สมัคร แจงเหตุกลับมาเล่นการเมือง

กรณีที่กลุ่มไทยรักไทยทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช


อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย และอดีตผู้ว่าฯ กทม. มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยังคงเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีเสียงวิจารณ์ตามมาหลากหลายแง่มุม ล่าสุดนายสมัครได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้ว โดยส่งสัญญาณความเป็น ไปได้ค่อนข้างสูงที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมกันนี้ยังได้ตอบโต้กระแสโจมตีในประเด็นต่างๆ 


“สมัคร” ระบุการเมืองไม่เป็นธรรม
 

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย และอดีตผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกทาบทามให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) ว่า ตั้งแต่ตอนฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนก็มีชนวนในหัวใจแล้ว ฟังแล้วไม่สบายใจ ใครไปเอาคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ มาอ่านดูก็รู้ว่ามันไม่เป็นธรรมเลย เหมือนไปป้องกันข้างหนึ่งแล้วเหยียบย่ำข้างหนึ่ง และไล่ดูเหตุการณ์การเมืองก็เห็นว่าเขาไล่กันจนจะเอาให้ตาย มีการเตรียมการดักหน้า เดือน ก.ย. มีปฏิวัติก็ไปเขียนกฎหมายเผื่อเอาไว้ให้ มีผลย้อนหลัง เอาผิดกับอดีตกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน ทั้งที่ตามหลักกฎหมายถ้าเป็นโทษจะไม่มีผลย้อนหลัง

ในทางการเมืองฝ่ายโน้นก็มาปรารภกับเราว่าการเมืองอย่างนี้ถูกต้อนให้เข้าตาจน

ต่อมาตนได้พูดคุยทางโทรศัพท์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการตั้งคำถามว่า ถ้ามีการดูลาดเลากันแล้วจะมีการเลือกตั้งกัน โดยบางคนจัดฉากเอาบุคลากรมารวมกัน และเตรียมเอาหัวหน้าพรรคมาใส่กันแล้ว จัดฉากกันเสร็จสรรพให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นหรือ ตนก็บอกว่าคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่เขาต้องการจะให้เป็น แต่เราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น  


เผย “ทักษิณ” ฝากฝังดูแลคน ทรท.


นายสมัครกล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีการต่อสู้แข่งขันกันอย่างตรงไปตรงมา ให้ประชาชนได้ วินิจฉัย ไม่ใช่ให้พรรคใหญ่บางพรรคเล่นการเมืองเอาตัวรอด เวลาสู้ไม่ได้ก็ประท้วง ไม่ลงเลือกตั้ง มันต้องมีเวทีให้สู้กันได้ เมื่อมีเวทีให้เล่นตนก็ตัดสินใจ พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าอยู่ห่างไกลจากข้อมูลต่างๆ จึงขอฝากฝังให้ช่วยดูแลสมาชิกพรรคที่ยังทำงานการเมืองต่อไปด้วย จากนั้นกลุ่มแกนนำพรรคไทยรักไทยก็พากันมาหารือ ตนก็พร้อมที่จะร่วมงานทางการเมืองด้วย

นอกจากนี้ ยังได้รับคำถามผ่านล่ามมาจากผู้บริหารประเทศยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง

ถึงสิ่งที่ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณในประเทศไทยว่า 1. เขาถามว่า ทำไมถึงเอาคนคนเดียวมาต่อรองกับอนาคตคนไทย 63 ล้านคน 2. ทำไมถ้าจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนคนเดียวถึงไม่ทำไปตามตัวบทกฎหมายที่เคยมีอยู่ 3. ถ้าจะทำเรื่องนี้ทำไมไม่จัดการตั้งแต่ตอนทำปฏิวัติให้เสร็จเรียบร้อย แต่กลับตั้งคณะบุคคลและดำเนินการทุกอย่างเหมือนกับพยายามจะทำลายล้างกันให้ได้


ลั่นขอทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ


“ผมมานั่งนึกว่ามันน่าเสียดายโอกาสการพัฒนาประเทศ ทั้งการพัฒนาประชาธิปไตย และการพัฒนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศโดยรวม ผมยึดคติมาตลอดว่าเรื่องของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน เหมือนกับคำขวัญของพรรคประชากรไทยที่เขียนชัดว่าเรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว จึงเห็นว่าในเมื่อยังมีกำลังยังมีประโยชน์จึงกลับมา เพื่อทำให้

ประชาชนได้ในสิ่งที่ควรจะมีกลับคืนมาคือ

เรื่องความเป็นธรรมและการต่อสู้ตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองควรจะต้องพัฒนาก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่กลับถอยหลังเข้าไปอยู่แถวพม่า ลาว เขมร เมื่อมีเวทีให้เล่นจึงอยากจะมาร่วมมือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆเสีย เรื่องคดีความของใครแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเขาผิดก็ว่ากันไปตามผิดตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่ไปตั้งความผิดเขาฝ่ายเดียว” นายสมัครกล่าว 


