“อภิสิทธิ์”หาเสียงวงเวียนใหญ่ เจออีก ชูป้ายด่า

“อภิสิทธิ์”หาเสียงวงเวียนใหญ่  เจออีก ชูป้ายด่ากลางสะพานลอย

วันนี้(16มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ ย่านฝั่งธน โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส.ภาคกทม. นายเจริญ คันธวงศ์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นำทีมผู้สมัครส.ส.ย่านฝั่งธน 10 เขต เข้าจุดธูปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งนี้พรรคได้จัดเก้าอี้โดยรอบพระบรมราชานุสาวรีย์ให้ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

ระหว่างการแนะนำตัวผู้สมัครส.ส. ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มประชาชน 5 คน เป็นผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 1 คน ไม่ได้สวมเสื้อสีแดง

มายืนชูโจมตีพรรคประชาธิปัตย์อยู่บนสะพานลอยทางไปสะพานพุทธ ตรงข้ามเวทีปราศรัย โดยมีพรรคพวกรายล้อมอยู่บนสะพานลอยกว่า 10 คนต่างพากันชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์เบอร์ 1 ด้วย ทั้งนี้ป้ายที่ชู อาทิ นักธุรกิจตาย ใครอยู่รอด กู้มาโกง , นายกฯ 2 สัญชาติ , 91 ศพ ต้องมีผู้รับผิดชอบนะครับ และ ใครส่งทหารฆ่า ฮิโรยูกิ โดยเขียนสัญลักษณ์ธงชาติญี่ปุ่นประกอบด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ขณะที่บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ยังคงปราศรัยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ให้ความสนใจและไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

นายถนอม อ่อนเกตุพล ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที ประกาศบนเวทีว่า ตอนนี้มีคนมีชูป้ายอยู่กลางสะพานลอย ขอให้ทุกคนช่วยกันโห่หน่อย

 โดยขอให้โห่เสียงดังไปถึงประเทศดูไบ ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์พากันโห่เสียงดัง แต่กลุ่มที่มาป่วนก็ยังชูป้ายสู้ อย่างไรก็ตามนายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศบนเวทีว่า ถ้าเขามาโดยไม่ได้ส่งเสียงรบกวนก็ไม่เป็นไร ตอนคนที่เสียชีวิต 91 ศพนั้น มีนายทหารอยู่ด้วย

จนกระทั่งเวลา 18.25 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พร้อมเข้าจุดธูปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ด้วย เหตุการณ์ทั่วไปไม่มีเหตุรุนแรง

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อความลงในเฟซบุ๊คของตัวเอง เรื่อง “ 91 ศพ สังเวยความต้องการใคร ( 2 )” ว่า ในการแก้ปัญหาการชุมนุมช่วงปี  53 ได้เคยเสนอแนวทางปรองดองกับกลุ่มผู้ชุมนุม หากยุติการชุมนุม จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่สังหรณ์ใจไม่ผิดคือ แผนปรองดองทั้งหมดมีจุดอ่อนจุดเดียว  ที่ไม่มีการนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ทำให้เจรจาก็ล้มเหลว เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีการเลิกชุมนุม ศอฉ.จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกระชับพื้นที่  ซึ่งไม่ใช่การสลายชุมนุม แต่เป็นการปิดล้อมเพื่อไม่ให้คนเข้าออกในพื้นที่ และต้องใช้อาวุธจริงเพื่อป้องกันตัวเองและป้องกันเอ็ม 79 เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เกิดขึ้น

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่สะเทือนใจที่สุด คือความสูญเสียที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งไม่สามารถฟันธงได้ว่า 6 ศพที่วัดเป็นฝีมือใคร แต่ตนถามว่า มีเหตุผลอะไรที่เจ้าหน้าที่จะจงใจไล่ยิงประชาชนเมื่อการชุมนุมสิ้นสุดแล้ว  เชื่อว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลของการปะทะหรือการฉวยโอกาสของกลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า วันนี้เหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี ยังคงมีกระบวนการที่ตั้งธงว่า ตนเป็นฆาตกร ขอให้ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะ และการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ แล้วจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างการสั่งฆ่าประชาชนกับการรักษากฎหมาย.
 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์