สุเทพแฉซีดีจ้างพรรคเล็ก ศาลเร่ง-ติงกกต.อย่ายื้อคดี

ศาลอาญา เตือนคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่ายื้อคดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลง สส.หนี เกณฑ์ 20 เปอร็เซนต์ ชี้ เป็นคดีสำคัญ

(29พ.ค.) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก ในคดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กกต. อีก 3 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา สืบเนื่องจากกรณีที่ กกต. ไม่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีที่นายสุเทพ กล่าวหาว่าพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย และพรรคการเมืองขนาดเล็ก ให้จัดผู้สมัครลงแข่งขัน ใน ส.ส.ระบบแบ่งเขต ที่พรรคไทยรักไทยจัดผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเพียงพรรคเดียว โดยไม่ครบขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติ

วันนี้ นายสุเทพ ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานด้วยตนเองเพียงปากเดียว สรุปว่า เมื่อ กกต.ทั้ง 4 คน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าว รวม 18 คน และคณะอนุกรรมการได้รายงานสรุปผลการสอบสวนครั้งแรก เห็นว่ามีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคไทยรักไทย ได้ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กจริง จึงเสนอแนะให้ กกต. แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารพรรคไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พร้อมทั้งพรรคการเมืองขนาดเล็ก และเจ้าหน้าที่ กกต. ที่ร่วมกระทำผิด แต่เมื่อคณะอนุกรรมการมีผลสอบสวนแล้ว กกต.กลับมีคำสั่งให้คณะอนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมอีก ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2549 คณะอนุกรรมการ ได้ส่งรายงานสรุปผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้ กับ กกต.พิจารณา ซึ่งรายงานสรุปผลให้สมควรดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกระทำผิดของพรรคการเมืองทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสืบพยาน นายสุเทพได้นำภาพบันทึกโทรทัศน์วงจรปิด ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ในกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2549 ส่งมอบให้ศาลเพื่อประกอบการพิจารณาคดีนี้ด้วย ซึ่งภาพโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว ได้ปรากฎภาพนายทวี สุวรรณทัตน์ นายพงษ์ศรี ศิวาโมกข์ และนายธีรชัย จุลพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กลาโหม ได้นำนายชวการ โตสวัสดิ์ สมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย เข้าพบ พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งในเทปโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว ได้ระบุเวลา 14.18 -14.56 น. โดยนายสุเทพ ได้เบิกความประกอบพยานวัตถุดังกล่าวว่า ภาพที่ถูกบันทึกไว้ในเทปโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว ได้สอดคล้องกับคำให้การของนายชวการ โตสวัสดิ์ ซึ่งเคยให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการ ว่าได้เข้าพบกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2549 เพื่อรับเงินว่าจ้าง โดยเข้าพบในช่วงเวลา 14.00 น.

ภายหลังนายสุเทพ ได้เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนพยานอีกครั้งในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนพยานโจทก์วันนี้ ฝ่าย กกต. ยังไม่ได้แต่งตั้งทนาย เพื่อว่าความในคดีนี้ โดยมอบหมายให้ผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาศาลแทน เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลขอเลื่อนนัดไต่สวนวันนี้ออกไปก่อน โดยระบุเหตุผลว่า ก่อนนัดพิจารณาคดี กกต.ได้ประสานติดต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อจัดหาพนักงานอัยการมาดูแลคดีแล้ว ซึ่งพนักงานอัยการพร้อมจะรับหน้าที่ว่าความต่อสู้คดีให้ในช่วงเดือนสิงหาคม ด้วยเหตุจำเป็นดังกล่าว จึงขอให้ศาลเลื่อนนัดไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 28 สิงหาคม นี้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากคดีนี้มีความสำคัญ และอาจมีผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งศาลจะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีด้วยความรวดเร็ว ดังนั้นจึงให้เลื่อนนัดการไต่สวนเพื่อซักค้านพยานปากนายสุเทพ ออกไปเป็นวันที่ 5 มิ.ย.นี้เท่านั้น โดยศาลกำชับให้ฝ่าย กกต. เร่งคัดสำเนาคำเบิกความของนายสุเทพครั้งนี้ ให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า ก่อนวันนัดไต่สวนครั้งต่อไป ซึ่งหาก กกต. ไม่ดำเนินการคัดสำเนาให้เสร็จสิ้นแล้วจะอ้างเหตุเพื่อจะขอเลื่อนการซักค้านครั้งต่อไปนั้น ศาลจะไม่อนุญาติ โดยจะมีคำสั่งให้ดำเนินการไต่สวนพยานปากต่อไป