สิงคโปร์แจง แม้ว บินมาพบส่วนตัว ขอคุยลับ

สิงคโปร์แจงบินมาพบ"ส่วนตัว"แฉ"แม้ว"ขอคุยลับ


สิงคโปร์แจงบินมาพบ"ส่วนตัว แฉ"แม้ว"ขอคุยลับรองนายกฯลอดช่องเล่นด้วย-ยอมรูดซิปปากเงียบ"นพดล"ท้า"สุรยุทธ์"อยากรู้เรื่องอะไรไปถามเองเย้ยคมช.อย่าระแวง-อ้างแค่ไปตีกอล์ฟกับเพื่อนเก่า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า

กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ออกคำแถลงเมื่อวันที่ 14 มกราคม ยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยเดินทางมาสิงคโปร์เป็นการส่วนตัวและได้ขอพบรองนายกรัฐมนตรี เอส. จายากุมาร์ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่า "ตอนนี้ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในสิงคโปร์ โดยเดินทางมาเป็นการส่วนตัว" กระทรวงต่างประเทศแดนลอดช่องแถลง



ทั้งนี้ ทางกระทรวงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม


เกี่ยวกับการพูดปะพูดคุยระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีไทยและรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ตามที่พ.ต.ท. ทักษิณได้ร้องขอ โดยบอกแต่เพียงว่าการพบปะนี้เป็นไปในทางสังคมและเป็นการส่วนตัวอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เดอะซันเดย์ไทมส์รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาถึงสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและถูกจับตามองในตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอดีตนายกฯทักษิณ ไปรับประทานอาหารที่ลานขายอาหาร ซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาคนดังชาวสิงคโปร์หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ





ขณะเดียวกันนายนพดล ปัทมะ


ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบรองนายกฯของสิงคโปร์ว่า ตนไม่ทราบและไม่มีข้อมูล หากจะมีการพบปะกันจริงก็เป็นเพียงการพบในฐานะเพื่อนเก่าเท่านั้น

ทั้งนี้นายนพดล กล่าวว่า


พ.ต.ท.ทักษิณ ไปตีกล์อฟ อยู่ไม่กี่วันก็กลับซึ่งคาดว่าคงกลับไปที่จีนเช่นเดิม ตนยืนยันไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองและสิงค์โปร์เอง ก็ไม่แทรกแซงประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว

ถ้ากังวลว่าพ.ต.ท.ทักษิณเข้าพบรองนายกฯสิงคโปร์ด้วยเรื่องใด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็สามารถหารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ฟิลิปปินส์ได้เพราะยังไงก็ต้องเจอกัน

"แต่ผมคิดว่า คมช.และรัฐบาล หวาดระแวงเกินไป คน ๆ เดียวจะไปทำอะไรได้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และรัฐบาลเองก็ทราบดีว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย รวมทั้งขณะนี้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่มีสถานะรองรับแล้ว" ทนายความส่วนตัวระบุ

นายนพดล ยังกล่าวถึง


กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตทูตของพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงยังพบว่ามีการพิมพ์หนังสือประวัติพ.ต.ท.ทักษิณ แจกจ่ายในประเทศจีนว่า ความจริงคือมีชาวจีนพิมพ์หนังสือประวัติพ.ต.ท.ทักษิณ จริงแต่เป็นการพิมพ์ขายไม่ใช่แจกจ่าย

"พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ทราบมาก่อน เพราะเขาไม่ได้ขออนุญาตก่อน ท่านก็เพิ่งมาทราบภายหลังที่มีการพิมพ์เสร็จแล้ว เขาเอาหนังสือมาให้ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนยังผิดพลาดด้วยซ้ำไป

แต่เนื้อหาก็เหมือนหนังสือประวัติบุคคลสำคัญทั่วไป ยืนยันว่าหนังสือดังกล่าวไม่เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นเรื่องของเอกชน "นายนพดลกล่าว

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง


รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีคมช. ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนไม่ให้เสนอข่าวพ.ต.ท.ทักษิณว่า จากให้สัมภาษณ์ของผู้นำคมช.บางคน ดูเหมือนว่ากำลังเดินไปสู่การปกครองที่เป็นเผด็จการเต็มขั้นมากขึ้นทุกที

แม้จะใช้คำว่าขอความร่วมมือหรือขออย่างทหารก็ตาม แต่กลับระบุว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะเชิญไปพบเป็นราย ๆ หรืออาจจะใช้วิจารณญาณแทนสื่อ ตรงนี้ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพ ข่มขู่ คุกคามสื่อมวลชน

นายจาตุรนต์ กล่าว


" การบอกว่าทนไม่ได้ที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง อันนี้สะท้อนถึงความที่ไม่มีประชาธิปไตยเอาเสียเลย หากยังคงดำเนินนโยบายแบบนี้ก็จะไม่ต่างอะไรจากระบบเผด็จการเต็มขั้น มาตรการดังกล่าวขัดต่อธรรมนูญการปกครอง ขัดต่อคำปรารภของพล.อ.สุรยุทธ์ ที่แถลงนโยบาย ทั้งยังขัดต่อนโยบายข้อ 1.5 ในการส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน วันนี้จึงกลายเป็นว่ากำลังพยายามทำให้สื่อกลายเป็นสื่อของคมช.เท่านั้น"

