สมัครพบอนุพงษ์หารือแนวทางใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน! มาร์ค จับมือ ปธ.วุฒิฯเปิด 2 สภาหาทางออกชาติ

"สมัคร"พบ"อนุพงษ์"หารือแนวทางใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะเลิกใช้ความรุนแรง หวั่นสถานการณ์บานปลาย ย้ำไม่มีการปฏิวัติแน่ นายกฯประชุมสภากลาโหมเล็งประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน "เลี้ยบ" นำ 3 นักกฎหมายแจ้งข้อดี-เสีย ปัดตอบคำถามเรื่องจับแกนนำพันธมิตร "มาร์ค" จับมือ ปธ.วุฒิฯเปิด 2 สภาหาทางออก

"สมัคร" ยันให้ตำรวจคุมม็อบ
 
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าขณะนี้ทางตำรวจยังเป็นคนรับผิดชอบตามที่สั่งไว้อยู่ รายงานสุดท้ายยังดำเนินการเป็นไปตามที่สั่งอยู่ เพียงแต่ว่าตำรวจเคลียร์ตามคำสั่งของศาล สุดท้ายกำลังขอร้องกันอยู่ ขณะนี้พันธมิตรอยู่ที่สนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเท่านั้น เมื่อถามว่า จะจับกุมแกนนำหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า "อย่างอื่นผมไม่ตอบ ขอความกรุณา"
 
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสมัครเดินทางไปร่วมประชุมสภากลาโหม โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง และนายสมัครได้เรียกนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินทางมาพบด้วย
 
"อนุพงษ์" ย้ำไม่มีการปฏิวัติ
 
ภายหลังการประชุม 2 ชั่วโมง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงสถานการณ์การชุมนุม ส่วนตัวเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติ ขอย้ำอีกครั้งว่าการนำกำลังทหารออกมาเป็นเพียงการฝึก เมื่อถามว่า รัฐบาลประสานขอกำลังทหารจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่รัฐบาลจะสั่งการมา ส่วนการปฏิวัติขอยืนยันว่าไม่มี เพราะไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ทหารจะออกมาหรือไม่อยู่ที่รัฐบาลสั่งการ แต่คิดว่าตำรวจดูแลเหมาะสมกว่าและน่าจะพอเพียงแล้ว ในส่วนของทหารได้ประสานกับตำรวจว่าขอไม่ให้ใช้ความรุนแรง ด้านผู้ชุมนุมก็ควรลดความรุนแรงในการปฏิบัติการลงบ้าง เพื่อหาทางออกให้ประเทศร่วมกัน และควรปฏิบัติตามกฎหมายตามมติของศาลปกครอง สถานการณ์ก็จะคลี่คลายไปได้ กองทัพยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
นายกฯเรียกผบ.ทบ.หารือด่วน
 
"เรื่องการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อยู่ที่รัฐบาลจะใช้หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่ายังไม่เข้าเงื่อนไข หากเกิดกรณีที่ทหารออกมาอาจไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ภาพลักษณ์ประเทศไม่ดี" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.อนุพงษ์นั่งรถออกไป จากนั้นอีก 10 นาที นั่งรถกลับมาอีกครั้ง โดยขึ้นไปหารือกับนายกฯประมาณ 10 นาที ก็ลงมาโดยหลบเลี่ยงสื่อมวลชน ส่วนนายสมัครได้หารือกับนายสหัส นพ.สุรพงษ์ และนายสุรชัยต่อ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีข่าวลือออกมาว่า นายสมัครอาจตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ยุบสภา หรือประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
 
เตรียมหารือใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
 
ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีเรียกเข้ามาหารือถึงการจัดโครงการจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 สร้างความสามัคคี กำหนดเดิมจะจัดที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ต้องย้ายไปจัดที่สวนอัมพรเพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย เมื่อถามว่า นายกฯได้สอบถามถึงสถานการณ์ความวุ่นวายของกลุ่มพันธมิตรหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้เรียนไปว่าการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรคงไม่ได้ ซึ่งตนเสนอไปอย่างนั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การที่นายกฯเรียก พล.อ.อนุพงษ์กลับเข้ามาภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้ามาประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่เคลื่อนไหวในทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม และรื้อถอนเวทีของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งนายสมัครได้สอบถามความคิดเห็น พล.อ.อนุพงษ์ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะจะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายได้  
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นพ.สุรพงษ์พร้อมนักกฎหมาย 3 คน ได้เดินทางเข้ามายังกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือกับนายกฯถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร โดยเฉพาะการพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย หากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย 
 
