฏิบัติ แต่รักษาการนายกฯ ไม่เคารพกติกาเสียเอง นั่นจึงทำให้พรรคฝ่ายค้านเขาประกาศบอยคอตไม่ลงสมัครเลือกตั้ง เพราะการยุบสภาเป็นการไล่ ส.ส.ออกทั้งที่ไม่มีความผิด และที่ผ่านมารัฐบาลก็โจมตีฝ่ายค้านตลอดว่าไม่ทำตามกติกา แต่ลืมย้อนดูตัวเองว่าเคารพกติกาหรือไม่

เมื่อผู้นำไม่มีคุณธรรม ไม่รักษาคำพูด เป็นคนตระบัตรสัตย์ จึงเป็นที่มาของวิกฤติการในขณะนี้ หากเป็นผู้นำของประเทศอื่นที่มีการกล่าวหาโดยไม่ต้องมีใบเสร็จ เขาก็ลาออกแล้ว ดังนั้นคำตอบรักษาการนายกฯจะต้องเลือกระหว่างการอยู่ต่อแล้วทำให้บ้านเมืองวิกฤตกับการลาออกแล้วทำให้บ้านเมืองพ้นวิกฤติ นายกฯ จะเลือกข้อไหน และถ้ารายการเกมเศรษฐีที่มีนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ พิธีกรรายการเกมเศรษฐี เชิญคุณทักษิณไปออกรายการแล้วตั้งคำถามที่ง่ายที่สุดและให้ตอบเป็นคำตอบสุดท้าย ว่า คุณจะอยู่หรือไป ท่านจะเลือกข้อไหนเป็นคำตอบสุดท้าย เพราะหากจะดีเบตก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ผมขอเสนอให้นายกฯยืนตัวตรงต่อหน้ากระจกแล้วถามตัวเองดู เผื่อจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น นายอุทัยกล่าว

นายอุทัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ผ่านการปฏิรูปการเมืองมาแล้ว 2 ระดับ คือ 1.การปฎิรูปที่เปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมเรียนรู้ระบอบและประชาชนเองก็ยอมรับในระบอบประชาธิปไตย และเห็นคุณค่าในระบอบนี้ตรงกันแล้ว และ 2.ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปกติกาทางการเมืองโดยการร่างรัฐธรรมนูญมากว่า 15 ฉบับ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 ก็ค่อนข้างสมบูรณ์แม้จะมีรูรั่ว แต่ไม่ควรรื้อ หรือทำใหม่ทั้งฉบับ ขณะนี้บ้านเมืองเรายังขาดการปฏิรูปการเมืองระดับที่ 3 คือ การปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมือง โดยเริ่มจากตัวผู้นำก่อน เพราะการกระทำหลายอย่างได้ขาดหายไป และไม่รักษาคำพูด ทั้งเรื่องการปราบทุจริตโดยที่ไม่ต้องร้องหาใบเสร็จ แต่ก็ไม่ทำ เป็นต้น

นอกจากนี้อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังได้เสนอทางออกกรณียังต้องมีการเลือกตั้งต่อไปว่า รัฐบาลสามารถออกพระราชกฤษฎีกาออกมาเพื่อแก้ไขพระราชกฤษฏีกาการเลือกตั้งเดิมเพื่อให้ขยายเวลาการการเลือกออกไป โดยทำตามขอบเขตรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ดำเนินการเลือกตั้งภายใน 60 วันหลังยุบสภา เพื่อให้พรรคฝ่ายค้านได้มีโอกาสส่งผู้สมัคร ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้เขาส่งผู้สมัครได้ เชื่อว่าฝ่ายค้านจะส่งผู้สมัครลงแข่ง แต่ถ้ายังดึงดันทำเช่นเดิมอย่าว่าแต่จะให้พรรคไหนได้เตรียมตัวเลย เวลาถ่ายรูปยังไม่ทัน

นายอุทัย กล่าวว่า หากรักษาการนายกฯลาออกสังคมอย่าไปกังวลว่าจะไม่มีใครเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนี้ เพราะเชื่อว่ายังมีคนเก่งที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ แต่ไม่ควรให้คนที่ขาดคุณธรรมมารับตำแหน่งในบ้านเมือง อย่าคิดว่าคนจะขาดแคลนขนาดนั้น เพราะตามสุภาษิตจีนบอกไว้ว่าใบไม้ใหม่ต้องใหญ่กว่าใบไม้เก่าแน่นอน เดิมเราก็เคยคิดกันว่าถ้านายชวน หลีกภัย ออกไปจะไม่มีใครมาแทน แต่ก็มีนายบรรหาร ศิลปอาชา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นแทน ซึ่งคนใหม่ที่มาแทนคนเก่าก็มักจะเก่งกว่า ขณะนี้อย่าพึ่งไปมองหาตัวบุคคลขอให้มาร่วมกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการปฏิรูปจริยธรรมนักการเมืองควรมีรูปแบบอย่างไร นายอุทัย กล่าวว่า การปฏิรูปให้นักการเมืองแสดงความจริงใจ เพราะคงไม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร แต่รู้ได้โดยคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรม อย่างกรณีที่นายกฯบอกว่าจะไม่ยุบสภา ซึ่งการยุบสภาครั้งนี้เสมือนไล่ส.ส.ออกจากงานโดยไม่มีความผิด ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนประชาชนที่มาทำหน้าที่ในสภา ซึ่งการยุบสภาครั้งนี้เป็นการเอาเปรียบ และกลั่นแกล้งพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งตอนแรกบอกไม่ยุบสภา แต่ไม่ทันไรก็ยุบ ถือเป็นการพูดตระบัดสัตย์หรือไม่

เมื่อถามว่า หากนายกฯลาออกแล้ว เกรงหรือไม่ว่าประชาชนที่เขาสนับสนุนนายกฯจะไม่พอใจ นายอุทัย กล่าวว่า ถ้าลาออกใครเขาจะว่าอะไร อย่างมากก็แค่ร้องให้อยู่กับบ้าน อาลัยอาวรณ์เพียงพักเดียว แต่ถ้าคนชังทำอย่างไรก็ไม่หายชัง

ต่อข้อถามว่า ขณะนี้ได้ติดต่อหรือได้เสนอทางออกนี้ต่อนายกฯ หรือไม่ นายอุทัย กล่าวว่า ไม่ได้เจอ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นปีแล้ว และไม่เคยติดต่อกัน เนื่องจากขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่ค่อยได้เจอกันและไม่เคยไปประชุมพรรค อีกทั้งตนไม่มีความสำคัญจึงไม่ได้เตือนเป็นการส่วนตัว