อนุพงษ์สั่งจับตาแม้วโฟนอิน ศาลขู่อย่าพาดพิงให้เสียหาย

รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต

"แม้ว" โฟนอิน 2 ทุ่ม 1 พ.ย.นี้ "อนุพงษ์" สั่งจับตาใกล้ชิด ส่งทหารช่วยตำรวจรับมือ ลั่นไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น ศาลขู่ "แม้ว" อย่าพาดพิงให้เสียหาย สั่งอัดเทปเป็นหลักฐานดำเนินคดี ด้าน "วีระ" เหน็บเหล่าทัพระแวงหนัก เผยดึง "สมัคร" ร่วมโฟนอินด้วย พันธมิตรแฉ "แม้ว" บินบงการที่ฮ่องกง มุ่งแตกหักสังคมไทย

การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งจะมีการจัดงาน "ความจริงวันนี้" สัญจร ครั้งที่ 2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยจะมีการต่อสายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในรายการ ถูกจับตามองด้วยความไม่สบายใจจากกองทัพ ที่เกรงว่าอาจเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีกครั้ง

 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กำชับหน่วยรับผิดชอบให้เฝ้าระวังสถานการณ์ผู้ชุมนุมสุดสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีที่ได้รับการร้องขอ หรือเมื่อประเมินว่าสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรง มีการเคลื่อนกำลังปิดล้อม ก็จะไม่ปล่อยให้มีการปะทะกัน ต้องเข้าขวางมิให้เกิดความรุนแรงเช่นที่ผ่านมาอีก

 ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณมาพำนักที่เกาะฮ่องกง โดยแต่แรกนั้น พ.ต.ท.ทักษิณตั้งใจจะเดินทางไปพักที่สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่เปลี่ยนใจเดินทางมาเกาะฮ่องกงแทน

มทภ.1 เผยกองทัพเตรียมแผนรับมือ

 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า กองทัพจะติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นเครื่องชี้ให้เห็นอะไรหลายอย่างๆ

 “กองทัพภาคที่ 1 ได้จัดชุดติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรและกลุ่ม นปช.เพื่อเฝ้าดูและระวัง แนวโน้มเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว หากสถานการณ์มีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงกองทัพก็มีความพร้อมจะออกไปปฏิบัติตามแผนในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจกรณีที่มีการร้องขอมา” พล.ท.คณิตกล่าว

 เมื่อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ท.คณิตกล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลไม่ให้เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการจัดชุดนอกเครื่องแบบเพื่อหาข่าว และผลักดันให้ตำรวจนครบาลเพิ่มมาตรการในการดูแลความเรียบร้อยให้มากขึ้นด้วย

 ส่วนหากพันธมิตรกับ นปช.มีการปะทะกันเกิดขึ้น กองทัพจะออกปฏิบัติการในช่วงไหน แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพมีแผนเตรียมการไว้แล้ว เพราะเราเคยได้รับบทเรียนมา ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน เหตุการณ์จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก

 เมื่อถามว่า แสดงว่ากลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มมือที่สาม พล.ท.คณิตกล่าวว่า จะกำหนดว่าเป็นกลุ่มมือที่สามคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มไหน แต่จะใช้คำว่าพวกกลุ่มก่อกวน จะสังเกตให้ดีเหตุการณ์ระเบิดที่ตู้โทรศัพท์ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก หรือที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีความเชื่อมโยงกันอยู่ แต่จะเป็นพวกไหนหรือกลุ่มไหนไม่ชัดเจน จะชี้ออกมาชัดๆ คงไม่ได้ แต่เหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์เชื่อมโยงกันเป็นพวกเดียวกัน

 ส่วนกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุหรือไม่ พล.ท.คณิตกล่าวว่า เราก็เฝ้าระวังอยู่ โดยเฉพาะคนที่มาเรียนใน กทม. แต่ที่เป็นตัวฮาร์ดคอร์จากพื้นที่ภาคใต้ที่ขึ้นมาใน กทม.ยังไม่ได้ข่าวที่ชัดเจน แต่ถ้าพวกนี้ขึ้นมาจริงก็คงจะหลงเส้นทาง เนื่องจากไม่มีความชำนาญ

