สื่อกับข้อหา หมิ่นสถาบัน

สื่อกับข้อหา "หมิ่นสถาบัน"

เปลวสีเงิน / คนปลายซอย
31 มีนาคม 2549 กองบรรณาธิการ

สื่อ-หนังสือพิมพ์ คือ "จำเลยตลอดกาล" ผมว่างั้นนะครับ ในทุกความเป็นไปของสังคมชาติ มีคำสาปไว้แล้วว่า "สื่อ-หนังสือพิมพ์" ต้องทำหน้าที่ร่วม และก็มีคำสาปไว้แล้วเช่นกันว่า ในการทำหน้าที่ร่วมนั้น "สื่อ-หนังสือพิมพ์" จะไม่ได้รับ และต้องไม่รับประโยชน์โพดผลใดๆ ทั้งสิ้นจากการนั้น

เพราะอะไรน่ะหรือครับ?

ก็เพราะ สื่อ-หนังสือพิมพ์ ได้รับอยู่แล้วคือ จำเลยตลอดกาล นั่นไง!

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

คำตอบไม่ยากเลย เพราะคำว่า "สื่อสองด้าน" หมายถึงการนำเสนอจากทุกฝ่ายเพื่อสนองกับทุกฝ่ายนั้น สถานภาพของสื่อ-หนังสือพิมพ์จึงขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายนั้น จะเลือกมุมไหนเพื่อตักตวงผลประโยชน์เอาจากข่าวสารในสื่อ-หนังสือพิมพ์ นั้น

"การฟ้องร้อง" นั่นก็เป็นผลประโยชน์ในอีกมุมหนึ่งที่เขาตักตวงเอาได้จากสื่อ-หนังสือพิมพ์

ถึงแม้ว่า ครั้งหนึ่งคนนั้นๆ เคยพึงพอใจ และได้ผลประโยชน์จากการเสนอข่าวของสื่อ-หนังสือพิมพ์นั้นมาก่อนก็ตาม

เพราะเหตุนี้ "หนังสือพิมพ์" จึงเป็นสื่อที่ถูกสาป การฟ้องร้องย่อมมาได้ทั้งจากสังคมที่เคยได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์

เหรียญ กับ หรีด ในภาษาสื่อ-หนังสือพิมพ์ มันคือสิ่งเดียวกัน

ครับ..ผมเห็น เพื่อนสื่อ-หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในสภาพที่ "ผู้ชุมนุมจากสวนจตุจักร" ฉวยจังหวะไล่ล่าวัน-สองวันนี้ ในฐานะที่ผมเคยเผชิญสภาพนี้มาก่อนเมื่อครั้ง ๖ ตุลา ๑๙

ก็ต้องบอกว่า..เข้าใจเพื่อน!

ในภาวการณ์อย่างนี้ อะไรคืออะไรก็ทราบกันอยู่ เมื่อประสบ ก็ต้องเผชิญ เผชิญด้วยเกียรติศักดิ์ของสื่อ-หนังสือพิมพ์

การยอมรับในการนำบทสัมภาษณ์มาตีพิมพ์ไม่ครบถ้วน การขอพระราชทานอภัยโทษ พร้อมทั้งลงโทษตัวเองด้วยการหยุดพิมพ์จำหน่ายชั่วคราว และทั้งบรรณาธิการ "ลาออก" เป็นการสำนึกในความผิดพลาด นั้น

ผมถือว่า เป็นการแสดงออกถึง "ความรับผิดชอบ" จากบุคคลและองค์กรอันบ่งถึง "ความจริงใจ" ระดับหนึ่งแล้ว

เพราะปัญหานี้มันไม่ได้จบลงแค่ "การแสดงความรับผิดชอบ" อันเป็นส่วนของจิตสำนึกใน ผิด-ถูก เยี่ยงวิญญูชนสื่อ เท่านั้น

ยังจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกด้วย

และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบุคคล และองค์กรต่างๆ เกือบทั่วประเทศ รุมแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ "คม ชัด ลึก" และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในข้อหาเดียวกันอีกมากมาย

ฉะนั้น ผมจึงเห็นว่า การที่ผู้ชุมนุมจากสวนจตุจักรยกขบวนไปปิดล้อมสำนักพิมพ์ "คม ชัด ลึก" นั้น ในเมื่อผู้บริหารเขายอมรับในความผิดพลาด และแสดงความรับผิดชอบในสิ่งนั้น นอกเหนือจากคดีความอีกมากมาย

ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องไปคุกคาม-ขยำขยี้เหมือนมวยได้ทีกับ สื่อ-หนังสือพิมพ์ ให้มากไปกว่าที่กระทำกันไปมากอยู่แล้ว

เท่าที่ผมดูๆ การที่ม็อบไปบุก "คม ชัด ลึก" สองครั้ง-สามครั้ง นั้น ก็มองเห็นเจตนาทั้งเบื้องลึก และเบื้องตื้น มันเหมือนการวางอวนจับปลาด้วยแผนของใครที่รับรู้กันได้นั่นแหละ

ไล่ตีจากปากอวน "คม ชัด ลึก" เพื่อหวังปลาตัวใหญ่ที่ล่าไล่ให้ไปติดอยู่ก้นอวน!

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คือปลาตัวนั้น!

"คม ชัด ลึก" คือสะพานที่หวังให้เป็นพยานซัดทอดไปถึง

อันที่จริงผมก็ต้องขอชม "ผู้ชุมนุมที่สวนจตุจักร" เพราะเป็นผู้สนใจข่าวสารบ้านเมืองตัวจริง และอดที่จะแอบดีใจไม่ได้ว่า ถ้าคนในบ้านเมืองเราอ่านหนังสือพิมพ์กันมากๆ อย่างนี้ละก็

อนาคต..บ้านเมืองสดใสแน่นอน!

ผมขอสารภาพว่า จนบัดป่านนี้ ผมก็ยังไม่ทราบเลยว่า ที่ม็อบไปบุกโรงพิมพ์ "คม ชัด ลึก" เพราะไม่พอใจที่ลงข่าวหมิ่นสถาบันเบื้องสูง นั้น

ข่าวเขาลงว่าอย่างไรบ้าง?

แต่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด และชุมนุมกันอยู่ที่สวนจตุจักรกลับได้อ่านกันถ้วนหน้า ถึงได้อ่านหลังจากที่หนังสือพิมพ์ลงไปหลายวันแล้วก็ตาม ผมก็ต้องยอมยกนิ้วให้แหละว่า

๕ ปีภายใต้ระบอบทักษิณ ชาวรากหญ้าได้รับการพัฒนาขึ้นจริงๆ!

ในเรื่องการต่อสู้กันทางการเมือง ระหว่างประชาชนผู้ต้องการ และผู้ต่อต้าน "ประชาธิปไตย ระบบทักษิณ" ขณะนี้นั้น การเคลื่อนไหวจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นม็อบสวนจตุจักร หรือม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ทั่วโลก ต่างยกนิ้ว และยกย่องเป็นแบบอย่าง

แตกต่าง แต่สร้างสรรค์ทั้งคู่!


คือไม่มีการใช้อาวุธ ไม่มีการใช้กำลัง ตำรวจ-ทหาร-รัฐบาล ยึดหลักรัฐศาสตร์ผสมนิติศาสตร์ เปิดช่องระบายให้สังคม ดังนั้น การชุมนุมในลักษณะ "ม็อบชนม็อบ" ซึ่งแสนจะหวาดเสียว

กลับกลมเกลียวในสันติ!

เถอะ..ใครจะเชิดหุ่น-ชักใยใคร ก็ว่ากันไป ถึงจะรู้กันว่าอะไรคืออะไร แต่วิสัยชายชาติม็อบด้วยกัน

รู้ในใจ แต่ไม่โพนทะนา

นี่คือความน่ารักของ "คนไทย-สังคมไทย" อย่างหนึ่ง ความรังเกียจเดียดฉันท์ว่า "คนกรุง-คนบ้านนอก" ไม่มีหรอกครับ

เพราะมีแต่ "คนไทย" ด้วยกันทั้งนั้น และทั้งคนไทยในกรุงก็ร้อยละ ๘๐-๙๐ กำพืดคือคนทุ่งที่มาอยู่ในกรุงทีหลังเกือบทั้งนั้น

เพราะเหตุนี้ ม็อบไทยจึงไม่ตีกัน!