ขอศาลสั่ง "เอเอสทีวี" ยุติออกอากาศ
 
ที่ศาลปกครองกลาง เมื่อเวลา 11.00 น. นายศักดา นพสิทธิ์ ตัวแทนกลุ่มยุติธรรมไทย เข้ายื่นหนังสือผ่านแผนกรับฟ้อง ถึงนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณายุติการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยระบุว่า เอเอสทีวีเป็นเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตรที่ใช้ต่อต้านอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการของประเทศไทย เป็นการกระทำที่เป็นความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง ดังนั้น การที่ศาลปกครองได้ให้การคุ้มครองชั่วคราวกับเอเอสทีวีให้ออกอากาศได้ จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยก และมีทัศนคติที่เกลียดชังกัน 

ฝ่ายค้าน-สภาสูงจับมือแก้วิกฤต
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่ง เข้าหารือกับนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารวุฒิสภา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารวุฒิสภา เพื่อขอให้เปิดประชุมร่วม 2 สภา ในวันที่ 1 กันยายนนี้ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ โดยหารือกันประมาณ 10 นาที ก็ได้ข้อสรุป เนื่องจากวันที่ 1 กันยายน จะมีการประชุมร่วมกันของทั้ง 2 สภาอยู่แล้ว เพื่อพิจารณาประมวลจริยธรรมของ ส.ว.และ ส.ส. ดังนั้น จึงจะนำสถานการณ์ด้านการเมืองเข้าพิจารณาด้วย
 
นายประสพสุขกล่าวว่า ผู้นำฝ่ายค้านและคณะได้มาปรึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะทำให้ปกติเรียบร้อยได้อย่างไร วุฒิสมาชิกเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่แล้ว พยายามที่จะหาทางให้มีการพูดคุยหรือถกเถียงปัญหาและหาทางยุติปัญหานี้ ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อจำนวน 1 ใน 3 หรือ 50 คน เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายเรื่องดังกล่าวในระหว่างการประชุมสมัยนิติบัญญัติ และการประชุมร่วมกันของทั้ง 2 สภา ซึ่งได้เสนอเรื่องไปยังประธานรัฐสภาแล้ว
 
"มาร์ค" ชี้แรงไปตั้งข้อหากบฏ
 
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าระหว่างวันนี้จนถึงวันที่ 1 กันยายน จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เห็นความชัดเจนว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปัญหาที่ยังสะสมและนำมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่หมดไป เชื่อว่าผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องทำทุกวิถีทาง ในการที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ ไม่มีคำว่าสายไปที่จะช่วยแก้ไขปัญหา  เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหากบฏกับกลุ่มพันธมิตรถือว่ารุนแรงไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เห็นว่าเป็นข้อหาที่แรงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของผู้ชุมนุมที่มากันเป็นหมื่นเป็นแสน ตากแดดตากฝน ไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้มีความคิดร้ายหรือคิดกบฏต่อแผ่นดินแน่
 
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากประธานวุฒิสภาที่จะขอให้บรรจุเรื่องการแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้เข้าสู่วาระการประชุมร่วมของ 2 สภาในวันที่ 1 กันยายนนี้ แต่ในช่วงนี้เป็นการประชุมสมัยนิติบัญญัติ คงจะไปทำอะไรนอกเหนือไม่ได้ ทั้งนี้ วาระในการประชุมร่วม 2 สภามีหลายวาระ หากมีการบรรจุเรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเมืองเข้ามาก็อาจจะบรรจุอยู่ในวาระอื่นๆ ได้ และถ้าที่ประชุมเสียงเกินกึ่งหนึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรหารือกันในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ก็สามารถทำได้
 
"กกร."นัดถกสรุปให้นายกฯแก้
 
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ควรทำให้เหตุการณ์รุนแรง ควรที่จะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ เพราะหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในทุกๆ ด้าน ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบไปด้วย สอท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย จะมีการประชุมเพื่อสรุปสาเหตุ รวมถึงผลกระทบเพื่อที่จะเสนอเป็นความคิดเห็นร่วมกันของภาคเอกชน ซึ่งจะเสนอต่อให้กับรัฐบาลเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ว่าเชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรไม่มีผลกระทบต่อการพระราชทานธงสัญลักษณ์ โครงการวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี และที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการละมุนละม่อมแล้ว ต้องการทำให้ดีที่สุด ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้มีการประชุมร่วม 2 สภา เพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูว่าประชุมเรื่องอะไรบ้าง เข้าเกณฑ์หรือไม่
 
