อัศวินลั่นคดีลอบสังหารสนธิ เดินมาถูกทางแล้ว อภิสิทธิ์เชื่อตร.มีเหตุผลประกาศสางคดีใน7วัน


นายกฯเชื่อ ตร.มีเหตุผลประกาศสางคดี "สนธิ" ใน 7 วัน "ผู้ช่วย ผบ.ตร." เผยเดินถูกทาง ทุกอย่างดีหมด 27 เม.ย."สนว.ตร."ถกผลตรวจหลักฐานทั้งหมด "เสธ.แดง"ชี้ผบ.ทบ.รู้ฝีมือใคร โวยปกป้องกองทัพ แต่โดนต่อว่า


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 เมษายน ถึงกรณีชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  (พธม.) ระบุว่า จะมีข่าวดีภายใน 7 วัน ว่า ยังไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เชื่อว่าตำรวจคงมีเหตุผลถึงได้ประกาศอย่างนั้น

เมื่อถามว่าให้ความสนใจกับการการปรากฏของอาวุธสงครามในหลายจุด อาทิ กรุงเทพฯ และ จ. ศรีสะเกษ อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าเป็นจุดที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ควรมองข้าม และเป็นตัวบ่งบอกเหมือนกันว่าในอนาคตปัญหาเรื่องอาวุธสงคราม ควรจะต้องมีการจัดระบบกัน แม้กระทั่งการใช้อาวุธต่างๆ เพราะถ้าอาวุธต่างๆ ไปอยู่ในมือของคนได้ง่ายๆ มันก็มีความเสี่ยงตลอดเวลาในเรื่องของความรุนแรง

ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะชุดสืบสวนสอบสวนคลี่ คลายคดียิงนายสนธิ  กล่าวถึงความคืบหน้าการคลี่คลายคดีว่า มั่นใจแนวทางการสืบสวนมาถูกทาง ขณะนี้ทุกอย่างดีหมด
ขณะที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่าการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะเกรงจะกระทบต่อรูปคดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ขอเวลาอีก 1 สัปดาห์ ในการสรุปวิถีกระสุนและทิศทางการยิงของคนร้าย ส่วนกรณีพล.ต.ท.อัศวินกล่าวหลังประชุมฝ่ายสืบสวนโดยระบุภายใน 7 วัน จะสามารถจับตัวคนร้ายยิงนายสนธินั้น เป็นความมั่นใจของผู้บังคับบัญชา ที่มั่นใจในการทำงานของลูกน้อง โดยส่วนตัวจะไม่กำหนดระยะเวลาให้กับคนทำงาน เพราะจะไปกดดันมากกว่า

"ขณะนี้ คดียิงนายสนธิยังรวบรวมหลักฐาน คงต้องปล่อยให้หลักฐานเป็นตัวกำหนดเองที่จะสาวไปถึงตัวคนร้าย และมีพยานหลักฐานเพียงพอในระดับหนึ่งแล้ว ทางฝ่ายสืบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานกันทุกวัน ประชุมทุกวัน การจะบอกว่าใครเป็นคนทำต้องมีหลักฐานเพียงพอ และคดีความคืบหน้ามากแล้ว" ผบช.น.กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบก.พฐ.) กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิธีกระสุน เข้าตรวจหาวิถีกระสุนภายในรถโดยสารประจำทางสาย 53 ซึ่งขณะเกิดเหตุวิ่งสวนกับรถของ นายสนธิ เบื้องต้นพบรอยกระสุนปืนอาร์ก้า บริเวณกระจกด้านหน้า และกระจกข้างคนขับ รวม 2 จุด คาดว่า กระสุนมาจากด้านขวา เข้าทางกระจกข้างไปทะลุกระจกด้านหน้า ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลกับผลการตรวจสอบรถยนต์ของ นายสนธิ และรถโดยสารประจำทางสาย 30 ที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน คาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์ จะสามารถสรุปทิศทางการยิงได้
ด้าน พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) กล่าวว่า วันที่ 27 เมษายน จะประชุมสรุปผลการตรวจสอบหลักฐานในคดีลอบยิงนายสนธิทุกอย่าง โดยเฉพาะวิถีกระสุนซึ่งพบ ว่า ถูกยิงมาจากจุดเดียวกันทั้งหมด

ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงความคืบหน้าการหาผู้ลงมือลอบสังหารนายสนธิว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้นายทหารระดับหัวหน้าสำนักงานฝ่ายเสนาธิการโทรศัพท์มาหาตน เพื่อต่อว่าถึงการให้สัมภาษณ์ที่ตนระบุว่ากระสุนปืนที่ใช้ยิงนายสนธิ ไม่ใช่กระสุนของกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ตนให้สัมภาษณ์ และมีผู้ใหญ่ในกองทัพมากมายที่โทรศัพท์มาชมการกระทำของตนที่ปกป้องกองทัพ แต่มีเพียง พล.อ.อนุพงษ์ คนเดียวที่ไม่ยินดี ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งที่เราช่วยปกป้องกองทัพ และชี้แจงข้อเท็จจริง

