สวัสดิ์เสียสละ ลาออก เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย

แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจของทุกๆฝ่าย

ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงสาเหตุการลาออกจากตำแหน่งว่า เดิมตั้งใจจะอยู่ในตำแหน่ง 3 เดือนแล้วค่อยประเมินผลงานก่อนลาออก แต่เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ได้ติดต่อตนช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะมีการเพิ่มคณะกรรมการฯ และกำหนดกรอบให้ชัดเจนขึ้น ตนก็ถือโอกาสนี้ไม่ขอร่วมเป็นคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากลูกหลานอยากให้พักผ่อน แต่คปค.ก็ระบุว่า ได้ใส่รายชื่อไปแล้วในคณะกรรมการ

ก็มีคณะกรรมการชุดเก่าบางคนแจ้งให้ตนทราบ โดยระบุว่าตกงานแล้ว แต่ยังมีชื่ออยู่ ตนจึงเขียนหนังสือลาออกแล้วให้ลูกไปยื่นที่กองบัญชาการกองทัพบก ในเวลา 22.40 น.ของคืนวันเดียวกัน ต่อมาเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค.มีนายทหารยศพล.ต.เป็นนายทหารติดตามพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ติดต่อมาเพื่อเชิญประชุม ตนจึงแจ้งและยืนยันโดยการส่งโทรสาร

สาเหตุลาออก นอกจากลูกหลานอยากให้พักผ่อนแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นที่เกิดจากความขัดแย้งหรือน้อยใจอะไรหรือไม่ นายสวัสดิ์ ตอบว่า ไม่มีความขัดแย้งหรือน้อยใจอะไร แต่สื่อไปขยายประเด็นเอง เช่นเดียวกับกรณีการตีความกรอบอำนาจตามประการ คปค. ฉบับ 23 ที่ระบุว่าตนไปตีความตัดอำนาจตัวเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ เพราะในการกระทำเรื่องใดๆ ต้องมีหลักฐานพยาน ที่ชัดเจน ซึ่งเมื่อมี คตส.ชุดใหม่ หลายคนก็มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันที่ตนเคยแสดงความเห็นไปแล้ว

การตีความกรอบอำนาจ ตามที่ได้รับมอบหมายในประกาศฉบับที่ 23 เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครบางกลุ่ม แสดงว่าเขาไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลาง ในการทำหน้าที่โดยสุจริตเที่ยงธรรมของตน ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย จึงขอลาออก และลูกหลานเองจะได้สบายใจ ทั้งนี้ตนติดต่อกับ กรรมการ คตส.ท่านหนึ่ง เพื่อให้รับเรื่องการร้องเรียนในโครงการสัมปทานรถไฟฟ้า รฟม.ที่มีคนมายื่นต่อตนก่อนหน้านี้ เพื่อให้นำเข้าในกระบวนการตรวจสอบของ คตส.ชุดใหม่ด้วย

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก