อภิสิทธิ์เผยแก้ไขรธน.นำร่องไปสู้การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ อ้างเคลียร์ใจชวน-บัญญัติแล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววันที่ 23 พฤศจิกายนถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550

โดยภาพรวมและสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังเป็นปกติ ซึ่งน่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยความเรียบร้อย เป็นไปได้ว่าในวันที่ 25 พ.ย. ที่จะมีการลงมติกลุ่มพันธมิตรฯอาจจะมาชุมนุมากขึ้น แต่ก็อยากให้ฟังการอภิปรายของรัฐสภา เพื่อจะได้ทราบเนื้อหาและประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ เพราะแม้คนที่คัดค้านก็ยอมรับว่าเนื้อหาที่เสนอนั้นไม่ได้เป็นปัญหา แต่กลัวว่าจะมีการเพิ่มเติมในส่วนอื่นเข้ามา แต่จะสังเกตได้ว่าเนื้อหาที่ได้เขียนไว้ในการแก้ไขจะรัดกุม โดยไม่มีการสอดแทรกประเด็นอื่น

เมื่อถามว่า อาจจะมีความพยายามเปลี่ยนแปลงร่างฯของรัฐบาลเพื่อใช้ร่างฯของ 102 ส.ส.ได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูกันในชั้นกรรมาธิการ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงไปก็จะกลายเป็นร่างของสภาฯ ซึ่งพรรคการเมืองก็ต้องกลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าจะเห็นอย่างไร ในวาระ 2 และ 3  เพราะเราไม่ทราบว่าในชั้นกรรมาธิการจริงๆนั้นใครจะแปรญัตติอย่างไรบ้าง ซึ่งกฎหมายทุกฉบับเมื่อเข้าสู่สภาฯและคณะกรรมาธิการไปทำงานแล้ว เมื่อจะกลับเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งแต่ละพรรคก็ต้องพิจารณาว่าจะเห็นตามคณะกรรมาธิการหรือจะเอาตามเดิม แล้วสุดท้ายก็จะเห็นชอบในวาระที่ 3 หรือไม่

“เราต้องดูว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะเราไม่ทราบว่าใครจะแปรญัติอย่างไรบ้าง แต่หลักมันไม่ควรจะหนีไปจากที่เสนอ และพยายามหาความพอดีอยู่ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรล่วงหน้าเพราะเรายังไม่รับหลักการกันเลย เมื่อแปรญัตติแล้วค่อยว่ากันอีกที”

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

อยากให้เป็นเหมือนร่างของนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูยตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีเหตุผลเชื่อมโยงชัดเจนและพยายามตอบโจทย์ทุกฝ่าย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า 2 ประเด็นที่เสนอให้มีการแก้ไขนั้นไม่ใช่ประเด็นที่สร้างปัญหาอะไรเลย แต่กลับน่าจะสามารถเดินหน้าทำงานตามระบบรัฐสภาได้ หากฉบับไหนมีเรื่องนิรโทษกรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และก็คิดว่าภายใน 2-3 วันนี้เมื่อได้ข้อยุติปมของการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะได้จบไปลงสำหรับรัฐสภาชุดนี้

“ผมเห็นว่าหลังการประชุมเรื่องร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็ไม่ควรมีประเด็นอะไรโต้แย้งกันอีกเรื่องรัฐธรรมนูญในสภาฯชุดนี้ หากใครยังมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญก็ควรจะรอหลังการเลือกตั้ง เรื่องนี้ก็จะจบไปเรื่องหนึ่ง และถ้าเรื่องรัฐธรรมนูญจบไปก็จะหมดไปอีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะทำให้ยุบสภา ที่อาจจะมีปัญหาค้างคาใจกันอยู่ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ผมเคยบอกว่าอยากให้ตกลงเรื่องกติกาให้ชัดก่อนการเลือกตั้ง หากเรื่องนี้เสร็จไปอีกเรื่องหนึ่ง ก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจเรื่องการจัดการเลือกตั้งที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น อีกเรื่องก็คือความสงบ ที่จะเป็นเรื่องสุดท้าย แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้น ”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเคยบอกไว้นานแล้วว่าก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ก็ต้องมีการดำเนินการเรื่องกติกาให้เรียบร้อยเสียก่อน และ 3 วันนี้ก็เชื่อว่าสภาฯจะได้ข้อยุติ 

เมื่อถามว่า มีการกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่าทรยศประชาชนและทรยศมติของตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มี เพราะในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ก็ได้ย้ำและทุกคนก็ต้องเข้าใจว่า ถ้าเราไม่ได้มีกระบวนการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายมาทำงานก็คงไม่เสนอ แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการด้วยการมีคณะกรรมการชุดต่างๆ หากยังยึดติดกับความต้องการของตัวเองตลอดก็ไม่มีปีระโยชน์อะไรที่จะใช้กระบวนการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา และในวันที่เราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพรรคก็เห็นชอบและทุกคนก็รับทราบเพราะได้มีการรายงานให้ที่ประชุมพรรคทราบด้วย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และนายบัญญัติ บรรทัพฐาน สมาชิกสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ว็อคเอาท์ ออกจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ในช่วงเช้าผมได้หารือกับอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 2 ท่านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร” เมื่อถามว่าปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสร้างความแตกแยกภายในพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ”

เมื่อถามว่า นายชวนระบุว่าไม่ควรให้วิธีการข่มขู่ลูกพรรคให้สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการบอกว่าจะไม่ให้เงินสนับสนุนการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้นายชวนได้พูดคุยกับตนและบอกว่าเป็นการพูดถึงอดีต แต่วันนี้ไม่มี จึงไม่มีปัญหาอะไร

“ท่านบอกว่าคราวที่แล้ว ตอนที่มีการอภิปรายในพรรค มีการพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา ส่วนมีจริงหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความรู้สึกอันนี้ทำให้คนคิดว่าถ้ามีจริงก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ไม่มี ท่านบอกกับผมเองว่า ท่านไม่เห็นมีประเด็นนี้เลย”