สุวัจน์ บุก ปชป.เข้าพบ สุเทพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้ากลุ่มลำตะคอง รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชั้น 2 ตึกมูลนิธิควง อภัยวงศ์ โดยใช้เวลาในการหารือกันประมาณ 30 นาที นายสุเทพกล่าวว่า อย่าพึ่งตกใจที่ วันนี้นายสุวัจน์มาพบตนที่พรรค นายสุวัจน์เพียงแค่มาเชิญนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และตน ร่วมงานพระราชทานเพลิงศพบิดานายสุวัจน์ ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เท่านั้น ไม่ได้พูดคุยหรือชักชวนเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยชวนนายสุวัจน์สมัครเข้าพรรค ประชาธิปัตย์ เท่าที่รู้นายสุวัจน์ก็ยังไม่ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทย อย่าพึ่งชวนใครมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์เลย เพราะคนในพรรคไทยรักไทย ต้องรอดูสถานการณ์ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ต้องให้เวลาพวกเขาตั้งหลักก่อน นักการเมืองเจอกันก็ทักทายกันเป็นปกติ ไม่มีอะไร รู้จัก มักคุ้นกันเป็นธรรมดา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์วางตัว ผู้สมัคร จ.นครราชสีมา หน้าใหม่ จะมีปัญหาหรือไม่ นาย สุเทพตอบว่า พรรคเราเปิดกว้าง ใครจะมาร่วมอุดมการณ์ เรายินดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางพรรคได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบและพิจารณาผู้สมัครไว้แล้ว และจะมีการพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ส่วนนักการเมืองเก่าที่มีปัญหาด้านคดีความ และเรื่องราวในอดีตต่างๆก็ ต้องมาคุยกันก่อน เพราะพรรคเราเป็นพรรคของประชาชน จะทำอะไรต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบ ขณะนี้นายวุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย ส.ส.ชัยภูมิ พรรคไทยรักไทย ได้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายวุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคไทยรักไทย กลุ่มลำตะคอง กล่าวว่า ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ พรรคประชาธิปัตย์แล้ว เพราะเห็นว่าเป็นพรรคที่มีความเป็นสถาบันการเมืองสูง ทำให้ ส.ส.มีส่วนร่วมได้มาก ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ ไปอยู่กับพรรคที่มีความมั่นคงทางการเมืองน่าจะดีกว่า โดยในอนาคตหากมีกฎ กติกาใหม่ก็จะขอลงเขตที่ จ.ชัยภูมิ เหมือนเดิม ทั้งนี้ ได้ หารือกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว แต่ ไม่ได้ปรึกษากับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้ากลุ่มลำตะคอง เพราะได้ออกมาจากกลุ่มระยะหนึ่งแล้ว อย่างไร ก็ตาม ไม่ทราบว่าจะมีสมาชิกกลุ่มลำตะคองย้ายไปพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่

ค่ำวันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีการจัดดินเนอร์ทอล์ก เรื่อง มองอนาคตการเมืองไทย จากอดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เดิมที พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่ขึ้นร่วมกันด้วย แต่ได้แจ้งว่าต้องเดินทางไปประเทศจีนด่วน โดยคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ แจ้งว่า พล.อ.ชวลิตไปประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. และจะกลับมาวันที่ 29 พ.ย.นี้ ยืนยัน ไม่ได้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ทราบว่าเป็นเดินทางไปด้วยภารกิจอะไร

ด้านนายชวนกล่าวว่า ถ้าจะถามถึงอนาคตการเมืองไทยขณะนี้คงตอบได้ว่า ยังมีความคลุมเครืออยู่มากชนิดที่มองไปไกลไม่ชัด แม้แต่รัฐธรรมนูญที่ถือว่ามีความสำคัญกับการปฏิรูปการเมือง หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ การสรรหาสมัชชาแห่งชาติเพื่อมาเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นใคร มีทัศนคติหรือแรงจูงใจที่จะร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพราะคำพูดที่ว่าต้องทำให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของคนไทย ก็ยังไม่ได้ทำให้เกิดความชัดเจน

นายชวนกล่าวว่า นอกจากนี้สัญญาณจากรัฐบาลและ คมช.ที่จะปรับเปลี่ยนผลพวงจากระบอบทักษิณ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ชัดเจน สำหรับการทำหน้าที่วุฒิสภาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถือว่าใช้ได้ในส่วนของการกลั่นกรองกฎหมาย แต่การเลือกองค์กรอิสระถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นพรรคไทยรักไทย ซึ่งในช่วงนั้นก็เริ่มที่จะมีการซื้อวุฒิสภากันบ้างแล้ว

ผมขอเสนอให้ทบทวนที่มาของฝ่ายนิติบัญญัติ การเลือกตั้งจะใช้เขตเดียวเบอร์เดียวหรือ 1 เขตเลือกได้ 3 คน เหมือนสมัยรัฐธรรมนูญปี 2517-2540 ซึ่งได้ผลดีสุด เนื่องจากเป็นเขตใหญ่ซื้อยาก ชาวบ้านเลือกคนที่จะซื้อและไม่ซื้อได้ และมีความขัดแย้งทางการเมืองน้อยกว่าวิธีอื่น ส่วนบัญชีรายชื่อต้องดูว่ารัฐธรรมนูญจะให้ฝ่ายนิติบัญญัติมาอย่างไร เพราะระบบบัญชีรายชื่อทำให้ฝ่ายบริหาร ไม่เห็นความสำคัญของสภาฯ ส่วนฝ่ายบริหารถ้าเปิดกว้างให้นายกฯ ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง จะทำให้ประวัติ-ศาสตร์ซ้ำรอยปี 2535 หรือไม่ นายชวนกล่าวในที่สุด