ผบ.ตร.รับกังวล-สั่งตั้งจุดตรวจร่วม

  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 1 พฤศจิกายนว่า จากการประเมินคาดว่าน่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจมีกำลังรักษาความปลอดภัย 8 กองร้อย ซึ่งคิดว่ากำลังไม่เพียงพอ จึงคุยกับพล.อ.อนุพงษ์ ขอความร่วมมือส่งกำลังทหารมาร่วมรักษาความปลอดภัยในฐานะเจ้าพนักงาน ซึ่งได้สั่งให้ บช.น.ประสานในรายละเอียดว่าจะต้องใช้กำลังเท่าไร ให้ทหารและตำรวจอยู่จุดไหนอย่างไร ผบ.ทบ.ก็ตกลงจะส่งกำลังมาช่วยดูแล ประชาชนจะได้มีความอุ่นใจว่าเหตุการณ์จะไม่มีอะไรบานปลาย เพราะเป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธทั้ง 2 กลุ่ม

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ. เป็นห่วงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นชนวนเหตุของความรุนแรง พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า เป็นการคาดการณ์กันไปเอง ยังไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอะไร อาจจะเป็นเชิงบวกก็ได้

 ผบ.ตร.ยอมรับว่ามีความกังวลต่อสถานการณ์ ดังนั้นได้กำชับให้นครบาลตั้งจุดตรวจในเวลากลางคืน ในจุดที่มีความสำคัญให้มากที่สุด ตำรวจจะทำให้ดีที่สุดในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ

 รายงานข่าวเปิดเผยว่า ผบ.ตร.ได้ทำเรื่องขอกำลังทหารจาก 3 เหล่าทัพ ในการช่วยดูแลสถานการณ์ตามจุดตรวจต่างๆ ไว้ดังนี้ บริเวณแยกมิสกวัน แยก จปร. และแยกนางเลิ้ง รวม 3 จุด โดยจะมีกำลังทหารร่วมตรวจตราจุดละ 9 คน เริ่มตั้งแต่เวลา 21.00 น. วันที่ 31 ตุลาคมนี้

ศาลสั่งจับตา"แม้ว"โฟนอินหมิ่นศาล

 ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยว่า นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าหารือ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก จะโทรศัพท์จากต่างประเทศผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร ซึ่งอาจมีการกล่าวถ้อยความพาดพิงสถาบันศาลในลักษณะดูหมิ่นผู้พิพากษา หรือเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล จึงให้สำนักงานศาลยุติธรรมเตรียมรวบรวมเนื้อหาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย หากมีการดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม หรือดูหมิ่นผู้พิพากษา ตามมาตรา 198 ซึ่งคดีดังกล่าวมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 33 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

สั่งนำคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ขึ้นเว็บ

 แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวว่า ประธานศาลฎีกาแสดงความห่วงใยในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์ต่อสื่อต่างประเทศ โต้แย้งคำพิพากษาขององค์คณะศาลฎีกาฯ ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ และสั่งการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่คำพิพากษากลาง และคำพิพากษาส่วนตัวขององค์คณะคดีที่ดินทั้ง 9 คนผ่านทางเว็บไซต์ศาลฎีกา www.supremecourt.go.th ให้ประชาชนทั่วไปอ่าน เพื่อสร้างความเข้าใจในเหตุผลการตัดสิน โดยเฉพาะคำพิพากษาส่วนตัวจะมีทั้งเสียงข้างมากที่ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ และเสียงข้างน้อยที่ตัดสินยกฟ้องว่าองค์คณะใช้เหตุผลตัดสินอย่างอิสระไม่มีใครแทรกแซง

วุฒิฯขู่รัฐปล่อยปะทะจะฟ้องเอาผิด

 คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค นำโดย นายสมชาย แสวงการ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายตวง อันทะไชย นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา และนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์เหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น จากกรณีจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 ของแกนนำ นปช.และทีมโฆษกรัฐบาล

