วันนี้ (5 ธ.ค.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการระบุว่าการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อไม่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เรียกประชุมสภาสมัยสามัญแล้ว ในกระบวนการเรียกประชุมไม่ใช่หน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เริ่ม แต่สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ครม.ขอให้ทรงมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมใหม่ หรือ ส.ส.และ ส.ว.เข้าชื่อจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 เพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญได้ ทราบว่าขณะนี้ประธานวิปรัฐบาลกำลังให้สมาชิกเข้าชื่อกันอยู่
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังกล่าวถึงจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ณ ปัจจุบันว่า มี ส.ส.ทั้งหมด 447 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ 9 คน
แบ่งเป็น พรรคพลังประชาชน 6 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 คน ทำให้ขณะนี้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 438 คน แบ่งเป็น พรรคพลังประชาชน 212 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 21 คน พรรคชาติไทย 15 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 11 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 9 คน และพรรคประชาราช 5 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มี 165 เสียงเท่าเดิม
นายพิทูร กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตัวเลขคลาดเคลื่อนจากข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. เนื่องจากนายวีระพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชาชน ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2550 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ขณะที่ความผิดที่เกิดขึ้นของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในคดีทุจริตเลือกตั้ง มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 28 ต.ค. 2550 ที่เป็นวันตรวจพบการกระทำความผิด ทำให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนลดลงจากเดิม 1 เสียง และเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพิ่งรับพิจารณาคดีทุจริตเลือกตั้งของ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 2 คน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
