สุวิทย์ไขกีอกหน.พรรคยันประสงค์ปิ๋วมท.3


'จิ่ว'แนะล้มกระดาน!


ศึกชิงเก้าอี้ "มท.3" ในพรรคเพื่อเเผ่นดิน คายพิษ “สุวิทย์” สละเรือทิ้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค อ้างไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหลายเรื่อง ทิ้งบอมบ์ใบลาออก “ประสงค์” มีผลพ้นสภาพ รมต. เหมือนกัน เด็ก พผ.ซ้ำน่าไปตั้งนานแล้ว ชู 3 ผู้เฒ่าชิงตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่ “มั่น” ปัดไม่รับอ้างงาน รมต.ยุ่งพอแล้ว ด้าน “ไชยยศ” ขอความยุติธรรม ยันแค่ทวงสิทธิที่ควรจะได้ จวก “ประสงค์” อย่าบิดเบือนประเด็น ยังไงก็หลุดจากเก้าอี้ไปแล้ว เตือนนายกฯหากให้เข้าประชุม ครม.ระวังผิดมาตรา 157 ด้าน “ประสงค์” อโหสิกรรมไม่เอาเรื่อง เผยต้องจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน “จิ๋ว” แนะปรับครม.ยกยวงกู้วิกฤติ ด้าน พปช.ยื่นอัยการจัดการ 2 ส.ส.ประชาธิปัตย์ ข้อหากบฏโทษถึงขั้นยุบพรรค พร้อมเข้าชื่อไล่  “รสนา” พ้นสภาเหตุหยามศักดิ์ศรีสภาพาสามีเข้าห้องประชุมไม่สนระเบียบข้อบังคับ “เนวิน” กลับจากอังกฤษแย้มเคลียร์ “แม้ว” เรียบร้อย สั่งกลุ่มเพื่อนสงบสยบเคลื่อนไหว


“ไชยยศ”ขอความยุติธรรม
 
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่รัฐสภา นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการแย่งเก้าอี้ “มท.3” ของนายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย ว่า ขั้นตอนจบแล้ว ใบลาออกส่งถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 28 ต.ค. ตนยืนยันว่าสิ่งที่ทำเพราะเป็นไปตามคำสัญญา นายประสงค์ก็บอกให้ไปยื่นใบลาออกได้เลย ซึ่งตนต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะมีคนไปกล่าวหาว่าตนพยายามไปแย่งชิงเก้าอี้ ยืนยันว่าไม่ได้ไปแย่งชิง แต่มันเป็นสิทธิของตนมาตั้งแต่ต้น
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ระบุว่าใบลาออกมีผลแล้ว นายไชยยศ กล่าวว่า การที่นายประสงค์เขียนจดหมายด้วยลายมือของตัวเองระบุเดือน ต.ค.ไว้ ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่าจะลาออก ภายในเดือน ต.ค.นี้ เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนทราบเรื่องมาตั้งแต่ต้นและเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินลงนามก็น่าจะเป็นข้อยุติ ส่วนกระบวน การทางกฎหมายจะจบตรงไหนตนไม่กล้าชี้ขาด


ขู่นายกฯระวังผิดกฎหมาย

 
นายไชยยศกล่าวต่อว่า ลายมือระบุเด่นชัดอยู่ ถ้าคิดว่าตนผิดก็แจ้งความดำเนินคดีได้ หัวหน้าพรรคก็ออกมาชี้ขาดแล้วว่า กระบวนการการเป็นรัฐมนตรีของนายประสงค์สิ้นสุดแล้วตั้งแต่ได้ลงนามในหนังสือ ถ้าตามกฎหมายนายประสงค์  ก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. ดังนั้นต้องมาดูว่าหากนายประสงค์ยังเข้าร่วม ครม. อีกนายกฯก็อาจผิดกฎหมาย ม.157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะปล่อยให้คนนอกที่ไม่ใช่  รัฐมนตรีเข้าร่วม ครม.” นายไชยยศกล่าว
  
เมื่อถามว่า นายกฯอ้างว่ายังไม่ได้รับหนังสือลาออก นายไชยยศกล่าวว่า กระบวนการลาออกไม่ได้อยู่ที่นายกฯ รับหรือไม่ได้รับจดหมาย แต่อยู่ที่เมื่อหัวหน้าพรรคลงนามไปแล้ว เพียงพูดเฉย ๆ ก็หลุดออกจากตำแหน่งแล้ว ตนไม่ได้ออกมาเพราะอยากจะเป็นรัฐมนตรี แต่แค่ออกมาทวงสิทธิความเป็นธรรมที่ควรมี ตนไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ถ้ารู้ก่อนจะไม่ออกมาแถลงข่าว ที่ออกมาแถลงข่าวเพราะเป็นโฆษกพรรค เป็นผู้ถือหนังสือมายื่นนายกฯ แต่มีการบิดเบือนเป็นประเด็นอื่น


“ประสงค์” ไม่ถือสาหาความ

 
“การดึงใบลาออกกลับมา พรรคจะไม่เป็นตัวตลกหรือ เอาให้นายกฯแล้วไปขอถอนคืน มันทำไม่ได้ ผมยืนยันว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่เป็นคำมั่นสัญญาของทุกคน และเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ควรจะได้ดำรงตำแหน่ง มท.3 มาหลายสัปดาห์แล้ว ถ้าผมไม่ทำก็กลายเป็นว่าวันหนึ่งจะมีคนบอกว่าผมรับผลประโยชน์ เพื่อแลกกับสิ่งที่ผมต้องถอยออกไป”นายไชยยศกล่าว
 
ด้านนายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช. มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับแกนนำและผู้ใหญ่ภายในพรรค ยืนยันว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างตน และนายไชยยศได้จบลงแล้ว พรรคยังคงให้ตนทำงานต่อไป และตนก็จะไม่เอาความโดยเฉพาะจดหมายลาออกที่ตนเป็นผู้เขียนแต่ไม่ได้ลงวันที่ แต่กลับ  มีการลงวันที่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสารนั้น ได้ไปถอนแจ้งความแล้ว เพราะไม่อยากมีเรื่องและปัญหาภายในพรรค อยากให้ทุก อย่างจบไม่ขอถือโทษโกรธใคร


ซึ้งใจบทเรียนทางการเมือง

 
“ผมไม่อยากจะตอบโต้ นายไชยยศเองก็ต้องทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ทำอะไร การมาขอโทษก็ไม่จำเป็น เพราะอีก 2-3 วัน ก็จะมีการนัดรับประทานอาหารร่วมกัน และไม่อยากให้มีการลงโทษเด็ก เรายึดหลักให้อภัยดีกว่า”นายประสงค์กล่าว
 
นายประสงค์กล่าวต่อว่า ได้พูดคุยกับนายสุวิทย์แล้ว ยอมรับว่าก่อนหน้านี้อาจมีความเข้าใจผิดในตอนแรก ซึ่งไม่ขอเปิดเผยเพราะเป็นเรื่องภายในพรรค แต่เมื่อมีการชี้แจงก็ตกลงกันได้ หากนายไชยยศจะยังคงดื้อดึงต่อไป ก็คงต้องปล่อยเพราะตอนนี้เขาคงยังร้อนอยู่ ถือเป็นบทเรียนทางการเมืองรวมถึงการเขียนจดหมายทิ้งไว้เช่นนี้คงจะไม่ทำอีก


“สุวิทย์” ทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค

 
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการพรรคเรื่องขอลาออกจากหัวหน้าและสมาชิกพรรค ลงวันที่ 30 ต.ค. โดยหนังสือดังกล่าวให้เหตุผลว่า พยายามดำเนินการทางการเมืองในทางสายกลางมาตลอด เพื่อหาข้อยุติปัญหาการเผชิญหน้าและความแตกแยกของสังคม และไม่เห็นด้วยในการใช้กำลังในการสลาย ผู้ชุมนุม และการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังไม่สามารถชี้แจงให้ชัดเจนได้ว่าจะแก้ประเด็นอะไรบ้าง หรือเพื่อใคร ทั้งที่เรื่องปากท้องราคาพืชผลปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนกว่า
 
