สุรยุทธ์จี้ ตร.สกัด การเมืองล้วงลูก

"ระดมความคิดพัฒนาโครงสร้าง ตร."


นายกรัฐมนตรีให้ตำรวจเรียกคะแนนจากประชาชนคืน โดยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 พ.ย. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบนโยบายการบริหารราชการ พร้อมรับฟังผลสรุปการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาโครงสร้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. เพื่อระดมความคิดเห็นถึงการพัฒนาโครงสร้างตำรวจ โดยมีนายตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไปทั่วประเทศเข้าร่วม

หลังฟังสรุปผลการสัมมนาเสร็จสิ้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับความรู้สึกของประชาชนในเรื่องของความศรัทธา ความเชื่อถือต่อตำรวจ ที่ดูเหมือนลดน้อยลง อาจเพราะเหตุผลทางการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ ความหวาดระแวง และความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น ความรู้สึกเช่นนี้กระทบต่อการทำงานของตำรวจโดยตรง ดังนั้นต้องทำให้สังคมเห็นว่าตำรวจเป็นผู้คิดและทำงานโดยไม่เห็นแก่ตัว รวมทั้งสื่อสารกับประชาชนให้มากขึ้น อาทิ ประชาชนต้องการหรือคาดหวังให้ตำรวจทำงานอย่างไร ส่วนตำรวจต้องอธิบายได้ว่ามีปัญหาข้อขัดข้องในการทำงาน หรืออยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมเรื่องอะไรบ้าง สุดท้ายคือเรื่องสื่อสารมวลชน ส่วนดีต้องช่วยกันเผยแพร่ ส่วนไม่ดีต้องช่วยกันตรวจสอบ และเสนอสิ่งเหล่านั้นให้สังคมรับทราบ หากทุกฝ่ายส่งเสริมซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นว่าสถาบันตำรวจจะกลับมาได้รับความเชื่อถือ และ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

"สรรหาบุคลากรพัฒนาระบบสวิสดิการค่าตอบแทน"


นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของ สตช.เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และประสิทธิภาพในการทำงานของตำรวจ ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการตำรวจ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน ทั้งส่วนราชการ และกลุ่มประชาชน อาจรวมไปถึงการแก้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของตำรวจให้ เหมาะสม โดยเฉพาะด้านโครงสร้างการบริหารจัดการ และการบริหารงานบุคคลในวิชาชีพตำรวจที่จะต้องเข้าไปดูแลในเรื่องระบบคุณธรรม การสรรหาบุคลากร การพัฒนา ระบบสวัสดิการ และค่าตอบแทน

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่เป็นห่วงมากในช่วงที่ผ่านมา คือมีการแทรกแซงทางการเมืองค่อนข้างสูง ดังนั้น ต้องไม่ให้อำนาจบริหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการ แต่งตั้งโยกย้าย หรือล้วงลูกมากเกินไป ต้องแก้ไขร่วมกัน ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป้าหมายหลักคือการทำงานสนองตอบประเทศชาติ และประชาชน ดังพระราชปณิธานที่ได้ทรงแสดงไว้เป็นปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องเตรียมตัวในการเปลี่ยนแปลง และทำงานให้ได้ทุกๆสถานการณ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

"สรุปผลได้ 3 ด้าน"


พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวสรุปผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อนายกรัฐมนตรีว่า การสัมมนาครั้งนี้สรุปผลได้ 3 ด้าน คือ ด้านโครงสร้าง และการบริหารงานบุคคล โดยในด้านโครงสร้าง ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับระบอบการปกครองและสังคมไทย ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการเป็นนิติบุคคล สามารถบริหารจัดการด้วยตนเอง และแบ่งโครงสร้างภารกิจของงานตำรวจเป็น 2 ส่วน คือด้านการป้องกันปราบปราม และภารกิจอำนวยการสนับสนุน ส่วนการบริหารงานบุคคล ต้องป้องกันการแทรกแซงทางการเมือง สร้างความมั่นคงในวิชาชีพ โดยแก้ไขการเข้าดำรงตำแหน่งของ ก.ตร. และ ก.ตช.ให้คล้ายคลึงกับ กอ.หรือ กต. และออกกฎเกณฑ์ การแต่งตั้งที่เป็นธรรม

พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าวต่อว่า ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานราชการเพียงหน่วยเดียว ที่มีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการ บริหารงานของกรุงเทพมหานคร (กต.ตร.กทม.) และจังหวัด (กต.ตร.จังหวัด) โดยมีภาคประชาชน และองค์กรส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ

"ให้พัฒนาการทำงานให้เป็นมืออาชีพ"


ส่วนด้านการสอบสวนและการ อำนวยความยุติธรรมในหน้าที่ของตำรวจ ต้องมีการพัฒนา การทำงานของพนักงานสอบสวนให้เป็นมืออาชีพ และใช้ หลักกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นส่วนสำคัญ นับตั้งแต่มี พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ตำรวจมีการปรับตัวเองอย่างที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ ตำรวจถูกประเมิน ว่ามีการฉ้อราษฎร์ในระดับสูง

ที่กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธาน คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ และคณะกรรมการ เข้าประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อหารือแนวทางปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวหลังประชุมว่า คณะกรรมการเห็นตรงกันว่า โครงสร้างของตำรวจในปัจจุบันตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เป็นโครงสร้างที่ใช้ได้ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไข อย่างไรก็ตามในวันนี้ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ ต้องประมวลสรุปข้อมูลให้ เป็นรูปธรรม ก่อนมีความเห็นครั้งสุดท้ายเสนอต่อรัฐบาล โดยคำนึงถึงความเห็นของประชาชน และความเห็นของ ตำรวจเป็นสำคัญ สามารถเขียนส่งมาที่กระทรวงยุติธรรมได้ หรือเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ www.moj.go.th ทั้งนี้จะทำงานให้เร็วที่สุด โดยจะประชุมกันอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ ส่วนแนวคิดให้ตำรวจขึ้นตรงกับ ผวจ. ยังไม่ได้พูดถึง



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์