 นายสมชายกล่าวว่า คณะกรรมาธิการแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความรุนแรง ทุกฝ่ายยังยึดมั่นในความคิดของตัวเอง แต่รัฐบาลต้องสั่งการไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ควบคุมเหตุการณ์โดยปราศจากความรุนแรง แต่ถ้าผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติละเลย คณะกรรมาธิการจะดำเนินคดี เพราะถือว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 และถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมดำเนินการใดๆ ที่จะระงับเหตุรุนแรงได้ ก็อยากให้ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 และ ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 4 แต่ยืนยันไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดการรัฐประหาร เพียงแต่สนับสนุนให้ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

"จตุพร"เผย"ทักษิณ"เริ่มโฟนอิน2ทุ่ม

 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน หนึ่งในแกนนำผู้จัดรายการ "ความจริงวันนี้" ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศเข้ารายการความจริงวันนี้สัญจร ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน

 "ผมไม่ได้สอบถามท่านว่า จะโฟนอินมาจากไหน แต่จะโทรมาช่วงกลางๆ งาน ใกล้ๆ สองทุ่ม จะพูดคุยเรื่องการต้านรัฐประหาร ชูการปกครองระบอบประชาธิปไตย และภัยเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงประเทศและจะมีการเปิดใจของท่าน โดยไม่จำกัดเวลาในการพูดคุย" นายจตุพรกล่าว

 นายจตุพรกล่าวต่อว่า การโทรศัพท์มาร่วมรายการของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการถ่ายทอดเสียงไปทั่วบริเวณงานและจะมีการบันทึกเทปเพื่อนำไปออกอากาศในรายการปกติต่อไป โดยวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นการจัดรายการสัญจรในชื่อว่า "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" งานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น. ช่วงต้นมีการแสดงดนตรี จากนั้นเป็นรายการเสวนา จะเริ่มเวลาประมาณ 17.30 น.เป็นต้นไป

"วีระ"รับรองด้วยชีวิตไม่มีเหตุรุนแรง

 เมื่อเวลา 14.15 น. ที่สนามฟุตบอลราชมังคลากีฬาสถาน นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตประธาน นปก. นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานความจริงวันนี้

 นายวีระกล่าวว่า การจัดรายการในวันที่ 1 พฤศจิกายนนั้น ไม่ว่า ฝนตก ฟ้าร้อง แผ่นดินไหวก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องความปลอดภัยจะมีตำรวจ 1,000 นาย ตรวจตราอาวุธตั้งแต่ชั้นนอกก่อนเข้าสนาม และประตูทางเข้าสนามทั้ง 8 ประตูจะมีการตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดอีกครั้ง และถ้าเป็นไปได้คนที่มาอยากให้สวมเสื้อแดงมาร่วมงาน และขอรับรองด้วยชีวิตว่าการจัดงานจะไม่มีเหตุรุนแรง

 นายวีระกล่าวว่า ทีมงานยังมีความพยายามติดต่อไปยังนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ให้มาร่วมปราศรัย แต่ไม่รู้ว่าจะมาได้หรือไม่ หากมาไม่ได้ก็อยากให้นายสมัครโฟนอินมาในรายการ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่ขณะนี้ยังไม่แน่ชัด

เหน็บ ผบ.เหล่าทัพหวาดระแวง

 ส่วนการที่ผู้นำเหล่าทัพเป็นห่วงการจัดรายการและการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายวีระ กล่าวว่า ผู้นำเหล่าทัพเป็นห่วง ทำไมไม่เป็นห่วงเอเอสทีวีบ้าง ไม่เคยดูกันหรือไงเขาพูดกัน 24 ชม. ผู้นำเหล่าทัพหูหนวกตาบอดอยู่ที่ไหน

 นายจตุพรกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับการประสานจากตำรวจนครบาลว่า ในการจัดงานจะมีเจ้าหน้าที่ทหาร 2 กองร้อยมาช่วยดูแลความปลอดภัย แต่พวกเราได้พิจารณาแล้วว่าไม่จำเป็น ให้ทหารอยู่ในที่ตั้งดีกว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยยังมาจากตำรวจ 1,000 นาย ร่วมกับกลุ่มนักศึกษารามฯ อีกประมาณ 500 คน ทั้งนี้ รายการความจริงวันนี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการเชื่อมสัญญาณถ่ายทอด ใครจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งช่องไอพีทีวี สหรัฐอเมริกา จะถ่ายทอดกลับไปสหรัฐด้วย คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานเฉียด 1 แสนคน

