อภิสิทธิ์ เตือน ถ้าดีเอสไอมีธงจะเอาให้ผิดจริง ธาริต เข้าข่ายตกเป็นจำเลยร่วม

อภิสิทธิ์ เตือน ถ้าดีเอสไอมีธงจะเอาให้ผิดจริง ธาริต เข้าข่ายตกเป็นจำเลยร่วม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel

เกี่ยวกับกรณีที่ศาลอาญาอ่านคำสั่งการไต่สวนคำร้องกรณีนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2553 โดย นายอภิสิทธิ์ ได้อธิบายในเรื่องนี้ว่าเรื่องนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และทุกฝ่ายก็เคารพกระบวนการยุติธรรม

“อธิบายในเรื่องของขั้นตอนก่อน จนถึงขั้นตอนที่มีการไต่สวน แล้วก็ศาลมีคำสั่งเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.55) เป็นการเริ่มต้นจากกระบวนการตามกฎหมายว่า เมื่อมีการเสียชีวิตซึ่งไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วก็อาจจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ต้องมีการไต่สวน เมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว เมื่อวานนี้ศาลก็เชื่อว่าเป็นการกระทำของทางเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปควบคุมพื้นที่ในบริเวณถ.ราชปรารภ ก็จะต้องส่งเรื่องกลับไปยังพนักงานสอบสวน แล้วก็อัยการ ซึ่งกรณีนี้ก็คงจะไปอยู่ที่ ดีเอสไอ ก็จะต้องไปดำเนินการต่อไปว่า เอาละ เมื่อเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ การเสียชีวิตนั้น มันมีใครมีความผิด แล้วก็ต้องพิจารณากันไป และจากการวินิจฉัย หรือการสั่งของศาลเมื่อวานนี้ ศาลก็สรุปเหตุการณ์เล่าง่ายๆ ก็คือว่า คุณพัน คำกอง นั้นเป็นคนขับรถแท็กซี่ แต่ว่า ได้เอารถแท็กซี่มาจอดอยู่ในบริเวณแถวถ.ราชปรารภ ในค่ำวันนั้น มันมีการยิง เอ็ม 79 เข้ามาที่บริเวณที่ทหารอยู่ แต่ไม่ใช่ตรง ถ.ราชปรารภนะครับ อาจจะเลยไปอีกหน่อย

แล้วก็มีการเตือนกันเป็นการภายในนะครับ อันนี้จากการที่มีการเบิกความว่า จะมีรถตู้ ซึ่งอาจจะฝ่าด่านที่ทางเจ้าหน้าที่เขาตั้งเอาไว้

พอตอนค่ำ ตอนดึกครับ ก็มีรถตู้เข้ามาจริง แล้วก็พอรถตู้นั้นเข้ามาแล้วก็มีการเตือนไม่ให้ฝ่าด่าน แต่ปรากฎว่ารถตู้ไม่หยุด เมื่อไม่หยุดก็มีการยิง เมื่อมีการยิง ปรากฎว่า นายพัน คำกอง ซึ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก็เลยถูกยิง แล้วก็เสียชีวิตต่อมา นี่คือสิ่งที่ศาลสรุป แล้วก็ที่ศาลเชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเป็นทหารนั้น เพราะว่าทางตำรวจไปเบิกความว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีเพียงทหารเท่านั้น ซึ่งเข้าไปได้ ก็นี่ก็คือสาระของมัน เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทุกฝ่ายก็เคารพกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องมีการดำเนินการต่อไปที่ ดีเอสไอ

แต่ว่าที่แปลกก็คือ ที่ดีเอสไอนั้น ดูทางคุณธาริต (เพ็งดิษฐ์) ก็พูดไปไกลหมดแล้ว เรื่องเจตนาฆ่า เรื่องอะไร

ทั้งๆ ที่ความจริงถ้าอ่านจากคำวินิจฉัยของศาล ก็เห็นได้ชัดเจนว่า กรณีการยิงที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเรื่องของการยิงสกัดรถตู้ แต่ว่าไปโดนนายพัน คำกอง เพราะฉะนั้น พยายามที่จะมาโยง แล้วพูดจาให้คนเข้าใจว่า มันเป็นเรื่องการเจตนาฆ่า แล้วมีคนสั่ง ให้เป็นคนสั่งมีเจตนาจะฆ่าอะไรทำนองนั้น ก็ใช้สามัญสำนึกก็แล้วกันว่ามันใช่หรือเปล่านะครับ”

ส่วนที่ หัวหน้าพนักงานสอบสวน อธิบดี ดีเอสไอ

ซึ่งกำกับดูแลคดีนี้ ดูจะรีบด่วนสรุปเกินไป จะมาตั้งข้อหาคนทางสื่อสารมวลชนอย่างนี้ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมก็ไม่ได้แปลกใจแล้วนะครับ เพราะว่า อย่าลืมว่า คุณธาริต นั้น พูดทำนองนี้ ตั้งแต่ก่อนศาลสั่งอีกว่า อยากจะดำเนินการต่อไปในลักษณะนี้ เหมือนมีธงอยู่แล้ว

ส่วนนายธาริต เป็นอธิบดี  ให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ก็เท่ากับส่งสัญญาณให้พนักงานสอบสวน

ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายธาริต พร้อมจะตั้งข้อหาคุณอภิสิทธิ์ กับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศอฉ. ว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนาเลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมว่า คุณธาริต จะส่งหรือไม่ส่งสัญญาณไม่ทราบนะครับ แต่ว่าคนที่สอบ ที่เขาพูดมาตลอดก็รู้สึกได้รับสัญญาณมาจากที่อื่นอยู่แล้วครับ เพราะว่าหลังจากที่พยายามอ้างว่า ชายชุดดำไม่มีเลย อะไรต่างๆ เมื่อวานนี้ คอป. ก็แถลงค่อนข้างชัดว่า ที่มาที่ไปเหตุการณ์อย่างไร แล้วก็ผมคิดว่าสังคมก็ต้องใช้เวลาสักนิดนึงกับการที่จะไปพิจารณารายงานของ คอป. ซึ่งมีความยาวถึงเกือบ 300 หน้า ประมาณนั้น แล้วก็มีข้อเสนอแนะต่างๆ มากมาย แต่ว่า ผมฟังการแถลงข่าวเมื่อวาน ก็เป็นการสรุปเหตุการณ์ที่พยายามที่จะให้เป็นไปตามความเป็นจริงที่เขาสืบค้นหรือค้นหาให้ได้มากที่สุด"

ทั้งนี้ ถ้าจะมีการตั้งข้อหากับนายสุเทพ ขึ้นมาจริงๆ แล้ว นายธาริต จะไม่ถูกอ้างเป็นพยานด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็น 1 ใน ศอฉ. ด้วยเหมือนกันว่า ไม่แน่ใจว่า ถ้าเกิดจะตั้งอย่างนั้น จะเป็นพยาน หรือจะต้องมาเป็นผู้เป็นจำเลยร่วมนะครับ เพราะว่าถ้าอย่างนั้นก็ต้องบอกว่ามีส่วนในการตัดสินใจเหมือนกัน


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์