ส่งเสียงเตือนนายกฯคนที่ 26!! พิสูจน์ความจริงใจแก้วิกฤตชาติ-ช่วยทักษิณ ผบ.สส.เตือนอย่าทำทหารตกใจ !

ส่งเสียงเตือนนายกฯคนที่ 26!! พิสูจน์ความจริงใจแก้วิกฤตชาติ-ช่วย"ทักษิณ" ผบ.สส.เตือนอย่าทำทหารตกใจ !

หมายเหตุ - เป็นความคิดเห็นของภาคการเมือง ภาควิชาการ และภาคธุรกิจ หลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้รับเสียงโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 กันยายน
 
กองทัพ
 
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
 
 
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับการเลือกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า บ้านเมืองมีปัญหาพอสมควร หวังว่ารัฐบาลใหม่จะมุ่งหน้าแก้ไขปัญหาและไม่เพิ่มปัญหา  ตนเชื่อว่านายสมชายคงทุ่มเททำสิ่งที่ดี ๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ทำดียังเหนื่อย ถ้าไม่ตั้งใจทำงานคงลำบาก ซึ่งการที่นายสมชายมีบุคลิกประนีประนอมนั้น เป็นบุคลิกที่ดีสำหรับทุกโอกาส และทุกคนควรให้โอกาสในการทำงานก่อน

 
เมื่อถามถึงความเหมาะสมที่นายสมชายจะควบตำแหน่งรมว.กลาโหม พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา  แต่การจะควบตำแหน่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ส่วนผู้ที่จะมาเป็นรมว.กลาโหมจำเป็นจะต้องเป็นอดีตนายทหารหรือไม่นั้น ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ กองทัพจะต้องมีความสำคัญหลัก ผู้ที่จะมาเป็นรมว.กลาโหมจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมสูง สามารถมองภาพของกองทัพได้ชัดเจน ขณะนี้ทหารยืนดีอยู่แล้ว มีขวัญกำลังใจดีพอสมควร ถ้ามาต้องทำให้ทหารมีขวัญดี ไม่มาทำให้ทหารตกอกตกใจ
 
 
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล
ปลัดกระทรวงกลาโหม

 
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ถูกโจมตีมีภาพลักษณ์เป็นน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า นายสมชายต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำเพื่อประชาชน สังคม และประเทศชาติอย่างไร เรื่องความเป็นพี่น้องคงตัดกันไม่ขาด แต่อยู่ที่จิตใต้สำนึกและสามัญสำนึกที่จะทำอะไรให้อยู่ที่ความพอดี
 
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยืนยันไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชน พล.อ.วินัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองและฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหาทางเจรจา เพราะถ้าไม่พูดคุยกันคงแก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อถามว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จะนัดชุมนุมวันที่ 19 กันยายนนี้ พล.อ.วินัย กล่าวว่า พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้ประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อเตรียมการป้องกันการปะทะระหว่างประชาชน 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการ
 
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่จำเป็นต้องเป็นทหารหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไข เพราะจากการที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นที่ยอมรับของกองทัพ แต่ได้ยินมาว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.สนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรมว.กลาโหมด้วย

ภาคการเมือง
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น และปัญหาความขัดแย้งในประเทศควรเร่งคลี่คลายให้ชัดเจน รวมทั้งต้องแสดงความชัดเจนว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างจากรัฐบาลชุดก่อน เพื่อให้คลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้นให้ได้

ส่วนกรณีของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยานายสมชาย ที่มีการยื่นฟ้องกรณีร่ำรวยผิดปกตินั้น คิดว่าอะไรที่เป็นคำถามและข้อสงสัย นายสมชายก็ต้องเร่งขจัดความสงสัยเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด และการขจัดความสงสัยได้ดีที่สุดคือ การกระทำ ดังนั้น ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังไม่ยอมรับนายกฯ หรือรัฐบาลที่มาจากพรรคพลังประชาชนนั้น สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งทำคือ พยายามหาข้อยุติในเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่งการเจรจากับกลุ่มพันธมิตร ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง

ได้แสดงความยินดีกับนายสมชายและอยากให้นายสมชายมีความตั้งใจมุ่งมั่นทำงาน ซึ่งโจทย์สำคัญที่สุดคือทำให้บ้านเมืองพ้นความขัดแย้ง และการจะทำได้ต้องมีสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงที่นายสมชายต้องตอบให้ชัดว่าสัญญาณนั้นคืออะไร และหากเป็นไปในทางที่ดีเชื่อว่าสังคมคงต้องช่วยกันหาทางออก ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหากทำในสิ่งที่ถูกต้อง

