หลานชาย “หลวงเสรี เริงฤทธิ์” แจ้งความตามหาหมุดคณะราษฎร

หลานชาย “หลวงเสรี เริงฤทธิ์” แจ้งความตามหาหมุดคณะราษฎร

   
        วันที่ 16 เม.ย. ที่สน.ดุสิต นายพริษฐ์ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ อายุ 30 ปี หลานชายหลวงเสรี เริงฤทธิ์ อาชีพพนักงานราชการแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อร.ต.อ.มอ ระนา รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานภายหลังจากหมุดคณะราษฎรสัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่ตั้งอยู่บริเวณพระบรมรูปทรงม้าได้หายไปอย่างลึกลับ


นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมไทยทั้งในและนอกราชการที่ไม่สบายใจเนื่องจากหมุดคณะราษฎรนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้เรื่องของการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของระบบการปกครองในประเทศไทย ตนอยากเรียนเรื่องในส่วนของลูกหลานคณะราษฎรก็มีทั้งที่พอใจและไม่พอใจตนจึงขออาสามาในวันนี้ นอกจากนี้คณะราษฎรก็มีทั้งทหาร พลเรือน เป็นจำนวนมาก ซึ่งบุคคลเหล่านั้นยังคงอยู่ในราชการอีกทั้งลูกหลานก็เติมโตเรื่อยมา ตนขอเรียนแบบนี้ว่าหลายท่านที่เป็นตำรวจ ทหาร ทั้งที่รับราชการและไม่รับ ใช้คำพูดที่รุนแรงมากจนรู้สึกว่าไม่เป็นไรตนเป็นเด็กขอเป็นตัวแทนมาในวันนี้ ส่วนสาเหตุที่มาเพียงแค่ต้องการถามว่าทรัพย์สินทางราชการอยู่ที่ไหน หายไปได้อย่างไร และทางเจ้าหน้าที่มีแนวทางในการจัดการเช่นไร

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องผ่านมาจะ 100 ปีแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านตนรวมทั้งครอบครัว ก็ทำงานกับท่านรองนายกฝ่ายความมั่นคงก็มี ซึ่งยังเป็นลูกหลานของคณะราษฎร โดยตนก็ยังเรียนหนังสือมารุ่นเดียวกันกับลูกหลานองคมนตรีซึ่งยังไม่เคยมีปัญหาอะไรกันแม้แต่อย่างใด อีกทั้งตนยังเรียนหนังสือสาธิตจุฬารุ่นเดียวกับลูกท่านนายกอีกด้วย สุดท้ายอยากถามไปยังรุ่นพี่ที่รักคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าพรรคของท่านพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่และได้กำเนิดขึ้นมาโดยหนึ่งในคณะราษฎรคนหนึ่งคือท่านควง อภัยวงศ์ ท่านไม่คิดจะออกมาพูดหรือแสดงความรับผิดชอบ หรือทำอะไรสักอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหมุดคณะราษฎรไม่ได้เป็นของลูกหลานของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน และท่านคงได้เห็นแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้นำไปสู่ความปรองดองเลย ตนจึงอยากฝากถามท่านหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคเก่าแก่และเป็นพรรคสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ที่ก่อตั้งในสมาชิกคณะราษฎร

ต่อมาน.ส.ภัคจิรา กีรติวิบูลย์วงศ์ อายุ 19 ปี นิสิตปี 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.สุทธิดา วัฒนสิงห์ อายุ 21 ปี นิสิตปี 3 คณะมนุษศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนายคุณภัทร คะชะนา อายุ 22 ปี นิสิตปี 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางมาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในคดีเดียวกัน

น.ส.ภัคจิรา กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวจากทางอินเตอร์เน็ตจึงอยากเข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งมาสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ว่าหมุดคณะราษฎรหายไปได้อย่างไร ใครเป็นผู้ที่เอาไป และทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ตนยังไม่ได้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ว่าพบเห็นผู้ใดนำหมุนคณะราษฎรออกไป ทั้งนี้ตนจะติดตามเรื่องจนกว่าจะทราบว่าหมุดดังกล่าวนั้นหายไปได้อย่างไร พร้อมทั้งจะประสานขอดูกล้องวงจรปิดด้วยตนเอง

ด้านร.ต.อ.มอ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องร้องทุกข์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้กล่าวหาได้มาขอลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเรื่องให้ช่วยติดตามทรัพย์สินที่หายไปคืนมา สำหรับทรัพย์สินที่หายไปนั้นเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งเป็นผู้ใดก็ได้ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ตามในเรื่องดังกล่าวจะต้องนำเรียนผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาต่อไป

Cr:::: khaosod.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์