อภิสิทธิ์ ตอก แม้ว หมดความน่าเชื่อถือ ถาม ออกทีวีกลัวอะไร

อภิสิทธิ์ ตอก แม้ว หมดความน่าเชื่อถือ ถาม ออกทีวีกลัวอะไร

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 16:13 น.

อภิสิทธิ์ ตอก ทักษิณ กลัวอะไรกับการออกทีวีร่วมกับฝ่ายค้าน-พันธมิตร ที อาจสามารถ ยังให้ถ่ายทอดสดเป็นสัปดาห์ ยันไม่เข้าร่วมปิดห้องคุยแน่ เหตุรักษาการนายกฯเชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป เผยจะให้ถอยคนละก้าว ต้องทำลาย ระบอบทักษิณ ต้นตอปัญหาก่อน ชี้บอยคอตเลือกตั้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวทางสันติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ASTV เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมา กรณีที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หันหน้าเข้าเจรจากับรัฐบาล เพื่อยุติความขัดแย้ง และป้องกันเหตุการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรง ว่า แนวทางการหาทางออกด้วยความสงบเรียบร้อย และสันตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน และที่ผ่านมา ทุกฝ่ายก็ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการแสดงออก จะเห็นว่า การชุมนุมที่มีคนนับแสนก็ไม่มีความรุนแรง เพราะฉะนั้น ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายผู้ชุมนุมควรได้รับความชื่นชมยกย่อง และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้พยายามรักษาความสงบ แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่พรรคฝ่ายค้านไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน ก็เป็นสันติวิธี อีกรูปแบบหนึ่งที่สากลเขาก็ใช้กัน เมื่อเห็นว่า การยุบสภาไม่ถูกต้องก็สามารถบอยคอตการเลือกตั้งได้ แต่พอเมื่อสถานการณ์ที่ไปกดดันอีกฝ่ายหนึ่ง จนเขาทนไม่ไหว ก็ร้องออกมาว่า ไม่ไหวแล้วโว้ย หลายฝ่ายก็เกิดความกลัวว่าเหตุการณ์จะรุนแรง จึงอยากให้มานั่งโต๊ะคุยกัน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะไปนั่งเจรจากันนั้น ต้องตีให้แตกว่า ปัญหาของประเทศคืออะไร ถ้าตรงนี้ไม่จบ ก็จะหาทางออกไม่ได้ จะให้ถอยคนละก้าวได้ไหม ฝ่ายค้านส่งคนไปลงสมัครได้ไหม ซึ่งก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เพราะเขาปิดรับสมัครไปแล้ว และที่จริงการไม่ส่งคนลงสมัครก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเราไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น ถ้าจะถอย เราต้องมาดูก่อนว่า ปัญหาที่เราไม่ส่งคนลงสมัครคืออะไร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เผชิญอยู่ขณะนี้ เป็นเรื่องความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายอย่าง ที่ชัดเจนคือ การขายหุ้นชินคอร์ป การทุจริตเชิงนโยบาย การทำลายเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปครอบงำองค์กรอิสระ จำกัดบทบาทของฝ่ายต่างๆ ที่จะเข้าไปตรวจสอบ ความไม่ชอบธรรมเหล่านี้ จะเอาการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมาฟอกตัวไม่ได้

พอมีปัญหารุมเร้า ในเบื้องต้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บอกว่า จะเปิดสภา พอจะเปิด เรากำลังเตรียมตัว ก็มายุบสภา อ้างว่าจะคืนอำนาจ ให้ประชาชน ซึ่งไม่มีประเทศไหนทำ ที่เอาปัญหาความไม่ชอบธรรมของตัวเอง ไปถามประชาชนด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้ง อย่างสหรัฐฯ ประธานาธิบดีนิกสัน โดนคดีวอเตอร์เกต เขาก็ยอมลาออก หลายประเทศที่ใช้ระบอบรัฐสภา เมื่อผู้นำถูกประชาชนกดดัน ส่วนใหญ่เขาจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมขึ้นเวทีออกโทรทัศน์ร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ว่า ก็ไม่ทราบว่ากลัวอะไร เรื่องออกโทรทัศน์ ทีไปอำเภออาจสามารถ ยังออกได้ทั้งอาทิตย์ แม้แต่ตอนใส่ผ้าขาวม้ายังให้ออกได้เลย ทีปัญหาของชาติทำไมไม่กล้าให้ออก

นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า ถ้าจะให้เขาไปคุยกันในห้องโดยไม่มีการถ่ายทอดสด ตนไม่เอาแน่นอน เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ในฐานะที่จะเชื่อถือคำพูดได้อีกต่อไป เพราะขนาดออกทีวีไปทั่วประเทศ แต่พอตกตอนเช้ามาก็พูดไปอีกอย่าง กลัวว่า เมื่อคุยกันในห้องแล้วเดินออกมาก็จะพูดไปอีกอย่าง

ปชป. อัด แม้ว ขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้า 3 ฝ่าย -ให้โอกาสทบทวน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 13:14 น.

