อัยการซัดกกต. เจตนายื้อเกมยุบไทยรักไทย ส่อเว้นปฏิบัติหน้าที่

แนวหน้า

อรรถพล ใหญ่สว่าง

นัดชี้ขาด16มิ.ย.เชือดเองหรือบีบคอลงมติ
3เสือซวยซ้ำศาลอาญารับฟ้องคดีเทพเทือก
กลาโหมเชือดแพะเทปลับสั่งอาญาร้อยโท


วันที่ 8 มิถุนายน สำนักงานอัยการสูงสุด โดย นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาแถลงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักไทย โดยที่ กกต.ไม่ยอมชี้มูลความผิดใดๆ มาเลย

อัยการอัดซ้ำกกต.2มาตรฐาน

โดย นายอรรถพล กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า หนังสือที่ กกต.ส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย มีการชี้มูลความผิดอย่างครบถ้วน โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ระบุว่า ทั้ง 3 พรรครับรองผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งๆ ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน

อย่างไรก็ตามในกรณีล่าสุดของพรรคไทยรักไทย กลับไม่มีการชี้มูลความผิดใดๆ มา โดย พล.ต.อ.วาสนา อ้างว่า ภายหลังจากพิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานแล้ว กกต.จึงมีมติให้ส่งพยานหลักฐานพร้อมสำนวนให้อัยการ

พี่หนาส่อละเว้นปฏิบัติหน้าที่

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ประธาน กกต. ส่งเรื่องมา โดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ประดุจว่าการกระทำของ กกต. ถูกต้องตามมาตรา 67 และส่งมาให้อัยการสูงสุด ให้อัยการสูงสุดไปว่ากันเองว่า การกระทำของพรรคไทยรักไทยกระทำผิดหรือไม่

ทั้งนี้มาตรา 145 และ 146 ก็กำหนดอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจนว่า กกต.ต้องทำอย่างไร และมาตรา 65 ก็ระบุไว้ชัดว่า กกต.มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง วินิจฉัยชี้ขาดเหมือนกับที่ กกต. เคยชี้มูลความผิดพรรคเล็กทั้ง 3 พรรค ทำให้ไม่เข้าใจว่า ทำไมเมื่อมาถึงกรณีของพรรคไทยรักไทย จึงไม่มีการชี้มูลความผิด

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า การกระทำของ กกต. ถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบยาก แต่ถ้าหลักฐานชัดว่ามีเจตนาพิเศษขึ้นมา ก็เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องดูเหตุการณ์กันต่อไป ถึงจะตอบได้

จับตาเล่ห์ตั้งสอบใหม่อุ้มทรท.

"กรณีที่เกิดขึ้น ถ้าเปรียบเหมือนโทษก็คือโทษประหารชีวิตที่ต้องระบุว่า มีความผิดอะไร ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่ใน 4 วงเล็บที่จะบอกได้ว่า มีความผิดอะไร และ กกต.ก็สามารถจะระบุได้ว่า พรรคไทยรักไทยมีความผิดชัดเจนอะไร ทำแบบนี้รู้สึกเป็นห่วงว่า กกต. ทำเพื่ออะไร"

นายอรรถพลกล่าวด้วยว่า ไม่แน่ใจว่า กกต. ต้องการให้อัยการสูงสุดหาหลักฐานเพิ่มหรือต้องการให้ส่งเรื่องคืน แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ถ้าส่งเรื่องคืนไปแล้ว กกต.จะไปตีความเอาว่า อัยการไม่ยอมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่ขึ้นมา จึงไม่ทราบเจตนารมณ์ของ กกต. ว่าต้องการอะไร ทั้งที่ตัวประธานก็ทราบก็หมายดีว่า แท้จริงนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องสืบสวนสอบสวน และชี้มูลความผิดให้ชัดเจน

รับสอบเองอาจเสร็จไม่ทันเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 มิถุนายน นี้ อัยการสูงสุดจะแถลงความชัดเจนว่า จะเป็นผู้หาหลักฐานเพิ่มเติมเอง หรือจะส่งเรื่องกลับไปยัง กกต. เพื่อให้ชี้มูลความผิด อย่างไรก็ตาม หากอัยการเป็นผู้รวบรวมหลักฐานเอง จะค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีอำนาจในการเรียกพยานเหมือน กกต. ทำให้เกิดความล่าช้าจนเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งครั้งใหม่

กกต.ฉลอง9ขวบเงียบเหงา

ส่วนความเคลื่อนไหวของ กกต.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้จัดพิธีเลี้ยงเพลพระเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงาน กกต. ครบ 9 ปี โดยบรรยายกาศเป็นไปแบบเงียบๆ มีเพียง กกต. ซึ่งประกอบไปดวย พล.ต.อ.วาสนา นายปริญญา นาคฉัตรี และ นายวีระชัย แนวบุญเนียร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จำนวนไม่มากร่วมพิธี