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หนังสือลาออก ระบุในตอนท้ายด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินการตามเจตนารมณ์ในการสร้างองค์กรที่เป็นกลางมายุติปัญหาความแตกแยก และเพื่อให้สมาชิก พรรคได้พิจารณาเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ จึงขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินและสมาชิกพรรคตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


“ประสงค์”พ้นสภาพเหมือนกัน

 
นายสุวิทย์ให้สัมภาษณ์หลังยื่นใบลาออกจากตำแหน่งว่า ในทางกฎหมายถือว่าพ้นสภาพจากหัวหน้าและสมาชิกพรรคแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ลายมือกันอีก และเป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่ช่วงที่ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แต่ช่วงนั้นสมาชิกพรรคขอร้องไว้มาถึงวันนี้อยากจะทำการเมืองที่เป็นกลาง หากอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปก็คงจะทำงานในองค์กรที่มีความเป็นกลางไม่ได้ และกำลังมองหาองค์กรที่มีความเป็นกลางที่จะร่วมงานด้วย หรืออาจจะตั้งองค์กรใหม่ขึ้นเอง 
 
เมื่อถามถึงความชัดเจนของการเสนอชื่อนายไชยยศเป็น รมช.มหาดไทยแทนนายประสงค์ นายสุวิทย์ ตอบว่า เป็นไปตามนั้น เพราะใบลาออกของนายประสงค์มีผลแล้ว นายประสงค์ได้พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว ตนได้ส่งชื่อนายไชยยศไปถึงมือของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไปแล้ว ไม่มีเรื่องที่จะต้องมาคลางแคลงใจอะไรกันอีก ส่วนลายมือในใบลาออกก็เป็นลายมือของนายประสงค์และข้อความทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น


เด็ก พผ. ไล่ส่งควรไปนานแล้ว

 
พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายสุวิทย์ได้มาปรึกษาว่าจะลาออกจากตำแหน่งดีหรือไม่ การตัดสินใจลาออกของนายสุวิทย์เหตุผลสำคัญมี 3 ประเด็นคือ 1.ปัญหาภายในพรรค ที่นายสุวิทย์ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ 2.นายสุวิทย์ไม่มี ส.ส.ในมือทำให้การต่อรองไม่มีผล 3.นโยบายของรัฐบาลสวนทางกับความคิดของนายสุวิทย์ ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจเช่นนี้คือการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีของนายไชยยศและนายประสงค์
 
ด้านนายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา กลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า นายสุวิทย์ควรลาออกตั้งนานแล้ว เพราะไม่มี ส.ส.อยู่ในมือ รวมทั้ง ส.ส.ในพรรคก็ไม่เชื่อฟัง ที่สำคัญการให้ข่าวแทบทุกครั้งมักสวนทางกับรัฐบาลตลอด จึงเหมาะสมแล้วที่นายสุวิทย์ควรจะลาออกไป ต่อไปการทำงานในพรรคคงจะง่ายขึ้น


ชู 3 คนชิงหัวหน้าพรรค

 
นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคจะเรียกประชุมเพื่อหาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งมีผู้เหมาะสม อยู่ 2-3 คน ไม่ว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายมั่น พัธโนทัย หรือ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน
 
ด้านนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า เชื่อว่านายสุวิทย์เองมีความอึดอัดหลายเรื่อง ทั้งกรณีที่ ส.ส.ในพรรคไม่เชื่อฟัง ที่สำคัญกรณี การแย่งชิงตำแหน่ง มท.3 ระหว่างนายประสงค์และนายไชยยศที่ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย


“มั่น” ปัดไม่รับตำแหน่ง

 
ขณะที่ นายแวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส. นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มสัจจานุภาพ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคจะลาออกหรือไม่คงไม่สำคัญ เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ต่อไปถ้าไม่เปลี่ยนระบบและวัฒนธรรมการทำงานของพรรคก็ยังจะเกิดปัญหาขึ้นอีก ปัญหาของพรรคไม่ใช่ประเด็นว่าใครจะเป็นหัวหน้า แต่เป็นเรื่องวัฒนธรรมการทำงานของพรรค ที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรคไม่เคยมีอำนาจในการตัดสินใจ แต่คนที่ตัดสินใจมีเพียง 2-3 คน ซึ่งตนคิดว่าบุคคลเหล่านี้ต้องยุติบทบาทเสียเพื่อให้พรรคดำเนินต่อไปได้ หัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องให้เป็นมติของที่ประชุมใหญ่
 
นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีฯในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องขอมติ ส.ส.และกรรมการบริหารในการประชุมใหญ่กลางเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตามตนคงไม่ขอรับตำแหน่ง แม้ ส.ส.หลายคนจะสนับสนุนก็ตาม เพราะงานที่กระทรวงก็มีมากอยู่แล้ว


พปช.ยื่นอัยการเล่นงาน ปชป.
 
ส่วนการเมืองอื่นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นางนฤมล ธารดำรงค์ ส.ส. สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวว่า จะไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งข้อหากับ 2 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ได้กระทำการกบฏต่อแผ่นดินประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เนื่องจากมีภาพปรากฏว่าทั้ง 2 คนได้อยู่ร่วมเหตุการณ์การล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำสั่งว่าการชุมนุมล้อมรัฐสภาเป็นพฤติ กรรมที่ทำผิดเกินรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ในการใช้สิทธิการชุมนุม
 
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ถ้าอัยการสูงสุดพบว่าคดีมีมูล คดีนี้จะมีความผิดโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งตนมีหลักฐานที่เป็นวีซีดีทั้งจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และช่อง 9 รวมทั้งจาก วีซีดีของกลุ่มพันธมิตรฯด้วย มีภาพนายสาธิตอย่างชัดเจน และก็ทราบว่ามี ส.ส.อีกหลายคนที่ไปร่วมแต่หลักฐานไม่ชัดเจน


“ถาวร” เย้ยกระดูกยังอ่อน

 
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า สิ่งที่ ส.ส.ทั้ง 3 คนทำเป็นการรับงานมาจากนายใหญ่ การเข้าไปสังเกตการณ์ไม่ใช่การล้มล้างเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติตามข้อกล่าวหา เพราะประชาชนชุมนุมโดยสงบได้ตามรัฐธรรมนูญ
 
“นายสุรพงษ์ได้ไปแจ้งความเอาผิดผมถึง 2 ครั้ง ขอบอกอีกครั้งว่าให้นายสุรพงษ์ไปปรึกษาแพทย์ และถ้านายสุรพงษ์จะเล่นเกมหนักยุบพรรคประชาธิปัตย์ ขนาด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ของคุณยังยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ระดับคุณยังกระดูกอ่อนเกินไปที่จะมาเล่นเกมเหล่านี้ ถ้าคุณแน่จริงต้องไปฟ้องที่ศาลเองดีกว่า อย่าใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือ เพียงเพื่อให้เป็นข่าวแล้วเอาความดีความชอบไปบอกนายใหญ่ของคุณ” นายถาวร กล่าว


เข้าชื่อไล่ “รสนา” พ้นสภา
 
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 140 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้าชื่อเพื่อยื่นถอดถอน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. เมื่อเห็นว่าพฤติการณ์ของ น.ส.รสนาไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและระเบียบการประชุมสภา เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถดำเนินการได้ โดยตนก็เป็นหนึ่งคนที่ร่วมเซ็นชื่อ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นเป็นความผิดที่ชัดเจน น.ส.รสนาก็ยอมรับว่าคนที่แอบเข้าไปในห้องประชุมเป็นสามี จะมาแก้ตัวว่าไม่ทราบไม่ได้
 