"สมัคร" ยันให้ตำรวจคุมม็อบ
 
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าขณะนี้ทางตำรวจยังเป็นคนรับผิดชอบตามที่สั่งไว้อยู่ รายงานสุดท้ายยังดำเนินการเป็นไปตามที่สั่งอยู่ เพียงแต่ว่าตำรวจเคลียร์ตามคำสั่งของศาล สุดท้ายกำลังขอร้องกันอยู่ ขณะนี้พันธมิตรอยู่ที่สนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเท่านั้น เมื่อถามว่า จะจับกุมแกนนำหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า "อย่างอื่นผมไม่ตอบ ขอความกรุณา"
 
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสมัครเดินทางไปร่วมประชุมสภากลาโหม โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง และนายสมัครได้เรียกนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินทางมาพบด้วย
 
"อนุพงษ์" ย้ำไม่มีการปฏิวัติ
 
ภายหลังการประชุม 2 ชั่วโมง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงสถานการณ์การชุมนุม ส่วนตัวเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติ ขอย้ำอีกครั้งว่าการนำกำลังทหารออกมาเป็นเพียงการฝึก เมื่อถามว่า รัฐบาลประสานขอกำลังทหารจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่รัฐบาลจะสั่งการมา ส่วนการปฏิวัติขอยืนยันว่าไม่มี เพราะไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ทหารจะออกมาหรือไม่อยู่ที่รัฐบาลสั่งการ แต่คิดว่าตำรวจดูแลเหมาะสมกว่าและน่าจะพอเพียงแล้ว ในส่วนของทหารได้ประสานกับตำรวจว่าขอไม่ให้ใช้ความรุนแรง ด้านผู้ชุมนุมก็ควรลดความรุนแรงในการปฏิบัติการลงบ้าง เพื่อหาทางออกให้ประเทศร่วมกัน และควรปฏิบัติตามกฎหมายตามมติของศาลปกครอง สถานการณ์ก็จะคลี่คลายไปได้ กองทัพยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
นายกฯเรียกผบ.ทบ.หารือด่วน
 
"เรื่องการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อยู่ที่รัฐบาลจะใช้หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่ายังไม่เข้าเงื่อนไข หากเกิดกรณีที่ทหารออกมาอาจไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ภาพลักษณ์ประเทศไม่ดี" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.อนุพงษ์นั่งรถออกไป จากนั้นอีก 10 นาที นั่งรถกลับมาอีกครั้ง โดยขึ้นไปหารือกับนายกฯประมาณ 10 นาที ก็ลงมาโดยหลบเลี่ยงสื่อมวลชน ส่วนนายสมัครได้หารือกับนายสหัส นพ.สุรพงษ์ และนายสุรชัยต่อ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีข่าวลือออกมาว่า นายสมัครอาจตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ยุบสภา หรือประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
 
เตรียมหารือใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
 
ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีเรียกเข้ามาหารือถึงการจัดโครงการจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 สร้างความสามัคคี กำหนดเดิมจะจัดที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ต้องย้ายไปจัดที่สวนอัมพรเพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย เมื่อถามว่า นายกฯได้สอบถามถึงสถานการณ์ความวุ่นวายของกลุ่มพันธมิตรหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้เรียนไปว่าการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรคงไม่ได้ ซึ่งตนเสนอไปอย่างนั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การที่นายกฯเรียก พล.อ.อนุพงษ์กลับเข้ามาภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้ามาประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่เคลื่อนไหวในทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม และรื้อถอนเวทีของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งนายสมัครได้สอบถามความคิดเห็น พล.อ.อนุพงษ์ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะจะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายได้  
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นพ.สุรพงษ์พร้อมนักกฎหมาย 3 คน ได้เดินทางเข้ามายังกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือกับนายกฯถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร โดยเฉพาะการพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย หากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย 
 
ขอศาลสั่ง "เอเอสทีวี" ยุติออกอากาศ
 
ที่ศาลปกครองกลาง เมื่อเวลา 11.00 น. นายศักดา นพสิทธิ์ ตัวแทนกลุ่มยุติธรรมไทย เข้ายื่นหนังสือผ่านแผนกรับฟ้อง ถึงนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณายุติการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยระบุว่า เอเอสทีวีเป็นเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตรที่ใช้ต่อต้านอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการของประเทศไทย เป็นการกระทำที่เป็นความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง ดังนั้น การที่ศาลปกครองได้ให้การคุ้มครองชั่วคราวกับเอเอสทีวีให้ออกอากาศได้ จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยก และมีทัศนคติที่เกลียดชังกัน 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์