ส่วนหน้าตาคณะรัฐมนตรีนั้น ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาก แต่สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงท่าทีต่อความขัดแย้งในสังคมว่าจะมีทางออกอย่างไร เพราะถ้าตรงนี้ยังแก้ไม่ได้ก็ยังมีความน่ากังวลว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของไทยก็จะเหมือนอยู่กับที่ต่อไปอีก และสถานการณ์บ้านเมืองหลังจากนี้ไปคิดว่าอยู่ที่รัฐบาลใหม่ว่าจะสามารถประกาศความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนไม่เหมือนรัฐบาลที่เพิ่งพ้นไป

"ปัญหาผู้ชุมนุมนั้นผมว่าควรให้เวลานายสมชายพิจารณาดูว่าจะใช้แนวทางใด และถ้าจะไปพูดคุยก็ต้องมีประเด็นว่าจะคุยกันอย่างไร ถ้าเห็นถึงปัญหาของสาเหตุการชุมนุมเรียกร้อง และนายสมชายแสดงออกอย่างไรว่าเห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาหรือลดเงื่อนไขเหล่านั้นได้ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราไปบอกไม่ได้ว่าคู่กรณีจะมีการเจรจาอย่างไรเพราะทั้ง 2 ฝ่ายต้องกำหนดท่าทีก่อน แต่สำหรับประชาชนทั่วไป  หากสามารถคลี่คลายได้ก็เหมาะสมทั้งนั้น และการเจรจาก็เป็นทางเลือกหนึ่งแต่อาจทำได้ยาก"

ส่วนกรณีเรื่องพรรครัฐบาลไม่สนใจต่อคดีเกี่ยวกับการทุจริตของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยาของนายสมชาย ที่อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.นั้น

ก็อยากให้พรรคร่วมรัฐบาลรับฟัง และพวกเราฝ่ายค้านจะตรวจสอบกันเข้มข้น หวังว่านายสมชายจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ของรัฐบาลชุดที่แล้วว่า ถ้ารัฐบาลกร้าว และไม่รับฟัง หรือไม่สนใจต่อคำติติงเลยก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง แต่หากรัฐบาลใช้แนวทางการรับฟังก็น่าจะช่วยได้พอสมควร

"ที่อยากเห็นคือ รัฐบาลชุดใหม่ได้ไปทบทวนที่มาของปัญหาในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ว่าสาเหตุของความขัดแย้งของวิกฤตมาถึงจุดไหนและต้องคลี่คลายไม่ให้ถึงจุดนั้น อยากให้เวลาท่านไปดูว่าสิ่งที่เคยมีการพูดไว้ในสภานี้หรือข้อท้วงติงต่างๆ ที่ปรากฏในสังคมมีอะไรบ้าง ถ้าสามารถจัดเป็นประเด็นและตอบคำถามของสังคมได้ว่าจะคลี่คลายอย่างไร ก็จะมีโอกาส แต่ถ้าเมินเฉยก็น่าเป็นกังวลว่าสังคม การเมือง และเศรษฐกิจก็จะอยู่กับที่"

การที่นายสมชาย เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำว่าไม่ได้เป็นอย่างที่สังคมกังวล 

ส่วนคำถามคิดกันว่านายสมชายเพิ่งจะมาเล่นการเมืองเป็นปีแรก หลังรับราชการมานาน จะสามารถนำพาประเทศได้หรือไม่นั้น

เป็นโจทย์ที่นายสมชายต้องแก้ในเรื่องของการปรับตัว และคิดว่าสิ่งสำคัญกว่าคือความตั้งใจ ซึ่งถ้าตั้งใจและทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง เรื่องประสบการณ์ก็ไม่เป็นปัญหา
 
นายประสพสุข บุญเดช
ประธานวุฒิสภา
 
 
เชื่อว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นที่น่าเชื่อถือได้ เพราะเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ และประสบความสำเร็จด้านผู้พิพากษา จนเป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และเป็นคนมีบุคลิกประนีประนอม ขอฝากให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คลี่คลายปัญหาวิกฤตของชาติ เรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ 
 
