สำนักงบฯรับศอฉ.ใช้จ่ายมากกว่าพันล้าน

สำนักงบประมาณยอมรับ ศอฉ.ใช้จ่ายไปแล้วมากกว่าพันล้านบาท เล็งเชิญผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังมาชี้แจงมาชี้แจงถึงความ จำเป็นในการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากให้กับศอฉ.

เมื่อวันที่ 1 กค.ที่รัฐสภา ในมีการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร

ที่มีพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ในส่วนของงบกลาง ซึ่งทางกมธ.ให้ความสนใจในประเด็นการเบิกจ่ายงบประมาณของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ทั้งนี้การประชุมกมธ.ส่วนใหญ่ได้สอบถามตัวแทนจากสำนักงบประมาณว่าตั้งแต่มี การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและตั้งศอฉ.ขึ้นมามีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อใช้ ในการบริหารจัดการไปแล้วทั้งหมดเท่าใด และสอบถามว่าทำไมตัวเลขเบี้ยเลี้ยงของกำลังพลทหารและตำรวจที่ทำงานให้กับ ศอฉ.กับผู้ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงแตกต่างกันมาก เพราะกำลังพลของศอฉ.ได้รับวัน 400 บาท ขณะที่ในพื้นที่ภาคใต้ได้เพียง 210 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกุล ผอ.สำนักจัดทำงบประมาณด้านบริหาร

นางดวงตา ตันโช ผอ.ส่วนสำนักนโยบายและงบกลาง น.ส.กัลยา ฟองสมุทร ผอ.สำนักจัดทำงบประมาณด้านความมั่นคง และ นายสารสิน ศิริถาพร ผอ.ส่วนงบประมาณกลาโหม ชี้แจงในทางเดียวกันว่ายังไม่ได้สรุปตัวเลขงบประมาณดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เพราะขณะนี้ศอฉ.ยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่แต่คาดว่าน่าจะมากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องเบี้ยเลี้ยงนั้นเป็นข้อตกลงที่กองทัพบกและหน่วยงานความมั่นคงได้ มาทำความตกลงไว้กับกระทรวงการคลังและเสนอมาให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ ให้ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้

ภายหลังการประชุม พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การประชุมกมธ.ในสัปดาห์หน้าวันที่ 8 ก.ค.

จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังมาชี้แจงมาชี้แจงถึงความ จำเป็นในการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากให้กับศอฉ.ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ เพราะส่วนตัวเห็นว่าการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตอนนี้เป็นการทำให้สิ้นเปลืองภาษีของประชาชนโดยไม่จำเป็นจากการที่ต้องจ่าย เบี้ยเลี้ยงให้กับกำลังพลของศอฉ.กว่า 6 หมื่นนายในช่วงที่สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว ประเด็นที่สำคัญ คือ กระทรวงการคลังและรัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เกิดความเหลื่อมล้ำในเรื่องตัวเบี้ย เลี้ยงของกำลังพลมากมายขนาดนี้เพราะจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฎิบัติงานซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ากำลังพลที่ปฎิบัติงานในพื้นที่สาม จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเสี่ยงมากกว่า.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์