"ความจริงการลอบสังหารนายสนธิ เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์รู้ว่าใครเป็นกลุ่มที่ดำเนินการ แต่การโยนให้ พล.ร.9 เพื่อต้องการให้พ้นตัว เพราะจากพยานบุคคลน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ คนยังสงสัยว่าเหตุใด พล.อ.อนุพงษ์จึงให้สัมภาษณ์ทันทีว่าเหตุยิงนายสนธิเป็นแค่คดีอาชญากรรมธรรมดา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นช่วงมี พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อีกทั้งโยนให้เป็นเรื่องหน่วย พล.ร.9 แต่ความจริงรู้ว่าเป็นหน่วยที่ใกล้ชิดกับตนเอง ผมออกมาปกป้องหน่วยทหารที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกมาปกป้องกองทัพกลับให้คนใกล้ชิดโทรศัพท์มาต่อว่า เมื่อเราชี้แจงไปก็เข้าใจว่าเป็นการปกป้องกองทัพ ผู้ใหญ่คนอื่นชื่นชมทั้งกองทัพ" พล.ต.ขัตติยะกล่าว

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกลุ่มต้องการสร้างอำนาจใหม่ทางการเมือง พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ข้อมูลที่ลูกชายนายสนธิออกมาระบุถึงกลุ่มอำนาจใหม่ที่ต้องการเข้ามาคุมอำนาจทางการเมือง คงเป็นข้อมูลที่นายสนธิบอกกล่าวกับลูกชายไว้ ซึ่งนายสนธิรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นกับตนเอง ซึ่งกลุ่มที่ต้องการมีอำนาจใหม่ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เช่น กลุ่มของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งกลุ่มของนายเนวินคงหมดแล้ว เขารู้ว่าเลือกตั้งใหม่เขาคงไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะกลุ่มเพื่อไทยไม่เอา แล้วคนอีสานคงไม่เลือกแล้ว ดังนั้น จึงต้องมาแตะมือกับกลุ่มทหารที่ต้องการสร้างอำนาจใหม่ เพื่อเข้ามามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งได้

"กลุ่มอำนาจการเมืองใหม่เป็นความพยายามระหว่างพลเรือนแตะมือกับทหารที่มีอำนาจอยู่ ซึ่งกลุ่มของ พล.อ.ประวิตรมีกองทัพคอยหนุนหลัง และหันไปร่วมกับทางป๋า ถือเป็นสูตรสำเร็จเมื่อมีอำนาจก็ต้องการรักษาอำนาจ เพราะมันมีเรื่องของผลประโยชน์ เช่นเดียวกับในอดีตอย่างสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ตั้งพรรคมนังคศิลา สมัยจอมพลสฤกษดิ์ ธนะรัช ก็ตั้งพรรคสหภูมิ แล้วมาสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ตั้งพรรคสามัคคีธรรม จะเห็นได้ว่าการตั้งพรรคการเมืองเหล่านี้ เกิดมาจากหลังการปฏิวัติรัฐประหารทั้งนั้น เพื่อต้องการรักษาอำนาจไว้ ครั้งนี้ก็เช่นกันมีความพยายามสร้างฐานอำนาจใหม่ ซึ่งนายสนธิก็รู้ว่ามาอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อรู้มากเลยต้องถูกสั่งเก็บ" พล.ต.ขัตติยะกล่าว

พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ตอนนี้มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และกองทัพ ดังนั้น คนเสื้อเหลืองจึงเป็นสถาบันเถื่อน ทำให้นายสนธิมีความพยายามตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เพื่อสู้ทางการเมืองโดยใช้ชื่อพรรคจักรี แล้วจับมือกับกลุ่มคณะนายทหารอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) โดยเฉพาะ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการ คมช. ซึ่งผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ และเคืองกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 เพราะเมื่อสมัยเป็น คมช. พล.อ.วินัยเป็นคนที่ทำทุกอย่าง ทั้งประคองพรรคประชาธิปัตย์ และเขียนรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งลูกชายเข้าไปอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพื่อหวังว่าจะเข้ามาทำงานร่วมกับพรรค แล้วได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อเป็นรัฐบาลกับให้ พล.อ.ประวิตร เป็นทั้งที่ พล.อ.ประวิตร ไม่มีส่วนใน คมช. แต่กลับได้รับตำแหน่ง การเมืองไม่มีอะไรซับซ้อน การเดินเกมของแต่ละคนย้อนกลับไปดูก็จะรู้ว่าอะไรคืออะไร

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์