ส่วนการดำเนินการนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า คงไม่รอผลสอบของสภาเพราะกระบวนการถอดถอนก็ต้องมีการสอบสวนอยู่แล้ว ที่ น.ส.รสนาอ้างว่าคนติดตามเป็นห่วงเพราะถูก ส.ส. พรรคพลังประชาชนล้อมเกรงจะถูกทำร้ายนั้น เท่ากับเป็นการสบประมาทดูหมิ่น ส.ส.เหล่านั้นว่า เป็นนักเลงโต ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างมาก


กดดัน “โกวิท” ตั้งเลขาฯ
 
อีกด้านหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทย ส.ส.พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวินกว่า 50 คน นำโดยนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา เดินทางมาพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว. มหาดไทย ภายหลังนายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีต รมช.คมนาคม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า การมาครั้งนี้มาให้กำลังใจไม่ได้ต้องการกดดัน พล.ต.อ. โกวิท เพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมือง
 
แหล่งข่าวแจ้งว่า กรณีที่ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินเข้าพบ พล.ต.อ.โกวิท ส่วนหนึ่งต้องการกดดัน เพราะความสัมพันธ์ของ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่เคยสนับสนุน พล.ต.อ.โกวิทได้เปลี่ยนไป โดย พล.ต.อ.โกวิทค่อนข้างมีความ เป็นตัวของตัวเองสูง เช่น การแต่งตั้งเลขาฯและ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยต้องการแต่งตั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทเป็นเลขาฯ แต่กลุ่มเพื่อนเนวินก็ไม่ยินยอม นอกจากนั้นกลุ่มเพื่อนเนวิน ยังต้องการให้ พล.ต.อ.โกวิทแต่งตั้งโยกย้ายนายอำเภอที่เป็นคนของกลุ่มด้วย


ไม่ยุบสภาจนกว่าตัดสินยุบพรรค
 
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนเนวินได้หารือสถานการณ์การเมืองร่วมกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ โดยนายเนวินเล่าให้ ส.ส.ฟังว่า ได้เข้าเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งคุยกับท่านแล้วเรียบร้อยดี ตอนนี้เราอยู่นิ่ง ๆ ก่อน ไม่ต้องการถูกโยงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหากกรณีที่เกิดสถาน การณ์ไม่คาดฝันขึ้น
 
รายงานข่าวจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นาย สมชายได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรค โดยแสดงความกังวลถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายตุลาการในคดียุบพรรค อย่างไรก็ตาม ส.ส.ได้ประเมินว่าคดียุบพรรคน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. จึงขอให้นายสมชายอย่าประกาศยุบสภาอย่างเด็ดขาด ขอให้รอผลคดียุบพรรคเสียก่อน นายสมชายได้รับปากว่าจะไม่ประกาศยุบสภาจนกว่าจะตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน


กกต.แจกอีก 1 เหลือง ปชป.
 
อีกด้านหนึ่งนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เปิดเผย ว่า ที่ประชุมมีมติด้วยเสียงข้างมากสั่งเลือกตั้งใหม่ ส.ส.ยโสธร เขต 1 แทน น.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีตกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งที่ได้มาไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
 
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ณิรัฐกานต์ เป็นอดีต กก.บห.ได้ใบเหลือง ก็ถือว่าเป็นความผิดเฉพาะบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นจะไม่ส่งผลถึงต้องยุบพรรค
 
ด้านนายสุเมธกล่าวว่า กรณีนี้เทียบเคียงกับนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำกับสมาชิกพรรคที่โดนใบแดง จึงไม่มีผลที่ กกต.จะต้องทำเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค


นักธุรกิจฟ้อง“แม้ว”และเครือญาติ

 
อีกด้านหนึ่งที่ศาลฎีกา ผู้สื่อข่าวราย งานว่า นายวิลเลี่ยม ไลล์ มอนซัน อายุ 65 ปี ผู้บริหารบริษัท ซีทีวีซี ออฟฮาวาย จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิ้ลทีวีประเทศสหรัฐเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณและพวก อาทิ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายบรรณพจน์ และนางบุษบา ดามาพงศ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และคณะกรรม การบริษัท อสมท สืบเนื่องจากระหว่างปี 2532- 34 ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ดำรงตำแหน่ง รมต.  สำนักนายกฯ ได้อนุมัติให้บริษัทไอบีซีเคเบิ้ลทีวี   ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณและเครือญาติได้รวมทำสัมป ทานประกอบกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก โดยไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ มีการเอื้อประโยชน์และมีการโอนหุ้นบริษัทให้นักการเมือง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ศาลฎีการับคำร้องไว้เพื่อนัดประชุมพิจารณาคำร้องและมีคำสั่งว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาและแต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระตามคำร้องหรือไม่ต่อไป


“จิ๋ว”แนะ “สมชาย” ปรับ ครม.

 
ค่ำวันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปรับ ครม.เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่า จะต้องปรับทั้งคณะ แล้วหาคนดี ๆ จากทุกพรรคเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้นายกฯลาออก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นนอมินี ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ถ้าจะทำอย่างนี้แล้วจะเป็นนอมินีได้อย่างไร ตนอยากให้นายกฯเปลี่ยนใจตั้งแต่คืนนี้แล้วจะเป็นวีรบุรุษของชาติ ทุกคนจะชื่นชมเพราะไม่มีเวลาแล้ว จะมานั่งพูดคุยกันแบบทุกวันนี้คงไม่ได้ ทุกวันนี้คนในชาติจะตีกันตายอยู่แล้ว ขอให้นายกฯทำตามที่ตนพูด เพราะไม่มีทางอื่นถ้าไม่ทำแล้วใครจะมาทำ จะให้ประชาชนขึ้นมาทำก็คงวุ่นวายแบบนี้
 
เมื่อถามว่า บุคลิกนายกฯจะสวนกระแสในการปรับ ครม.ได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ถ้ามีเจตจำนงทำเพื่อแผ่นดินก็จะจบ และตนไม่ทราบว่าจะมีใบสั่งจากต่างประเทศหรือไม่ แต่ถ้าคืนนี้นายกฯกลับใจและจัดตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อกู้ประเทศชาติจะแก้ไขปัญหาได้ การปรับ ครม. นายกฯจะต้องอยู่เป็นหลักไว้ก่อน ที่ผ่านมาสมัยบางระจันก็ยังทำได้ ตอนนี้เลือดไทยแบบนั้นหายไปไหนหมด ตอนนี้ไม่ต้องนึกว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขอให้เอาบ้านเมืองอยู่รอดก่อน เพราะบ้านเมืองคือหัวใจ


วุฒิฯนัดผู้บริหารสื่อกินข้าว

 
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ รร.รอยัลปริ๊นเซส ถนนหลานหลวง นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 นางสาวทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 และตัวแทน ส.ว.ได้พบปะสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารสื่อมวลชนทุกแขนง เช่น นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นายสมหมาย ปาริฉัตต์ ผู้บริหารเครือมติชน ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บก.ผู้บริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย  ทั้งนี้ประเด็นที่อยู่ในการสนทนาประกอบด้วยเรื่องการเมืองที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนและบทบาทของวุฒิสภาในเรื่องดังกล่าว ความคืบหน้าในการดำเนินการของวุฒิสภาที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว เช่น การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง รวมทั้งการขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทำหน้าที่ตรวจสอบ และเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของวุฒิสภา ทั้งนี้บรรยา กาศภายในงานเป็นไปอย่างกันเองซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาได้มีการจัดงานเลี้ยงวุฒิสภาพบผู้บริหารสื่อมวลชน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์