"มั่นใจว่านายสมชายจะสามารถสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมืองได้ นอกจากนี้อยากเรียกร้องให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรับฟังเหตุผล โดยต้องดูรัฐบาลใหม่ อย่าเพิ่งไปคิดว่าเป็นนอมินี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะอดีตผู้พิพากษา ไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร ยึดผลประโยชน์ของชาติ จึงอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์"
 
ภาคธุรกิจ

นายสันติ วิลาสศักดานนท์
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 
นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการหลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคส่วนต่างๆ กลับมา เพราะแม้ไทยจะยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว แต่ยังมีผลกระทบเรื่องภาคการท่องเที่ยวและการลงทุน ซึ่งแสดงให้เห็นจากตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังไม่เพิ่มขึ้น
 
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรเจรจากับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยากแต่ก็ต้องพยายามเพื่อลดปัญหาสะสม รวมทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพราะหลายจังหวัดยังไม่มีคนเข้าไปดูแล เนื่องจากนักการเมืองมัวแก้ไขปัญหาการเมืองอยู่ ขณะเดียวกันควรเร่งวางแผนรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หากล่าช้าจะไม่ทันการณ์เพราะขณะนี้ไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยแค่ไหน
 
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา
ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถือเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมแล้ว และคิดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีได้ระดับหนึ่ง สำหรับโฉมหน้าของ ครม.นั้น ยังคงเดิม และเชื่อว่านโยบายด้านเศรษฐกิจและตลาดทุนจะไม่เปลี่ยนแปลง
 
นายภาณุวิทย์ กันทาธรรม


ผู้อำนวยการ เอเชีย แปซิฟิค บริษัท คอร์นเนอร์สโตน เรียลเอสเตส แอดไวเซอร์ส เอเชีย จำกัด
กรณีที่จะโหวตให้นายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่า ตัวนายสมชายมีความใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากเกินไป อาจจะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้รัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน อาจจะต้องมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า

ภาคนักวิชาการ
 
นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์
อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
กรณีที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นว่า แสดงให้เห็นว่า 6 พรรคร่วมรัฐบาลประกาศและลงมติที่จะให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลไม่เลือกที่จะมีรัฐบาลแห่งชาติตามที่หลายฝ่ายเสนอ ซึ่งเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าจะไม่เป็นการซ้ำเติมหรือก่อสร้างเงื่อนไขปัญหา
ที่สำคัญต้องฟื้นฟูกอบกู้ความเป็นเอกภาพ สมานฉันท์ สงบเรียบร้อยของผู้คนในชาติ ซึ่งพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก็ถือว่าล้มเหลว ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะต้องละเว้นคือไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นเงื่อนไขสู่การขัดแย้งทางการเมือง เช่น การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดำเนินการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อนักการเมือง ที่สำคัญต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแสดงให้เห็นว่าเป็นการช่วยเหลือในทางคดีแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

"ต้องทุ่มเทให้กับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ปากท้องของชาวบ้านซึ่งประชาชนกำลังประสบกันอยู่ในขณะนี้ และสิ่งนี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งในหลายเงื่อนไขที่จะสร้างเสถียรภาพหรือความเสียหายให้กับรัฐบาล เพราะหากมัวแต่หมกมุ่นผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างเดียวจะเกิดการลุกฮือของประชาชนขึ้นมา และคุณสมชายซึ่งเป็นคนประนีประนอม ไม่ใช่เผชิญหน้า ไม่สามารถทนแรงเสียดทาน ความกดดันทางการเมืองได้ อาจตัดสินใจยุบสภาและลาออกไปเลย"

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรนั้นยังคงดำเนินการต่อไป เนื่องจากขณะนี้กลุ่มพันธมิตรยังไม่มีหลักประกันอะไรที่เป็นเงื่อนไขการยุติการชุมนุม ซึ่งการชุมนุมก็สามารถดำเนินการต่อไปได้หากเป็นไปโดยสงบ สันติ ทั้งนี้ ก็เห็นสมควรที่จะต้องให้เวลาพิสูจน์การทำงานของรัฐบาลด้วย
  
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมฯ นิด้า

 
ปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมืองยังไม่จบสิ้น เนื่องจากโครงสร้างปัญหายังคงเป็นแบบเดิม ที่สำคัญศาลรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว เชื่อว่ารัฐบาลอยู่ได้ไม่เกิน 3-4 เดือนเท่านั้น

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์