อนุพงษ์หักดิบเพื่อนแม้ว จัดทัพตัดขั้วอำนาจให้สิ้นซาก

ประกาศอย่างเป็นทางการ "โผทหารกลางปี" จำนวน 454 อัตรา

แม้โผทหารกลางปีหนนี้จะประกาศล่าช้า ด้วยเหตุที่กระทรวงกลาโหมจัดระเบียบโครงสร้างส่วนราชการใหม่ ทำให้บางหน่วยต้อง "ยุบทิ้ง-ยุบรวม-เกิดใหม่" จึงต้องมีความละเอียดมากกว่าทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์ที่ "การเมืองไม่นิ่ง" อาจพลิกผันได้ทุกเมื่อ ที่สำคัญตั้งแต่หลังเหตุ 19 กันยายน 2549 เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน "แก๊ง 4 ป." เรืองอำนาจ ซึ่งผู้ใหญ่ในกองทัพได้นำ "เท้าข้างหนึ่ง"เหยียบการเมืองเอาไว้

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ "โผทหาร" ทุกครั้ง ผบ.เหล่าทัพ ผู้กุมอำนาจกองทัพอยู่ต้องจัดวาง "คนใกล้ชิด" ที่มีความไว้วางใจเข้าไปดูแลบังคับบัญชาใน"หน่วยคุมกำลังหลัก"

เพื่อให้มั่นใจว่า "อำนาจบังคับบัญชา" จะตรงตามเป้าประสงค์ทุก "อำนาจสั่งการ"

ทั้งนี้ กองทัพบกในห้วง 2 ปีของ "ยุคบิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้จัดระเบียบสายการบังคับบัญชา เพื่อจัดวางคนใกล้ตัวเข้าไป "คุมกำลังหลัก" ทั้งใน กทม. และพื้นที่ "ฐานกำลัง-ฐานเสียง" ของเครือข่าย "อดีตผู้นำประเทศ" แล้วทุกหน่วย

โดยเฉพาะนายทหารที่เติบโตจาก "เหล่าทหารเสือราชินี" กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยที่ พล.อ.อนุพงษ์ ไว้วางใจเป็นพิเศษจะได้รับการพิจารณาให้คุมกำลังสำคัญของกองทัพ

ที่สำคัญคือ "หน่วยกำลังรบ" ในกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งคุมพื้นที่ทั้ง กทม. ปริมณฑล และพื้นที่จังหวัดภาคกลางรวม 26 จังหวัด ซึ่งเป็นกำลังรบสำคัญที่มีส่วนเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาทุกยุคสมัย

ล่าสุด "โผทหารกลางปี" พล.อ.อนุพงษ์ ยังหักดิบเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 (ตท.10) ที่ยืนอยู่ "คนละขั้ว" ซึ่งยังพอหลงเหลืออยู่บ้างในตำแหน่งสำคัญของกองทัพ ซึ่งมีอำนาจบังคับบัญชาในการ "สั่งใช้กำลัง" ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องปรับย้าย "เพื่อนคนละขั้ว" พ้นตำแหน่งเหล่านั้น

อาทิ พล.ท.โสภณ ดิษฐแย้ม แม่ทัพน้อยที่ 2 ถูกโยกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.(อัตราพลเอก) หลุดสายคุมกำลัง พล.ท.ดุลกฤต รักษ์เผ่า แม่ทัพน้อยที่ 1 ถูกโยกพ้นกองทัพบกข้ามฟากไปเป็น รอง ผบ.หน่วยทหารพัฒนา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย

ถือเป็น ตท.10 "ขั้วอำนาจเก่า" ล็อตเกือบสุดท้ายที่ยังคุมกำลังอยู่ถูกปรับย้าย แม้จะพยายามเปลี่ยนขั้วมาบ้าง แต่ไม่วายต้องถูก "กำจัดจุดอ่อน" แต่เป็น "จุดแข็งอีกขั้ว" ให้พ้นไปจากกองทัพ

นอกจากนี้ ยังรวมถึง "คณะฝ่าย เสธ.ตท.10" ที่ทำงานใกล้ชิดข้อมูลกระทรวงกลาโหมมา 2 ยุคสมัย ตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประกอบด้วย พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ปรับจากหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม พล.ท.มนัส เปาริก,พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต และ พล.อ.ท.พงศธร บัวทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ซึ่งคณะฝ่าย เสธ. ตท.10 นี้มีอำนาจ "คุมเกมกลาโหม" ไม่น้อยในอดีต จนถูกขนานนามเป็น "แก๊งออฟโฟร์" ฟากฝั่งของกองทัพ จนถึงขั้นมีบารมีให้งานในกระทรวงที่ "แก๊งออฟโฟร์" ไม่เห็นด้วยล่าช้าหรือหยุดชะงักไปได้

ด้วยความใกล้ชิดข้อมูลกองทัพนี้ ทำให้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตัดสินใจปรับย้ายให้ "คณะฝ่าย เสธ.ตท.10" นี้พ้นจากอำนาจปราศจากการเข้าใกล้ข้อมูล

เพราะอาจเป็น "หนามทิ่มอก" นายใหญ่กลาโหมในอนาคตได้

ถือเป็นการจัดระเบียบอีกครั้ง เพื่อป้องกัน "ข้อมูลข่าวสาร" รั่วไหลเข้าถึงมือของ "ขั้วอำนาจเก่า" ที่รอวันเอาคืน อีกทั้งเป็นการปราม ตท.10 "ขั้วอำนาจเก่า" ที่ยังหลงเหลืออยู่บางหน่วย

นอกจากนี้ ยังมี ตท.10 ในเหล่าทัพอื่นที่ถูกปรับพ้นตำแหน่งสำคัญ อาทิ พล.อ.ท.คำรบ ลียะวณิช ผบ.สถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง โยกเป็น รอง หน.คณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พล.อ.ท.ธงชัย ธารนพ รอง ผบ.ฝึกศึกษาทหารอากาศ ถูกเด้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ.

ทั้งหมดนี้ เป็นการจัดทัพ "ตัดขั้วอำนาจ" ให้สิ้นซาก พร้อมทั้งสถาปนา "คนใกล้ตัว" ให้ได้เข้ามาอยู่ในอำนาจ

ด้วยเหตุผลเพื่อ "ความมั่นใจ" และ "ต่างตอบแทน"

หลังลงเรือลำเดียวกันที่จะขจัด "รัฐนาวา" ที่นำธง "ระบอบทักษิณ" ให้สิ้นซาก...


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์