ปชป.เตือนทุกฝ่ายอย่าเร่งหาทางออกจนลืมต้นตอปัญหา ซัด แม้ว ขี้ขลาดไม่กล้าพบกัน 3 ฝ่ายกลางสาธารณะ จวกแค่ข้ามวันก็ลืมคำพูดตัวเอง ไม่รู้กลัวอะไร ชี้ทำให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด พร้อมให้เวลากลับไปทบทวน อยากตายอย่างมีคนสรรเสริญ หรือสาปแช่ง

วันนี้ (12 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้มีความพยายามจากภาคส่วนที่จะออกมาหาทางออกทางการเมืองให้กับประเทศชาติ ซึ่งพรรคเห็นว่าความพยายามดังกล่าวแม้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ก็ควรที่จะมองไปถึงต้นตอของปัญหา เพราะไม่เช่นนั้นจะเห็นแต่ทางออกที่สูญเปล่า ไม่ควรที่จะทำให้ปัญหาหมดไปแค่เฉพาะหน้า เพราะจะไม่ต่างไปจากการที่เราเอาน้ำหอมไปปะพรมบนกองขยะ แต่เราที่ควรจะเอาขยะไปรีไซเคิล

นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิดเวทีพบกันทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งจากการรับฟังการออกรายการถึงลูกถึงคนของ พ.ต.ท.ทักษิณในวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ ก็มีทีท่าว่าพร้อมที่จะออกทีวีพบปะกันทั้ง 3 ฝ่าย แต่พอในวันที่ 11 มี.ค. นายกฯกลับขึ้นเวทีปราศรัยปฏิเสธที่จะมีการหารือร่วมกันผ่านสาธารณะ แต่เสนอให้ปิดห้องคุยกัน

ทั้งนี้ ทำให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้นำประเทศที่ไม่ทันข้ามวันก็กลืนคำพูดตัวเอง ไม่รู้ว่ากลัวอะไร หากมีความโปร่งใสก็ไม่น่าที่จะกลัวอะไร และปัญหาของประเทศขณะนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือปัญหาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่มันเป็นปัญหาของคนทั้งประเทศที่ไม่ใช่จะไปหารือกันในทางลับๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับทางราชการที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งพรรคยินดีที่จะให้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายกฯ มักจะพูดว่าตัวเองถูกตรวจสอบมากที่สุด ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะนายกฯ พยายามที่จะหนีการตรวจสอบมาตลอดเวลา โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2544 ที่มีการยุบรวมพรรคความหวังใหม่ และพรรคกิจสังคม เข้ามาเป็นพรรคเดียวกับพรรคไทยรักไทย นอกจากนี้ยังจะมีการยุบรวมพรรคชาติพัฒนาและดึงพรรคการเมืองบางส่วนเข้ามาร่วมเพื่อต้องการเสียงข้างมากในสภาเพื่อหลีกหนีกระบวนการตรวจสอบ

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประกาศไว้ว่าจะขอตายอยู่ที่เมืองไทย อยากจะบอกว่าผู้นำประเทศที่พูดแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะหนีออกนอกประเทศก่อนคนอื่นเสมอ และหากจะขอตายในประเทศไทยจริงๆ ก็ต้องไปคิดตั้ง แต่วันนี้ว่าหากจะตายจะให้คนสรรเสริญหรือว่าสาปแช่งให้ไปใช้เวลาคิดแบบเงียบๆ คนเดียวโดยไม่มีบริวารมาคอยป้อยอ และเชื่อว่าคนระดับนายกฯ คงจะมองออกว่าอันไหนเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและตัวของท่านเอง นายองอาจ กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังต่อสู้กับระบอบเผด็จการ แต่ไม่ใช่เป็นเผด็จการทหาร เพราะปัจจุบันนี้เป็นการต่อสู้กับเผด็จการทุนนิยมสายพันธุ์ใหม่ที่มีกลุ่มธุรกิจการเมืองที่มาครอบงำอาศัยความซับซ้อนสร้างให้การเมืองไทยเป็นสีเทา ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการต่อสู้ทุกรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์