นัด 14 ส.ค.แถลงอย่างเป็นทางการ


เมื่อถามว่า ตอนนี้เรียกได้ว่าตอบรับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเรียบร้อยแล้วหรือยัง นายสมัครตอบว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนเรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะจัดการเสนอแต่งตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตน ไปแต่งตั้งเองไม่ได้ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะบอกว่าตอบตกลงหรือไม่ ตอนนี้ต้องการเวลารอดูว่าใครที่ไม่ชอบหน้า เรา จะแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรบ้าง เวลานี้ ก็มีคนมาพูดแล้ว ทั้งแบบมีเหตุผลฟังได้ และพวกที่วิจารณ์ แบบไม่เข้าท่า ข้อสังเกตเรื่องว่าตนเป็นพวกขวาจัดจะไป รวมกับพวกซ้ายสุดขั้วนั้น เป็นความเห็นเชยๆ ลองมอง ย้อน 30 ปีที่ผ่านมา กระแสซ้าย-ขวามีอยู่หรือไม่ และ มันเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็อยู่กันมาเรียบร้อยดี แล้วถามว่าถ้าขวาจัดผิดกฎหมายที่ไหน ทั้งที่กลุ่มซ้ายถือว่าผิดกฎหมายด้วยซ้ำ คนที่วิจารณ์ว่าตนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น ขึ้นศาลก็แพ้คดีไปแล้ว


ยันไม่ขาดคุณสมบัติลงเลือกตั้ง


ต่อข้อถามว่า นายประพันธ์ คูณมี สมาชิก สนช. ระบุว่านายสมัครลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ เพราะมีลักษณะ ต้องห้ามตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาตรา 102 ที่ห้ามบุคคล ที่ต้องคำพิพากษาจำคุก หรือถูกคุมขัง หรือเคยต้องคำพิพากษา ให้จำคุกโดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี ลงสมัครเลือกตั้ง นายสมัครตอบว่า ก่อนที่จะทำอะไรก็ดูรายละเอียดครบ ถ้วนแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก คดีหมิ่นประมาทที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการพิจารณาของศาลชั้นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ส่วนคดีจัดซื้อ รถดับเพลิงก็ไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ได้ฟ้องร้องนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. และนายประเสริฐ บุญศรี ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการดังกล่าว ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยฟ้องทั้งแพ่งและอาญา 


วอนอย่าเอาเรื่อง “ป๋าเปรม” มาโยง


เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายระบุว่านายสมัครเคยวิจารณ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างรุนแรง อาจจะก่อให้เกิดปัญหารุนแรงมากขึ้น ปรากฏว่านายสมัครย้อนถามว่า “แล้วถามซิว่าเราหยุดหรือยัง และต้องถามด้วยว่า เราเป็นคนหยุดวิพากษ์วิจารณ์ใช่มั้ย เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2549 เราหยุดเอง ไม่ให้ใครมาขับไล่ อะไรเลย แล้วตั้งแต่นั้นเราพูดอีกมั้ย เพราะฉะนั้นถ้าเราหยุดแล้วเราก็หยุด แค่นั้น แล้วจะทำไม” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะไม่มีประเด็นเรื่องนี้มาเป็นชนวนอีกใช่หรือไม่ นายสมัครตอบว่า ไม่มีเหตุ จะไปทำให้มีเรื่องทำไม การเมือง ไม่ต้องเกี่ยวข้อง เราต้องการดูว่าบ้านเมืองจะพัฒนาไปอย่างไร วันหนึ่งเรายืนอยู่หัวแถวของอาเซียน แล้วมันถอย หลังไปมากมายอย่างนี้ได้อย่างไร ที่เข้ามาใครจะว่าดัดจริต ก็ตาม แต่เข้ามาเพื่อบ้านเมืองของเรา ส่วนการไปร่วมกับ พรรคการเมืองเป็นหนทางที่จะเข้ามาแก้ไข 


ประกาศไม่ยุ่งกับคดีของ “ทักษิณ”


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายมองว่าถ้านายสมัครเข้ามาจะเป็นนอมินีการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร ตอบว่า ขอย้อนถามว่าสิทธิทางการเมืองของคนเรามีทางเลือกทางอื่นหรือไม่ ถ้าเราจะเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ บ้านเมือง หากในโลกนี้ไม่มีคนชื่อทักษิณแล้ว สถานการณ์ การเมืองเป็นแบบนี้ การเมืองถูกต้อนกันจนเข้ามุมแบบนี้ ตนก็มีสิทธิตัดสินใจเข้าร่วมวงกลับมาเป็นบุคลากรทาง การเมืองได้ ส่วนเรื่องคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เขาก็มี กระบวนการต่อสู้ของเขาไป ตนไม่ไปเกี่ยวข้อง แต่ต้องการให้เกิดการต่อสู้ทางการเมืองที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้น การเมืองครั้งนี้จะพิสูจน์ว่าฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณเลว จริงหรือไม่ โกงจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้เล่นกันข้างเดียว บนเวทีของใคร เห็นว่าถ้าจะสู้กับมันต้องเป็นเวทีที่มาจาก การเลือกตั้งแล้วถึงจะมีการตรวจสอบกัน เราจะแสวงหาเวทีที่ให้มีการตรวจสอบกันอย่างตรงไปตรงมา อย่างไร ก็ตาม ต้องขอบคุณโฆษก คมช.ที่ให้ความเห็นน่ายินดีว่า ต่อไปนี้จะได้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองกันอย่างยุติธรรม 