อ้างคดีทรท.ต้องให้อัยการชี้ขาดเอง

ทั้งนี้ นายวีระชัย ให้สัมภาษณ์ถึงการไม่ยอมชี้มูลความผิดของพรรคไทยรักไทยว่า ก่อนจะมาถาม ขอให้ไปอ่านกฎหมายกันก่อน เพราะในมาตรา 67 มีขั้นตอนเรื่องการพิจารณาอยู่แล้ว และกรณีของพรรคไทยรักไทยกับพรรคเล็กก็ถือเป็นคนละกรณีกัน โดยในการสั่งยุบพรรคเล็กนั้นมีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ขณะที่กรณีของพรรคไทยรักไทยต้องส่งหลักฐานไปให้อัยการพิจารณา

แบะท่าดึงเกม-ตั้งกก.สอบใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมกกต.ไม่ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 145 (3) ที่ให้สอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดไปเลย นายวีระชัยตอบว่า นี่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง ไม่ใช่ตามรัฐธรรมนูญ และยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประวิงเวลา แต่เป็นไปตามมาตรา 67 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง โดยนายทะเบียนต้องส่งหลักฐานให้อัยการ จากนั้นให้อัยการพิจารณาว่า จะสอบเพิ่มหรือไม่ และหากหลักฐานพอก็ส่งฟ้องศาล ถ้าไม่ฟ้อง กฎหมายก็เขียนต่อว่า ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยมีอัยการร่วมด้วย เพื่อหาหลักฐานเพิ่ม หากหาข้อยุติไม่ได้อีก ก็เป็นหน้าที่ของ นายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาเองต่อว่า จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินหรือไม่

พี่หนาบ่จอยประชด"เอาไงเอากัน"

ขณะที่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวเพียงว่า "เอาไงก็เอากัน" ผู้สื่อข่าวจึงพยายามถามย้ำว่า กกต.จะชี้มูลความผิดการยุบพรรคไทยรักไทยไปให้อัยการสูงสุดหรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กลับเดินหนีไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที โดยไม่ยอมกล่าวอะไร

3เสือสะท้านศาลรับฟ้องคดีสุเทพ

วันเดียวกันที่ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง กกต. ทั้ง 3 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และกระทำการอันเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมือง จากกรณีการละเลยการสอบสวนกรณีการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง

โดยศาลพิเคราะห์จากพยานในชั้นไต่สวนแล้วเห็นว่า คดีมีมูล จึงมีคำสั่งประทับรับฟ้องในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำการอันเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมือง ส่วนข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ศาลพิจารณายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า นายสุเทพ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง การกล่าวหาของ พล.ต.อ.วาสนา จะระบุชัดได้ว่าเป็นการกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายเรียกจำเลยทั้ง 4 มารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 5 วัน และนัดแถลงเปิดคดี ในวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.

กลาโหมสรุปผลสอบเทปลับรั่ว

ส่วนที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม แถลงผลการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดในการนำภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดของกระทรวงฯ ออกไปเผยแพร่ กระทั่ง นายสุเทพ นำไปกล่าวอ้างเป็นหลักฐานว่า มีตัวแทนจากพรรคการเมืองขนาดเล็กเข้าไปรับเงินค่าจ้างลงสมัครรับเลือกตั้งจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

โดย พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า ผลการสอบสวนไม่พบว่า บริษัทเอกชนที่เป็นผู้ติดตั้งระบบเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นฝีมือของบุคคลในกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ฝึกฝนและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง

ฟันฉับอาญาจ่าสิบเอก-ร้อยโท

ทั้งนี้จากการนำสืบพบว่า เจ้าหน้าที่ที่กระทำการดังกล่าวอยู่ในกองรักษาความปลอดภัย คือ จ.ส.อ.สุพจน์ พานเพ็ชร เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค และ ร.ท.ณรงค์ศักดิ์ เปรมสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเป็นผู้ควบคุมดูแล จ.ส.อ.สุพจน์ โดยมีพยานหลักฐานแวดล้อมที่เชื่อได้ว่า ทั้งคู่เป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวจริง จึงเสนอให้ดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองในความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญได้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองแล้ว

ภาคทัณฑ์อีก 2 นายพัน

"ทั้งสองคนถือว่าต้องคดีอาญา โดยจะถูกสั่งพักราชการในระหว่างมีการสอบสวน ส่วนการดำเนินการสอบสวนให้ลึกลงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนทางคดีต่อไป ส่วนผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนจะถูกดำเนินการทางวินัยทหารฐานบกพร่องต่อหน้าที่ราชการมีโทษภาคทัณฑ์เป็นเวลา 1 ปี คือ พ.ท.กุรุ เซ็นศิริวัฒนา หัวหน้าแผนก รปภ.สถานที่ และ พ.อ.อาวุธ แสงตะวัน ผอ.กองรักษาความปลอดภัยสำนักนโยบายและแผน กลาโหม " พล.อ.สิริชัยกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์