หมอประเวศชี้รัฐล้มเหลว เปิดทางรัฐประหาร


“หมอประเวศ” ชี้ ประเทศไทย “รัฐล้มเหลว” ราชการอ่อนแอ-การเมืองไร้คุณภาพ เปิดทางรัฐประหาร เสนอ 8 ข้อปฏิรูป


เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2554 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "เทศาภิวัฒน์:ปฏิรูปการบริหารประเทศ" ว่า การปฏิรูปประเทศไทยที่สำคัญที่สุดคือการปฏิรูปการบริหารประเทศที่ต้องเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง หรือเรียกว่า “เทศาภิวัฒน์” เนื่องจากประเทศไทยบริหารประเทศโดยรวมศูนย์อำนาจรัฐ รูปแบบ " กรม" ให้อำนาจอยู่ในมือของคนเพียงคนเดียว คนในพื้นที่จึงไม่มีความหมายทำให้เกิดความอ่อนและส่งผลร้ายแรง 7 ประการ คือ

1.ทำให้ชุมชนท้องถิ่นอ่อนแอไม่สามารถจัดการตัวเองได้

2.เกิดความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นกับอำนาจที่รวมศูนย์

3.การรวมศูนย์อำนาจการศึกษา

4.ระบบราชการอ่อนแอทางปัญญา ไม่ช่วยสนับสนุนท้องถิ่นจนเป็นระบบรัฐที่ล้มเหลว

5.เกิดคอรัปชั่นอย่างหนัก

6.การเมืองไร้คุณภาพ มีการลงทุนให้ชนะการเลือกตั้งเพื่อเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์

และ 7.ทำให้เกิดรัฐประหารได้ง่าย การรวมศูนย์ทำให้สามารถยึดอำนาจได้ง่าย หากอำนาจกระจายให้ท้องถิ่นจะยึดอำนาจได้ยาก

"ในอนาคตผู้นำระดับชาติจะมาจากผู้นำท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้หลายประเทศ ประธานาธิบดีมาจากผู้บริหารท้องถิ่น อาทิ ประธานาธิบดีหูจินเทาของประเทศจีน เพราะได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองจนสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำแต่ประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นคนรวยขึ้นมาบริหารประเทศ ดังนั้นต่อไปชุมชนจะต้องเข้ามามีความหมายมากขึ้น ผู้นำจะต้องผ่านการทดสอบจากท้องถิ่นว่าทำงานได้จริง ซื่อสัตย์ ฉะนั้นการปฏิรูปประเทศไทย คือ การปฏิวัติของประชาชน โดยรูปแบบใหม่เป็นการปฏิวัติเงียบ โดยประชาชนรวมพลังกัน ใช้ความรู้ติดอาวุธทางปัญญาและใช้สันติวิธีเชื่อว่าวิธีนี้จะเป็นพลังที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย" ศ.นพ.ประเวศ กล่าว

ศ.นพ.ประเวศกล่าวต่อไปว่า การปฏิรูปประเทศต้องสร้างความถูกต้องจากข้างล่างเป็นการสร้างความแข็งแรงให้ชุมชนสามารถจัดการตนเองได้ นั่นคือ การสร้างองค์เจดีย์จากฐานรากทำให้ประชาชนทุกคนเคารพศักดิ์ศรีมีคุณค่าความเป็นคน ทุกคนมีจิตสำนึกสร้างสัมมาชีพให้เต็มพื้นที่เพื่อประชาชนมีรายได้อยู่ดีกินดี การประท้วงของประชาชนในต่างประเทศ เช่น ตูนิเซีย ลิเบีย ในขณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการว่างงาน คุณภาพชีวิต ถ้าสามารถสร้างอาชีพให้ประชาชนได้ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ขณะที่ระดับชุมชนที่มีอยู่ประมาณ 80,000 หมู่บ้านต้องมีการร่วมมือกันจัดตั้งเป็นสภาผู้นำชุมชน สภาหมู่บ้าน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนของตนเองและเชื่อมโยงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 8,000 กว่าแห่ง ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งประเทศ เพื่อผลักดันนโยบายเป็นการจัดการตัวเอง 3 ระดับ คือ ระดับตัวเอง ระดับองค์กร และระดับนโยบาย การรวมกันเป็นสภาท้องถิ่นแห่งชาติจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและจะเป็นฐานอำนาจของประชาชนที่แข็งแรงสามารถเคลื่อนไหวในเชิงนโยบายได้เป็นผล

ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า เส้นทางที่จะทำให้เกิดชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง ประกอบด้วย

1.การสื่อสารอย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดการปฏิบัติเพราะประเทศไทยต้องการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ (DNA) โดยการใช้ประชาชนเป็นตัวตั้งเปลี่ยน
 
2.การปรับบทบาทไปสนับสนุนท้องถิ่นทางวิชาการและนโยบาย

3.ผลักดันให้เกิด 1 มหาวิทยาลัย 1 จังหวัด/สถาบันวิจัยรวบรวมองค์ความรู้ในท้องถิ่น

4.การศึกษาเพื่อชุมชนท้องถิ่น
 
5.ภาคธุรกิจกับความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น

6.การเงินการคลังเพื่อชุมชนท้องถิ่น อาทิ ปรับระบบการจัดเก็บภาษีโดยสนับสนุนให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทยิ่งขึ้น มีธนาคารชุมชนเพื่อบริหารจัดการเอง

7.ออกกฎหมายปลดพันธนาการเพื่อปลดล็อคตราสังประเทศไทย ให้ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองโดยเฉพาะปัญหาภัยพิบัติสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งพิจารณาเพื่อป้องกันความรุนแรงในอนาคต

และ 8.เพิ่มงบประมาณให้ท้องถิ่นทันที




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์