 เมื่อถามถึงกรณี ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ออกมาสกัดกั้นไม่ให้คนมาร่วมงานดังกล่าว อาจทำให้คนที่มาอาจจะน้อยลง นายจตุพรกล่าวว่า เท่าที่สอบถาม ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินบอกว่าต้องการให้ผู้รักประชาธิปไตยปลอดจากการเมือง ที่นักการเมืองต้องขนคนมาและไม่ได้บอกว่าไม่ให้คนมาร่วมงาน เพราะฉะนั้นคนที่มาเป็นเพราะได้ตัดสินใจล่วงหน้าจะเดินทางมาก่อนอยู่แล้วไม่ใช่เป็นการไปคนที่มาว่าไม่ต้องมา

นปช.ระดมเข้ากรุงฟังความจริงวันนี้

 ด้านนายเขื่อนเพ็ชร โพนรัมย์ ประธานกลุ่มหนองน้ำใสรักษ์ประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า กลุ่มตนตกลงกับสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกร นำโดยนายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายกสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตร จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สมทบกับกลุ่ม นปช.เพื่อเข้าร่วมงานที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน แต่การเดินทางไปครั้งนี้จะไปเฉพาะแกนนำจังหวัดอีสานใต้ อีสานเหนือ และอีสานกลาง จังหวัดละ 20-30 คน

 นายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานเครือข่ายคนรากหญ้าภาคเหนือ กล่าวว่า ในส่วนของเครือข่ายคนรากหญ้าใน จ.เชียงใหม่นั้น ได้เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมแล้ว เพื่อมาออกร้านในงานบ้านและสวนแฟร์ 2008 จัดขึ้นที่เมืองทองธานี และจะอยู่ร่วมประชุมใหญ่ นปช.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานต่อ โดยภาพรวมแล้วในส่วนของเครือข่ายคนรากหญ้าเชียงใหม่จะเดินทางมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 600 คน อย่างแน่นอน

 มีรายงานว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงนั่งรถตู้ออกจาก จ.อุดรธานี กว่า 10 คัน และส่วนหนึ่งนั่งรถโดยสารและรถไฟมาล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.อุดรธานี ได้ออกอากาศทางเอฟเอ็ม 97.50 ว่า จะรวบรวมประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนรักอุดร เดินทางออกจาก จ.อุดรธานี โดยเตรียมรถทัวร์ไว้ประมาณ 100 คัน เพื่อจะไปรวมตัวกันที่ กทม.ในวันที่ 1 พฤศจิกายน

"เสธ.แดง" ใช้กูเกิลเอิร์ธไล่พธม.ทำเนียบ

 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงเหตุระเบิดที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า คงไม่สามารถระบุได้ว่ามือระเบิดเป็นกลุ่มใด แต่แน่นอนว่าขณะนี้มีหลายกลุ่มที่ไม่พอใจพฤติกรรมของแกนนำพันธมิตรและนักรบศรีวิชัย พร้อมจะปฏิบัติการให้กลุ่มพันธมิตรออกจากทำเนียบรัฐบาล

 พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า เชื่อว่าคนที่จะทำคงต้องงัดอีกหลากหลายวิธีการมาจัดการพันธมิตรอีกแน่ ต่อไปก็คงเจอระเบิดเอ็ม 79 หรืออาร์พีจี ที่ใช้ปืนยิงสู่เป้าหมาย ซึ่งระยะการยิงได้ไกลกว่า 700 เมตร หรืออาจจะมีการเผารถที่จอดไว้แถวนั้น เพื่อสร้างความหวาดกลัว ไม่ให้ผู้ชุมนุมมาชุมนุมอีก

