อภิสิทธิ์ชี้ทักษิณคุยข้ามประเทศเป็นไปตามคาด

อภิสิทธิ์" ชี้ ทักษิณ"


จ้อข้ามประเทศเป็นไปตามคาด แขวะเรื่องที่เกิดมีต้นตอจากตัวเอง อย่าโทษว่าคนอื่นกลั่นแกล้ง วอนศาลให้ความมั่นใจ กระบวนการยุติธรรมเป็นอิสระ เชื่อถือได้ และเป็นกลาง

(16มิย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านเวทีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการว่า ไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย เป็นการพูดกับผู้สนับสนุน และพยายามยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด

ส่วนเรื่องที่บอกว่า

ถูกรังแก คงจะต้องพิสูจน์กัน คิดว่าสิ่งที่จำเป็น คือ ต้องการให้ทุกฝ่ายรับทราบว่า กระบวนการพิจารณาเป็นอย่างไร และผู้ที่เกี่ยวข้องควรออกมายืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องของการว่าไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องนำข้อมูลมาหักล้างกัน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า


สำหรับเรื่องของบุตรและภรรยา ของอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า การที่บุตรและภรรยาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเป็นการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นคนเอาปัญหาไปให้คนใกล้ชิด ด้วยการโอนทรัพย์สินและหุ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ชัดเจนว่า เคยปล่อยอำนาจในการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นจะไปพูดว่า เป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งคนอื่น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเริ่มมาจากการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า

จะกลับมาต่อสู้ และจ้างบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการสู้คดี อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอลี้ภัยต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การต่อสู้คดี ต้องมีกระบวนการและกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อประกาศเช่นนี้ ก็ต้องกลับมาสู้

แต่การมาสู้ในกรณีนี้

คือมาสู้ในกระบวนการยุติธรรม ถ้าเข้ามาอย่างนี้ได้ และบอกให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า กระบวนการนี้จะให้ความเป็นธรรมก็เป็นเรื่องปกติ บ้านเมืองก็ต้องเดินต่อไป ส่วนการลี้ภัย เป็นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปขอ และขึ้นอยู่กับประเทศที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา แต่จนถึงขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้ระบุชัด แต่บริษัทที่ปรึกษากฎหมายได้เปรยมาว่า กำลังดูทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งการไม่กลับมา ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง

ถ้าคุณทักษิณลี้ภัย


การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ เพราะท่านไม่มา การพิจารณาคดีต้องเป็นการพิจารณาต่อหน้า ความจริงในใจผมอยากให้ทางการ โดยเฉพาะในส่วนของศาล ให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งประเทศว่ากระบวนการยุติธรรมของเราเป็นอิสระ เชื่อถือได้และเป็นกลาง

และใจของผมเองก็เชื่อว่า

คนไทยทุกคนก็อยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะฉะนั้นมาพิสูจน์กันตามกระบวนการของกฎหมาย สังคมก็ควรปล่อยให้กระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการยุติธรรมดำเนินไป เพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคนเสมอภาคและเท่าเทียมกันจริง ๆ ว่าใครทำผิดต้องรับโทษ ใครไม่ทำผิดก็ต้องไม่ถูกกลั่นแกล้ง

ถ้าเราทำอย่างนี้ได้

บ้านเมืองก็จะเดินไปข้างหน้าได้มาก ชาวโลกเองก็จะเข้าใจว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนา เป็นสังคมที่ยึดมั่นในเรื่องของนิติรัฐจริง ๆ หากจะให้ประเมินเรื่องการลี้ภัยหรือการกลับมาสู้คดีนั้น ผมคงประเมินไม่ได้ เพราะแต่ละคนก็มีความคิดและเป้าหมายไม่เหมือนกัน

แต่สำหรับบ้านเมือง

ผมอยากพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเราสามารถที่จะควบคุม ความเป็นสภาพบ้านเมืองที่มีขื่อมีแปร ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าทียมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า


ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่สั่งอายัดทรัพย์ หากเปิดเผยข้อมูล ประชาชนก็จะเข้าใจ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องนำข้อเท็จจริงมาพูดกัน แต่ไม่ควรพูดลอย ๆ เช่น ถ้าไปพูดเพียงแค่ว่ากลั่นแกล้ง จะเสียหายถึงหลายกระบวนการในประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า

มีความจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงต่อคณะทูตประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏตามที่ คตส.ระบุ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ

ต่อข้อถามว่า มองอย่างไรที่

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ตอบรับพร้อมที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝง และช่วยให้บ้านเมืองสงบ ถือเป็นเรื่องที่ดี สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า


คิดว่าหลังจากการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด

เมื่อถามถึงกรณีที่

นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้ฝ่ายต่าง ๆ ในบ้านเมืองเจรจากันเพื่อความสงบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่แต่ละฝ่ายจะพูดคุยว่า สิทธิของตัวเองอยู่ตรงไหน เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ โดยต้องเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง เช่น สถาบันพระปกเกล้า องค์กรสื่อ ฯลฯ เพื่อหารือถึงแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ความร่วมมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า

สังคมขณะนี้ ข่าวลือและข่าวปล่อยค่อนข้างมาก จะหยุดได้อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข่าวลือก็มีมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งต้องดูว่ามีจริงกี่เรื่อง ไม่จริงกี่เรื่องดีที่สุดคือ อย่าหวั่นไหว ตื่นตระหนก

สิ่งเหล่านี้

เป็นการทดสอบความเข้มแข็งของสังคมว่าต้องตั้งสติให้มั่น ใช้สติปัญญา ดูข้อเท็จจริง ดูเหตุผล อะไรที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนร่วม อะไรที่ต้องหลีกเลี่ยง เมื่อทุกคนคิดได้เช่นนี้ ก็ไม่ต้องกลัวการปล่อยข่าว การทำสงครามจิตวิทยาก็มีตลอดเวลา เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์