“อภิสิทธิ์” ย้ำ นายกฯ ควรดูแลปัญหาใต้ด้วยตัวเอง

ประชาธิปัตย์ 6 ส.ค. - “อภิสิทธิ์” ลงพื้นที่ปัตตานี เผย ประชาชน-เจ้าหน้าที่ขวัญเสีย แต่ยังเข้มแข็ง พบปัญหาทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ ห่วง “พล.ต.อ.อดุลย์” เสนอ ให้ ศอ.บต.กลับไปอยู่ภายใต้ กอ.รมน.แก้ปัญหาไม่ถูกจุด แนะนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเต็มตัว หรือมอบรองนายกรัฐมนตรีแค่คนเดียวรับผิดชอบ เพื่อให้ชัดเจนมีเอกภาพ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.ปัตตานี ว่า

จากการแลกเปลี่ยนความเห็น พบว่ามีปัญหาใน 2 ระดับทั้งในเชิงบริหารจัดการในพื้นที่ โดยตำรวจแจ้งว่าขาดกำลังพล อุปกรณ์มีปัญหาการดำเนินคดี เนื่องจากชาวบ้านไม่กล้าเป็นพยาน ส่วนชุมชนจะบ่นเรื่องยาเสพติด สำหรับระดับนโยบาย พบว่าความไม่ชัดเจนของรัฐบาล ทำให้เกิดความสับสนในระดับปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างการทำงาน ที่ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.เสนอให้ย่อส่วน ศอ.บต.กลับไปอยู่ภายใต้ กอ.รมน. ซึ่งในพื้นที่มองว่าเป็นการถอยหลังกลับไป 4 ปี

“ผมอยากให้คิดดูให้รอบคอบ เพราะถ้าปัญหาคือไม่มีซีอีโอดูแล อย่างที่ พล.ต.อ.อดุลย์ กังวล ก็ควรเสนอให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นทั้ง ผอ.ศอ.บต.และประธาน กอ.รมน.อยู่แล้ว และที่กฎหมายออกแบบมาเช่นนี้ ก็เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งคุมนโยบายสูงสุด เป็นผู้ตัดสินใจ เพราะงานด้านความมั่นคงต้องประสานหลายหน่วยงาน แต่ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบเอง ก็ควรมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบให้ชัดเจน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ถี่มากขึ้น ก็มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทั้งประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ
 
แต่เท่าที่ได้พูดคุยก็ยังมีจิตใจเข้มแข็งในการใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  จึงต้องการให้รัฐบาลเอาใจใส่กับปัญหานี้อย่างจริงจัง  ไม่ควรกำหนดนโยบายในลักษณะทดลองที่จะทำให้เกิดเงื่อนไขใหม่ซ้ำเติมสถานการณ์ เพราะการแก้ปัญหาภาคใต้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จนตกผลึกว่าควรใช้กฎหมาย ศอ.บต.มาเป็นตัวกำกับ ด้วยเหตุผลว่าต้องการให้ฝ่ายปกครองเข้ามาถ่วงดุลในเชิงบริหารจากฝ่ายอื่นๆ และส่งสัญญาณให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาพื้นที่และมวลชนควบคู่กับงานด้านความมั่นคง

“การที่จะกลับไปให้ กอ.รมน.มีบทบาทนำในการแก้ปัญหาภาคใต้ จะทำให้ถูกมองว่ารัฐบาลกำลังจะลดความสำคัญด้านการพัฒนาที่ทำโดยฝ่ายปกครอง ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลที่แล้วพยายามทำมาโดยตลอด และจะกระทบต่อการดึงมวลชนให้เกิดความมั่นใจต่อภาครัฐด้วย”.- สำนักข่าวไทย