 “การจะยิงเข้าไปนั้น ไม่ใช่ยิงเข้าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า โดนคนบริสุทธิ์หมด ถ้าคนคิดจะทำมันต้องดูพิกัด ตรวจสอบจากกูเกิลเอิร์ธ ตั้งศูนย์การยิงในตำแหน่งที่พอเหมาะ รับรองไอ้พวกนักรบศรีวิชัยที่กร่างๆ โดนแน่" พล.ต.ขัตติยะกล่าว

พธม.แฉ"แม้ว"บงการที่ฮ่องกงหวังแตกหัก

 นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงข่าวประจำวันว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา เดินทางจากประเทศอังกฤษมายังเกาะฮ่องกง เชื่อว่าเป็นการเดินทางมาเคลื่อนไหวเพื่อสั่งการโดยตรงด้วยการโฟนอินมายังกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง โดยเคลื่อนไหวให้กลุ่มบ้านเลขที่ 111 ที่รับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มาประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อมาเตรียมการในวันที่ 30 ตุลาคม จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ต้องการที่จะให้กรรมการ 111 คนของพรรคไทยรักไทย ตั้งกลุ่มขึ้นมา 6-8 กลุ่ม เพื่อไล่ล่าแกนนำพันธมิตรให้ได้อย่างน้อย 5 คน

 “พ.ต.ท.ทักษิณตัดสินใจที่จะแตกหักกับสังคมไทย โดยเขาพร้อมจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะทำให้คุณค่าของทั้งกองทัพ สถาบันกษัตริย์ และสถาบันตุลาการลดลง โดยเขาบอกกับเพื่อนพ้องเขาว่า ถ้าเขาสามารถทำให้คุณค่าของ 3 สถาบันลดลงได้ ก็จะสามารถครองประเทศไปได้อีกนาน ถึงแม้ว่าเขาจะกลับประเทศไม่ได้ก็ตาม" นายพิภพกล่าว

 นายพิภพกล่าวอีกว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นโดยไม่เปิดเผย เชื่อว่าจะเริ่มปลุกอันธพาลการเมือง โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบ รวมทั้งทหารพราน เข้าไปปะปนเพื่อจะใช้อาวุธหนักเข้าจัดการกับพันธมิตร

"เสธ.อู้"ชี้มีสัญญาณบอกเหตุรุนแรง

 พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองว่า การก่อเหตุในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบอกว่ามีคนต้องการให้เกิดปัญหาในบ้านเมืองและเกิดความรุนแรง การจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรในวัน 1 พฤศจิกายนนี้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังต้องควบคุมผู้ชุมนุมให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่รายการจบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคงต้องเตรียมการรับสถานการณ์อย่างดีที่สุด

 เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะโทรศัพท์ข้ามประเทศเข้ามาร่วมรายการ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า เรื่องการโฟนอินคงเลยเวลาที่จะพูดแล้ว เพราะทุกอย่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่โฟนอินเข้ามาจะเท่ากับเป็นการหลอกมวลชนให้เข้ามาชุมนุม ประเด็นสำคัญคือต้องไม่ให้มีการใช้สื่อของรัฐในการเผยแพร่ต่อ เพราะจะเกิดความเสียหายได้

 พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวถึงการออกมาเสนอทางออกของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ชวลิตคงเป็นห่วงสถานการณ์ ซึ่งมีการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เชื่อว่าทหารคงไม่ออกมาทำรัฐประหาร สำหรับข้อเสนอให้ปรับ ครม.เป็นข้อเสนอที่นายกรัฐมนตรีจะต้องคิด เพราะหากปรับ ครม.แล้วยังคงมี 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมคงไม่มีประโยชน์

นายกฯ ขานรับร่วมงานสานเสวนา

 ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเวลา 13.00 น. ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าทีมประสานเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรมพร้อมคณะ ได้แก่ นายเธียรชัย ณ นคร รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเมือง นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า นายธีรพงษ์ วัฒนะวงษ์ภิญโญ ผอ.สำนักพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมสภาพัฒนาการเมือง เข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมมอบเสื้อ “ยุติความรุนแรง” แก่นายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งนายกฯ บอกว่ากลับไปบ้านจะไปใส่ แต่ไม่ได้ใส่อยู่บ้าน จะใส่ไปเดินในที่ต่างๆ

 นายสมชายระบุว่า สนับสนุนแนวทางของเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม เพราะเป็นวิธีการที่หาทางออกเพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมือง นอกจากนี้ยังสนับสนุนแนวทางของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ที่มีความเห็นว่าการพูดคุยกัน หันหน้าเข้าหากันเพื่อความสันติสุขเป็นแนวทางที่ดี และเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จก็อาจไปทำประชาพิจารณ์ ซึ่งถ้าประชาชนรับได้ รัฐบาลก็ควรที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

กำชับ ผบ.ตร.ดูแลการชุมนุม 1 พ.ย.

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมการรับมือการชุมนุมของ นปช.และการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรบ้าง นายสมชายกล่าวว่า ได้กำชับ ผบ.ตร.และ ผบช.น.ไปแล้วว่า ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่าให้มีปัญหา รวมถึงให้เร่งสืบสวนสอบสวนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมวันที่ 1 พฤศจิกายน ไม่น่าจะมีอะไร

 ด้าน ศ.นพ.วันชัยกล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรมเข้าหารือ เรามาฟังว่ารัฐบาลมองประเด็นปัญหาอย่างไร เช่น รัฐบาลเตรียมความพร้อมในการป้องกันและยุติความรุนแรงอย่างไรบ้าง โดยนายกรัฐมนตรีได้ตอบรับร่วมเวทีสานเสวนาร่วมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เวทีนี้จะไม่ใช่มาเถียงเพื่อเอาแพ้เอาชนะกัน แต่จะมาฟังอย่างเข้าใจ

สื่อทำเนียบพร้อมใจใส่เสื้อยุติรุนแรง

 วันเดียวกัน สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) ร่วมใจกันสวมเสื้อโปโลสีขาว มีข้อความว่า “ยุติความรุนแรง” ซึ่งเป็นเสื้อที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนำมาแจกจ่ายเพื่อรณรงค์ให้งดใช้ความรุนแรง เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีการใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหานับตั้งแต่เหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม จวบจนปัจจุบันที่มีผู้ถูกสังหารและมีการลอบวางระเบิดในกลุ่มพันธมิตร และเป็นที่น่าจับตาว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากรายการความจริงวันนี้ของกลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะมีการปะทะระหว่างกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณได้ นอกจากนี้สื่อยังต้องการสะท้อนความรู้สึก เตือนใจสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายและเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลความสงบ อย่าใช้ความรุนแรง

สธ.ระดมทีมแพทย์รับมือเหตุฉุกเฉิน

 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน จากการชุมนุมของคนจำนวนมากใน กทม. ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ได้มอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการ ผอ.ศูนย์นเรนทร ประสานสั่งการเตรียมพร้อมทีมกู้ชีพฉุกเฉินจากโรงพยาบาลใน กทม. และแถบปริมณฑล พร้อมรถพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ครบครัน ประมาณ 20 ทีม บุคลากรประมาณ 100 คน พร้อมออกปฏิบัติการช่วยผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินทุกคน ทันทีเมื่อได้รับการประสานงาน โดยร่วมงานกับศูนย์เอราวัณของ กทม.อย่างใกล้ชิด และหากผู้บาดเจ็บมีจำนวนมาก ก็สามารถระดมทีมเพิ่มได้อีกตามความจำเป็น

ตร.เร่งสอบปาบึ้มบ้านตุลาการศาลรธน.