นายจาตุรนต์กล่าวต่ออีกว่า

พรรคไทยรักไทยไม่แน่ใจว่า จะได้รับความเป็นธรรมทั้งเรื่องการยุบพรรค หรือการดำเนินการทางการเมืองต่อๆไป เนื่องจากที่ผ่านมามีสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อมุ่งทำลายล้างกลุ่มอำนาจเก่า ระบอบทักษิณ

และท้ายที่สุดก็หมายรวมพรรคไทยรักไทยไปด้วย เมื่อมีความไม่สงบเกิดขึ้นก็จะพุ่งเป้าเพ่งเล็งมาที่พรรคไทยรักไทยโดยตลอด ทำการเชิญอดีตส.ส.ไปสอบสวน เมื่อรวมกับกรณีห้ามเสนอข่าวด้วยแล้ว เหล่านี้ล้วนไม่เป็นธรรมต่อพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวในต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อพรรคไทยรักไทยหรือไม่


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จะมีปัญหาถ้าคมช.และเจ้าหน้าที่ของรัฐ โยงแบบเหมารวมไปหมด เมื่อมุ่งทำลายล้างระบอบทักษิณ ก็กลายเป็นทำลายล้างพรรคไทยรักไทยไปด้วย ทั้งที่เราเป็นพรรคการเมือง ไม่ใช่กลุ่มอำนาจเก่า แต่กลับถูกปฏิบัติเหมือนเราไม่ใช่พรรคการเมือง


นายจาตุรนต์ ยังกลาวถึงการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยว่า


พรรคไทยรักไทยยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการทางการเมืองเพื่อกดดัน หรือให้มีผลต่อการพิจารณาคดียุบพรรค และสุดท้ายไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร เราก็จะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้าอย่างแน่นอน เราจะใช้ข้อเท็จจริงตามกฎหมายและหลักยุติธรรมเข้าต่อสู้เท่านั้น

"ดูจากรูปการแล้วก็น่าจะถูกยุบ และทางคมช.เองก็อยากให้ยุบเพื่อให้เกิดความชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่ามีธงไว้แล้ว ว่าจะต้องยุบให้ได้ และไม่ต้องการให้มีบทบาททางการเมือง ต้องการให้แพ้การเลือกตั้ง ทั้งนี้เราไม่มีปัญหาในการสู้ตามข้อกฎมาย แต่มีปัญหาเรื่องธงที่ตั้งกันไว้

แต่เรายังเชื่อ มั่นต่อผู้ที่มาทำหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญว่าจะยังคงสามารถยึดหลักกระบวนการยุติธรรม ปฏิเสธที่จะไม่รับธงหรือคำชี้นำจากฝ่ายใดๆ"นายจาตุรนต์ ระบุ




เมื่อถามว่าพรรคต้องการจะให้พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นพยานด้วยตัวเอง หรือใช้วิธีชี้แจงผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เราไม่ขัดข้องหากต้องใช้วิธีชี้แจงผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ไม่ได้ดึงดันว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมา เราเพียงแค่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องเป็นพยานในฐานะหัวหน้าพรรคตอนที่เกิดเหตุ แต่จะมาเป็นพยานอย่างไรเป็นเรื่องที่คมช.จะพิจารณาหารือกับตุลาการรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักไทยยอมรับได้ทุกอย่าง

ด้านนายเฉลิมชัย อุฬารกุล อดีตส.ส.สกลนคร พรรคไทยรักไทย


กล่าวว่า เมื่อค่ำวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ได้ไปกินข้าวกับชาวบ้านที่ร้านตะวันแดงสาดแสงเดือน ในตัวเมือง จ.สกลนคร และพบว่าถูกลักลอบแอบถ่ายวีดีโอจากตำรวจในเครื่องแบบ พอเข้าไปสอบถามชื่อ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ในการมาถ่ายวีดีโอก็ไม่ยอมบอก

การกระทำอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพ โดยตนจะเข้าไปร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

ส่วนนายชวน หลีกภัย


ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่ง ดังนั้น จะกลับเข้ามาหรือไม่เป็นสิทธิของท่านและคมช.ไม่มีสิทธิไปห้าม

เพราะไม่มีกฎหมายห้ามคนไทยกลับเข้าประเทศ มีแต่ห้ามออกนอกประเทศในกรณีที่มีคดีความติดตัวอยู่เท่านั้น ดังนั้น คมช.ไม่ควรหลงประเด็น

นายชวน กล่าว


"ผมไม่สนใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ แต่อย่าลืมว่า 5 ปีที่ผ่านมา ระบอบทักษิณทำอะไรผิดแนวทางประชาธิปไตยมากมายโดยเฉพาะการครอบงำข้าราชการทั้งทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสื่อของรัฐ ให้ข้อมูลประชาชนฝ่ายเดียว

ฉะนั้นคมช.ต้องบอกความจริงเหล่านี้ให้ประชาชนทราบ อย่าคิดว่ายึดอำนาจแล้วจะจบเหมือนสั่งทหาร อย่าลืมว่าคนที่ได้ประโยชน์ยังผูกพันกันอยู่ เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร"

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษก


พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณไปสิงคโปร์ว่า เป็นสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณจะไปประเทศไหนก็ได้ หากได้รับการยินยอมจากประเทศนั้นๆ แต่ท่านไม่ควรใช้ช่องทางทางการทูตเพราะได้ถูกเพิกถอนพาสปอร์ตแดงไปแล้ว

ขอขอบคุณข่าวที่มีคุณภาพจาก



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์