สมัคร โต้ สตง.ทุจริตกำจัดขยะ

ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองนั้น วันที่ 21 ส.ค. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือถึงรักษาการ ผบ.ตร. เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่นายสมัคร ในฐานะอดีตผู้ว่าฯกทม.

ข้อหามีพฤติการณ์ น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริตหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

ในโครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยไปทำลาย 3 โครงการ วงเงิน 9,589 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้มันนานจนจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ทางข้าราชการประจำเขาดำเนินการขึ้นมา แต่ตนก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วในฐานะหัวแถว แต่เท่าที่ดูจากข่าวก็แปลกดี ที่มีชื่อตน ข้าราชการระดับ ผอ.สำนัก และรองปลัดกระทรวง แต่ชื่อปลัด กทม.หายไปไหน ชอบทำอะไรกันชอบกล และเป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา สอบมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ทำไมถึงศึกษากันนานถึง 3 ปี เรื่องจึงไปถึง สตง. แต่ไม่มีปัญหา ใครจะทำอะไรก็ทำไป แต่น่าจะเรียกว่าโครงการสกัดดาวรุ่งมากกว่า

โวยลั่นทุเรศขุดเรื่องสกัดดาวรุ่ง

นายสมัครกล่าวว่า ขอถามหน่อยว่าคนที่สั่งให้ทำ ให้ขุดเรื่องนี้มาไม่อายหรือ ขุดคุ้ยเรื่องอื่นเล่นงานไม่ได้ แล้วหรือไง คนสกปรกเจตนาไปขุดเรื่องขยะ ขุดของสกปรกมาสาดตน คนสั่งให้ทำถ้าไม่อาย แต่ตนอายแทน มันทุเรศ ไม่เข้าท่า แต่ไม่เดือดร้อนเลย เฉยๆ จะเอาขึ้นศาลก็ทำไป ชี้แจงได้ ไม่กระทบต่อการเสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยิ่งตียิ่งดีใหญ่ ยิ่งช่วยสนับสนุนการแข่งขัน ถือเป็นการช่วยหาเสียงล่วงหน้าด้วย แต่อยากย้อนบ้างว่า ทีการทุจริตโครงการก่อสร้างของ กทม. 2 หมื่นล้านบาท สดๆร้อนๆ ที่ดีเอสไอสอบ มีการสั่งให้คนผิดออกจากราชการ แล้วก็ส่งเรื่องไปหมกไว้ที่ ป.ป.ช. ทำไมไม่ดำเนินการ เรื่องนี้มันตลก กำหนดมาเสร็จว่าต้องให้รายงานกลับให้ได้ใน 90 วัน ซึ่งตรงเวลาลงเลือกตั้งพอดี แล้วทำไมสมัยนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯกทม. ก็ทำ แต่ไม่เห็นบอกว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ทั้งที่กฎหมายฉบับนี้ก็มีมาตั้งนานแล้ว และถ้ามันผิดจริง ทำไมทีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ถึงไม่เห็นว่ามันมีความผิดปกติ ยังตะบันขนขยะไปทิ้งอยู่ได้ตั้ง 3 ปี

เมื่อถามถึงการรวมกลุ่มของมัชฌิมา รวมใจไทยและกลุ่มต่างๆ เพื่อสู้กับพลังประชาชน นายสมัครตอบว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก โครงการสลายพรรคไทยรักไทยครั้งแรกทำไม่สำเร็จ ก็มาเริ่มงานใหม่ ตลอด 10 เดือนเขาพยายามกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำให้ไทยรักไทยสูญพันธุ์ไป แต่พืชพันธุ์มันไม่ตาย แถมยังงอกเพิ่มอีก จึงต้องพยายามตีให้แตกกระจายเป็นพรรคเล็ก จนผลการลงประชามติออกมาทำให้หลายคนวิตกกังวล ครุ่นคิดหนัก เมื่อสลายขั้วไม่ได้ ก็ตามสลายดูดกลุ่มที่แตกออกมาไม่ให้กลับไป แต่ขอฝากข้อคิดไว้ว่าให้คิดถึงหัวอกของคนถูกกระทำด้วย พวกอดีต ส.ส.และกลุ่มเล็กๆ เหล่านั้น เขาไม่ใช่ผัก ปลา ไม่ใช่ม้าในทุ่งที่จะไปคล้องบ่วงต้อนเอามาเข้าคอกไปเป็นม้าใช้ เขาเป็นคน ต้องมีความคิดอิสระว่าอยากจะไปอยู่กับใคร แต่มาคิดทำกันอย่างนี้ก็คงเพราะมีกลุ่มคนสีเขียว อยากจะลงมาเล่นการเมือง จึงต้องหาทางตัดฐานเสียงในภาคอีสานและภาคเหนือ

เย้ยเลียนแบบ “คึกฤทธิ์” ไม่ดูตัวเอง

นายสมัครกล่าวว่า ความอิจฉาจะพาให้ชาติเดือดร้อน บ้านเมืองที่ยุ่งก็เพราะความอิจฉา เผากันชนิดจะเอาให้ตาย ตามเล่นงานเหยียบย่ำกันจนยุบพรรค แต่ก็ยังสลายขั้วไม่ได้ ก็ยังตามมาฟาดฟันอีก แว่วมาว่ามีคนบางคนอยากจะเป็นนายกฯ อยากจะมาเล่นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแน่นอนว่าคนต้องมองว่าเป็นสีเขียวที่ต้องการจะสืบทอดอำนาจ การเมืองจะได้อยู่ในคอนโทรล คิดจะเป็นเหมือน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ แต่นี่ชื่อเสียงเกียรติคุณมีแค่ไหน ทำอะไรมาแค่ไหน คิดว่าตัวเองแน่จะมาเป็นนายกฯ จะทำแบบอาจารย์คึกฤทธิ์ได้หรือ ขอโทษถ้าไม่มีเวลาว่างอ่านการเมืองไทย ถ้ามีเวลามาเรียนได้ตนจะสอนให้อย่างทางลัด เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องเป็นยุครัฐธรรมนูญปี 2517 ที่พรรค 18 เสียงเป็นนายกฯได้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใครที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล แล้วพรรคเล็กจะไปรวมกับเขาหมด