 พ.ต.อ.ศิวโรจน์ สุขัควานนท์ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบโยนระเบิดใส่บ้านของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เจ้าหน้าที่มีการวางแนวการทำงานอย่างชัดเจน โดยประสานการทำงานกันลงหาข่าวเพื่อติดตามสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ นอกจากนี้กำลังตรวจสอบหากล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ภายในหมู่บ้าน และบริเวณเส้นทางใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบหาตัวผู้ต้องสงสัยย้อนหลังไปประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะคาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบ้านนายจรัญ จะเห็นแต่เพียงว่าคนร้ายมีสองคน ใช้รถจักรยานยนต์ แต่ไม่ทราบสีและยี่ห้อ เพราะภาพไม่ชัดเจน

 อย่างไรก็ตาม อยากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่พอทราบเบาะแสหรือเห็นเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.คลองตัน หรือแจ้งมายังเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 0-2314-0041-3 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเก็บข้อมูลผู้แจ้งไว้เป็นความลับ

ศาล รธน.วางมาตรการคุมความปลอดภัย

 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ การรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบอาคารศาลมีคำสั่งจากนายสุทธิรักษ์ ทรงศิริวิไล ผอ.สำนักอำนวยกิจการศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลประจำจุดบริเวณทางขึ้นลงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และห้ามบุคคลอื่นและสื่อมวลชนนอกจากข้าราชการของสำนักงานศาลเดินผ่านไปมาอย่างเด็ดขาด

 ภายหลังการประชุมกว่าชั่วโมงครึ่ง คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้จัดทำเอกสารแถลงข่าวระบุว่า ที่ประชุมเห็นควรให้สำนักงานศาลดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.2517 และระเบียบสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2543 โดยให้รักษาความปลอดภัยทุกด้านอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านบุคคล รวมทั้งอาคารสถานที่ทำการ ที่พักอาศัย และเอกสาร โดยการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจตรา ด้วยการค้นอาวุธ สิ่งผิดกฎหมายและสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลและสถานที่ การติดตั้งตู้แดง และสัญญาณเตือนภัย

บาฮามาสป้องส่งตัวทักษิณกลับไทย

 สถานีโทรทัศน์แซทเอ็นเอส บาฮามาส ของรัฐบาลบาฮามาส รายงานว่า นายฮิวเบิร์ท อเล็กซานเดอร์ อิงแกรห์ม นายกรัฐมนตรีของบาฮามาส สั่งการให้นายธีโอดอร์ เบรนท์ ซิมโมเนทท์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และการเมืองอังกฤษเป็นอย่างดี เตรียมหาช่องทางในการให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ หากถูกทางการอังกฤษตัดสินให้ส่งตัวกลับประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

 นายอิงแกรห์มยืนยันว่า รัฐบาลบาฮามาสจะทำทุกวิถีทาง เพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีสถานะเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของบาฮามาสอย่างถึงที่สุด เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเปรียบเสมือนเป็นชาวบาฮามาสไปแล้ว แม้จะไม่ใช่ชาวบาฮามาสโดยกำเนิดก็ตาม

พี่เหยื่อดับปริศนากลัวน้องตายฟรี

 เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ศาลา 60 ปี วัดประยุรวงศาราม บริเวณเชิงสะพานพุทธ ที่ตั้งสวดอภิธรรมศพนายสังเวียน รุจิโมระ อายุ 46 ปี ที่ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่คิ้วขวา ทะลุท้ายทอยจนเสียชีวิต โดยมีรายงานว่าสาเหตุเกิดจากผู้ตายเมาสุราโวยวายและเดิกฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไป บริเวณด้านหลัง บช.น.และเป็นจุดที่ใกล้กับแนวป้องกันของกลุ่มพันธมิตร จนเป็นเหตุให้ถูกยิงเสียชีวิต โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศก มีเพียงญาติและเพื่อนสนิทจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน

 นางรัตนา สุขล้ำเลิศ อายุ 50 ปี พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสลดว่า อยากจะขอความเป็นธรรมให้แก่น้องชายมาก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องก็มีแต่ข่าวที่ออกมาต่างๆ แต่ขณะเดียวกันน้องชายที่ตายไปก็พูดอะไรไม่ได้ ส่วนญาติพี่น้องก็ไม่เคยได้พูดอะไรเลย ด้านคดีเบื้องต้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบปากคำ แล้วก็บอกว่าจะติดต่อไป ก็กลัวว่าคดีจะเงียบหายไป ไม่อยากให้น้องต้องมาตายฟรี อยากจะให้เจ้าหน้าที่นำตัวคนลงมือมาลงโทษให้ได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์