สมัครย้ำงานสำคัญแก้รธน. เพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง
สถานการณ์รัฐธรรมนูญไทยที่จัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวันนี้ (2 พ.ค.) ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องทำ เพื่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า เนื่องจากเห็นแล้วว่าจะก่อให้เกิดปัญหากับการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หรือมีผลต่อคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งของสังเกตว่า สถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญในปัจจุบันถือว่าเป็นปกติ แต่มีความพยายามนำไปสู่การนองเลือด "แก้มาแล้ว 3-4 หนไม่มีปัญหาอะไรเลย แล้วคราวนี้ทำไมถึงนองเลือด อยากจะรู้นัก"  

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า

การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องแก้ไขเพื่อสถานการณ์ในอนาคต เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และอยากย้อนถามรัฐบาลที่บอกว่า เป็นเรื่องของสภาฯ นั้น แต่เหตุใดรัฐบาลไม่ยอมตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ฝ่ายค้านมีส่วนร่วมในการพิจารณา เหตุใดประชุมแค่
6 พรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งกว่านั้นจึงไม่ให้คนนอก ภาคประชาชน และภาควิชาการเข้ามามีส่วนร่วม 

ส่วนนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 และอดีต ส.ว.ปี 2543 กล่าวว่า


รัฐธรรมนูญถือเป็นประเด็นที่ขณะนี้มีความคิดเห็นแตกแยกอย่างมากในสังคม และตนไม่มีความคิดว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ เพราะไม่เชื่อว่าจะนำไปสู่ประชาธิปไตย และเห็นว่า มาตรา
309 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ให้ประชาชนยอมรับการทำรัฐประหารและการนิรโทษกรรม ส่วนระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปในรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ทำให้เกิดความเสมอภาค เพราะในแต่ละจังหวัดเลือก ส.ส.ได้จำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งขัดกับหลักการเท่าเทียมกันในรัฐธรรมนูญ 

นายพนัส กล่าวต่อว่า
สำหรับประเด็นองค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญปี
2550 ให้อำนาจตุลาการในการสรรหา ซึ่งมองได้ว่าเป็นการปกครอง โดยตุลาการเป็นใหญ่ ที่เราเรียกว่า ตุลาการภิวัตน์ซึ่งสหรัฐฯ ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้มาแล้ว เขาจึงเริ่มจำกัดอำนาจตุลาการ ดังนั้น อยากฝากเรื่องนี้ไว้ให้คิดกัน 

ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธาน ส.ส.ร.ปี 2550 กล่าวว่า


จุดยืนของชมรม ส.ส.ร.
2550 ไม่ได้ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การแก้ไขต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และขณะนี้ประชาชนสับสนว่า แก้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนรวม โดยฝ่ายรัฐบาลบอกว่า ต้องการแก้รัฐธรรมนูญตามที่หาเสียงไว้ แต่มีอีกฝ่ายระบุว่า เป็นการแก้ไขเพื่อตัวเอง และส่วนตัวเห็นว่า เจตนาแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นการทำเพื่อตัวเองให้พ้นจากคดียุบพรรค และพ้นจากคดีความต่าง ๆ และทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญให้อัยการสูงสุดกลับมาอยู่ภายใต้นักการเมือง 

เราพยายามส่งสัญญาณโดยไม่ต้องการให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง แต่ต้องการให้หลังเลือกตั้งสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ยังทะเลาะกันอยู่เหมือนปัจจุบัน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากที่สุด การร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ยึดรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นฉบับที่ดีมีการป้องกันเรื่องความไม่โปร่งใส แต่ผิดที่ผู้ที่นำไปใช้ไม่ดี จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2550”
นายเสรี กล่าว
 

นายเสรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น เพื่อทำลายรัฐธรรมนูญปี
2550

เมื่อ
2-3 วันก่อนมีคนออกมาบอกว่า การร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 56 เป็นโมฆะ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งเรื่องนี้ผ่านกระบวนการมาหมดแล้ว การออกมาท้วงติงตอนนี้เป็นเรื่องไม่สมเหตุผล และอยากส่งสัญญาณเตือนว่า หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 122 เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้น ส.ส.ที่จะลงชื่อเพื่อยื่นญัตติดังกล่าวอาจจะถูกถอดถอนได้ ทำให้การทำงานของสภาต้องหยุดชะงัก
 

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า


ไม่ได้คัดค้านหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องสมเหตุผลและถูกต้องตามวิธีทางประชาธิปไตย โดยต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หากพบว่าความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคมก็ต้องหยุด ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลต้องทำให้เสร็จภายใน
1-2 เดือน และการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ของรัฐบาล ทำให้เกิดความหวาดระแวง เพราะมีประเด็นที่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ ทำไมไม่เร่งแก้ไขปัญหาด่วน คือ เรื่องปากท้องของประชาชน 

ทางออกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค สะกิดพรรคพลังประชาชนว่า ถ้าทำเรื่องนี้แล้วแตกแยก ควรออกแบบการแก้รัฐธรรมนูญให้สังคมเป็นเจ้าภาพ จะลดเรื่องความแตกแยกได้ ไม่เช่นนั้นเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ฐานการแก้รัฐธรรมนูญต้องทำให้เกิดความชอบธรรมแต่ต้น จะไม่เกิดการชุมนุมต่อต้าน การทำประชามติจะทำให้วิวาทะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระทางสังคม และทำให้การแก้รัฐธรรมนูญไม่เป็นเงื่อนไขของการทำรัฐประหารอีกครั้ง และมีความชอบธรรม
นายสุริยะใส กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์