แต่..การที่ใช้ประเด็นเกี่ยวกับ "สถาบันเบื้องสูง" หยิบยื่นให้คนไทย "ลูกพ่อหลวง" ด้วยกันใช้เป็นเครื่องมือเข่นฆ่าทำลายกันในลักษณะนี้ ผมอยากจะเตือนไปยังผู้กำกับบัญชาพี่น้องสวนจตุจักรว่า

เอาแต่พอดี เอาอยู่ในเนื้อหาก็พอแล้ว

อย่าใช้เป็น "แต้มต่อ" ปลุกประเด็น ไล่ขยี้ขยำฝ่ายตรงข้ามให้ลามไปยังประชาชนทั่วประเทศ

เพราะเช่นนั้น สันติที่รักษากันได้เรื่อยมา

มันจะกลายเป็นจลาจล!

เรื่องเช่นนี้ย่อมทราบกันดีว่า ผู้ที่แพร่เรื่องราวออกไปก็จะพูดในลักษณะกว้างๆ ว่า หนังสือพิมพ์ลงข่าวหมิ่นในหลวงบ้าง นายสนธิพูดจาหมิ่นในหลวงบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วน้อยคนจะทราบรายละเอียดในข้อความนั้นเพื่อการวินิจฉัยว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ตามที่เขากล่าวหากัน

แต่ด้วยจิตพสกนิกรไทยอันแนบแน่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แค่ใครมาบอกว่า "คนนั้น-คนนี้ หมิ่นในหลวง" เราก็โกรธแล้ว และเกิดความรู้สึก "ยอมไม่ได้" ขึ้นมาทันที จนไม่ต้องการค้นหาข้อเท็จจริงต่อ

ตรงนี้แหละ..อันตราย!

ผมเข้าใจแหละว่า ฝ่ายระบบทักษิณ เกลียด..และต้องการกำจัดสนธิ แต่ผมอยากจะเตือนไว้ อย่าชูประเด็นนี้ และแจกจ่ายเป็นอาวุธให้เครือข่ายไล่ทิ่มแทงสนธิจนเกินกรอบ

แค่ "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" สั่งตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับนายสนธิในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันกับ "คม ชัด ลึก"

แค่นั้น ด้วยอาญาแผ่นดิน ทั้งคุณสนธิ และสื่อ-หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" จะหนีไปทางไหนได้?

ความจริง ผิด-ถูก เป็นอย่างไร ทุกอย่างในเรื่องนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ฉะนั้น ฝ่ายระบบทักษิณจะเหี้ยนกระหือรือให้กระเพื่อมจนเกินงามไปไย

หรือหวังใช้กลบประเด็น..ท้ากกก..สินนนน ออกไป!

ถ้ายังขืนให้พี่น้องชาวนาคนยาก-คนจน พี่น้องมอเตอร์ไซค์-รถสองแถวรับจ้าง แสดงความจงรักภักดีชนิดไม่สิ้นสุดหลุดกรอบ เรื่องมันอาจพลาดพลั้ง-บานปลาย

แล้วจะเสียใจกันทีหลัง!?


ภายใต้ระบอบทักษิณนี้ ดูเหมือนว่า สังคมไทยเราจะสะเทือนใจ ทั้งจากคำพูดจ้วงจาบ ทั้งจากพฤติกรรมบังอาจเหิมเกริม แบบชัดถ้อย-ชัดคำ และชัดคาตา จากบุคคลคนหนึ่งมาหลายครั้งหลายหน แต่รัฐบาลโดยตำรวจไม่เคยตั้งกรรมการสอบ แต่กับคำพูดสนธิที่ยังไม่ชัดเจนในข้อเท็จจริง ตอนนี้ กลับไล่ล่ากันยิ่งกว่า.."โทษขายชาติ" ซะอีกแน่ะ!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์