อันตรายแปดอย่างของทักษิณ

อันตรายแปดอย่างของทักษิณ

โดย ชัยอนันต์ สมุทวณิช 24 มีนาคม 2549 15:32 น.

เพื่อนๆ ถามผมว่าอันตรายของระบอบทักษิณมีร้่ายแรงแค่ไหน เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองต่างลงความเห็นว่า ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งเห็นอันตรายของการมีทักษิณเป็นผู้นำประเทศ ผมจึงสรุปให้เพื่อนฟังดังนี้

1. ความคิดบางเรื่องของทักษิณเป็นอันตรายร้ายแรงต่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศ ที่เห็นชัดเจนมากได้แก่ ความคิดเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งได้มีการร่างพระราชบัญญัติ และผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อต้นปี 2548 การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น โดยปกติมีวัตถุประสงค์ในการอำนวยความสะดวกในด้านการบริการต่างๆ เช่น การขนส่ง ภาษี การศุลกากร สาธารณูปโภค แต่ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลให้อำนาจ และความเป็นอิสระของเขตเศรษฐกิจพิเศษมากเป็นพิเศษ มีการยกเว้นกฎหมายผังเมือง กฎหมายสิ่งแวดล้อม และให้มีอำนาจการจัดการเป็นเอกเทศ จนเกิดข้อสังเกตว่า การมีเขตเศรษฐกิจพิเศษในลักษณะนี้ จะเป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 7 หรือไม่

ในยุคโลกาภิวัตน์ แนวคิดเกี่ยวกับชาติ ประเทศ และอธิปไตยเปลี่ยนแปลงไป การที่รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรที่แบ่งแยกไม่ได้ จึงไม่ได้หมายความเฉพาะการแบ่งแยกดินแดนที่เป็นผืนแผ่นดิน แต่รวมไปถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอำนาจอธิปไตยด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเหนือดินแดนด้วย การที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจมาก และมีข้อยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายบางฉบับด้วยแล้ว ย่อมทำให้หมิ่นเหม่ต่อการตีความว่า การมีเขตเศรษฐกิจพิเศษในลักษณะนี้ เป็นการแบ่งแยกราชอาณาจักรผิดมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากระบอบทักษิณยังคงอยู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดขึ้นตามกฎหมายนี้ ก็จะกลายเป็นการมีรัฐซ้อนรัฐ เอกภาพของอำนาจอธิปไตยก็จะไม่มี

2. การรวมตัวของอำนาจเงินกับอำนาจทางการเมือง ทำให้ทักษิณสามารถผนึกกำลังการสนับสนุนของประชาชนได้ ด้วยวิธีการต่างๆ และทำให้ทักษิณสามารถใช้กติกาทั้งที่เป็นทางการ และที่ไม่เป็นทางการควบคุมสังคมได้ ดังที่ปรากฏมาแล้ว

3. การมีวาระซ่อนเร้น และผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำเนินนโยบาย และการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ ตัวอย่างที่เคยปรากฏมาแล้ว ได้แก่ การอาศัยการเปิดสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ เพื่อประโยชน์ของบริษัทตนเองและพวกพ้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินกู้แก่พม่า การเปิดเส้นทางการบินไปบังกลาเทศ นอกจากนั้น นโยบายต่างประเทศที่มีกับรัฐบาลพม่าก็ทำให้นานาประเทศไม่พอใจประเทศไทย

4. การแสวงหาประโยชน์จากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กรณีที่เห็นได้ชัดคือ การขายหุ้นของ ปตท.นอกจากนั้น ยังมีการตั้งกองทุนไว้ในต่างประเทศ โดยว่าจ้างชาวต่างประเทศเป็นผู้บริหาร เพื่อนำมาซื้อหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าตลาดหุ้น

5. ความแตกแยกของคนในชาติจะมีมากขึ้น นอกจากในสามจังหวัดภาคใต้แล้ว ขณะนี้ยังเกิดความแตกแยกระหว่างคนในเมือง ผู้มีการศึกษา และได้รับข้อมูลข่าวสารมากกับคนในชนบทนอกเขตเทศบาล ผู้ด้อยการศึกษา และได้รับข้อมูลข่าวสารน้อย ขณะนี้ทักษิณและพวกได้เร่งระดมการสนับสนุนโดยอาศัยเงิน และกลไกของรัฐทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นข้ออ้างต่อสู้กับคนในเมืองหลวง

6. การแทรกแซงระบบราชการในทุกระดับมีมากขึ้น การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในวงราชการ และรัฐวิสาหกิจคัดจากพวกพ้องที่มีความจงรักภักดีต่อผู้นำ และภรรยาพร้อมที่จะฟังคำสั่งจากทักษิณและภรรยา เป็นเหตุให้คนดีมีความสามารถเกิดความท้อแท้

7. การคอร์รัปชันขยายวงกว้างมากขึ้น มีการเรียกรับสินบนในอัตราสูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา มีการพัฒนาโครงการขึ้นมารองรับ การหาผลประโยชน์จากโครงการใหญ่ๆ โดยให้เสนองบประมาณสูงเกินจริงในกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ เช่น ปตท. การบินไทย

8. การใช้เงินในกิจการที่ทักษิณคิดขึ้นเป็นระยะๆ โดยขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เช่น โครงการ Elite card โดยหลายโครงการเป็นการใช้เงินจากกองสลาก ซึ่งทักษิณส่งเพื่อนไปคุมการดำเนินงานอยู่

อันตราย 8 ประการนี้ ทำให้ผู้มีข้อมูลข่าวสารเกิดความวิตกกังวล เพราะถ้าจะดูความสามารถของทักษิณแล้ว ก็จะเห็นว่ายัง มือไม่ถึง ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอุปนิสัยของทักษิณเป็นคนที่รู้น้อย แต่ชอบแสดงตัวว่ารู้มาก ชอบพูดมากกว่าชอบฟัง คิดเร็วโดยไม่ค่อยไตร่ตรอง และขาดความลึกซึ้งในความคิด โดยสรุปทักษิณเป็นคนรู้น้อยที่ชอบแสดงและขยัน จึงเป็นอันตรายในแง่ของคนรู้น้อยที่ขยันสร้างโครงการ สร้างปัญหาที่ไม่รู้จบ

ถ้าทักษิณยังอยู่ต่อไปอีก เราก็จะมีผู้นำมวลชนจัดตั้งที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสังคม นับวันคนจำนวนมากได้เริ่มเข้าใจ และเห็นภัยพิบัตินี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์