“เรืองวิทย์” เปิดตัวขวาง “สมัคร”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้นายสมัครจะมีท่าทีตอบรับการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ตามที่แกนนำกลุ่มทาบทามไป แต่ปรากฏว่าภายในกลุ่มไทยรักไทยก็มีกระแสต่อต้านนายสมัครเช่นกัน โดยนายเรืองวิทย์ ลิกค์ แกนนำอดีต ส.ส.ภาคเหนือตอนล่าง เปิดเผยว่า มีอดีต ส.ส.ไทยรักไทยหลายคนมาหารือกับตน เพราะมีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง แม้นายสมัครเป็นคนดี มีฝีมือ แต่ตนไม่อยากให้นายสมัคร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ต้องเดือดร้อน เพราะถ้านายสมัครมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็จะเกิดการเผชิญหน้ากับทหาร คงจำกันได้ว่านายสมัครเคยมีปัญหากับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ค่อนข้างรุนแรง “ผมสงสารคุณสมัครมากกว่า ท่านอยู่ดีๆอยู่แล้ว ทำรายการโทรทัศน์ทางด้านทำอาหาร ท่องเที่ยว จะไปให้ท่านมาลำบากทำไมก็ไม่รู้” 


ชี้ “บิ๊กจิ๋ว” เหมาะสมกว่า
 


ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความเหมาะสมกว่านายสมัครใช่หรือไม่ นายเรืองวิทย์ตอบว่า นาทีนี้ พล.อ.ชวลิตเหมาะกว่า เพราะพูดกับทหารรู้เรื่องกว่า มีความอะลุ้มอล่วยมากกว่า ที่สำคัญ พล.อ.ชวลิตเคยเป็นลูกน้อง พล.อ.เปรมมาก่อน มีความเข้าใจกัน จะได้ไม่มีการเผชิญหน้ากัน บ้านเมืองจะได้สงบเสียที ไม่ใช่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน บ้านเมืองบรรลัยหมด ต่อข้อถามว่า ได้พบ พล.อ.ชวลิตหรือยัง นายเรืองวิทย์กล่าวว่า ติดต่อไปแล้วผ่านทางคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิตรู้เรื่องแล้ว อีกวันสองวันคงได้พบกัน


“ธีรภัทร์” ไล่เคลียร์คดีรถดับเพลิงก่อน


นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่านายสมัครพ้นเรื่องคดีจัดซื้อรถดับเพลิงหรือยัง ถ้าจะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองก็ควรเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน หากเคลียร์เรียบร้อยแล้วก็ไม่มีปัญหา ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะไปเป็นสมาชิกหรือหัวหน้าพรรค การเมืองไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนแปลงรูปที่ยังไม่ลงตัว ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อาจจะเป็นการ เลือกตั้งอีก 1-2 ครั้ง จึงจะลงตัว ขณะนี้กลุ่มการเมืองต่างๆอยู่ในช่วงหาพรรคใหม่ ไม่มีความเด่นชัด ดังนั้นหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นไปได้ว่าจะเป็นรัฐบาลผสม 


“สงค์” ยกคำพุทธเยาะเย้ย


น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิก สนช. และประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มไทยรักไทยทาบทามนายสมัครมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนว่า  ขอให้นึกถึงสัจธรรมและคำสอนของพระ พุทธเจ้าว่า คนธาตุเดียวกันย่อมอยู่รวมกัน คนดีย่อมอยู่ รวมกับคนดี คนไม่ดีย่อมอยู่รวมกับคนไม่ดี หากมองเข้าไปในขณะนี้ลูกพรรคเป็นอย่างไรก็ได้หัวหน้าพรรคอย่างนั้น


การเมืองและการแข่งขันทางการเมืองใช้เงินทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเหมือนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ว่าพรรคพลังประชาชนมี พ.ต.ท.ทักษิณหนุนหลัง และมีเงินสนับสนุนให้ น.ต.ประสงค์ตอบว่า แน่นอน การเมืองและการแข่งขันทางการเมืองใช้เงินทั้งนั้น การก่อตั้งพรรคใหม่ก็ต้องใช้ เงิน คงไม่ต้องอ้อมค้อมว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เขาไม่เอาไข่ไก่ใส่ในตะกร้าเดียวกัน หากไข่ในตะกร้าไหนแตก ตะกร้าอื่นก็ยังอยู่ ส่วนที่มีการอ้างว่ามีอดีต ส.ส.สมัครเข้าพรรคพลังประชาชนจำนวนกว่า 200 คนแล้วนั้น อย่าไปใส่ใจตัวเลขเลย พูดง่ายๆคือปั่นราคาหุ้นเพื่อให้คนหลงตามเท่านั้นเอง 


“สมศักดิ์” ชักหวั่นติดล็อก 90 วัน


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุแห่งหนึ่งว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะหยิบรัฐธรรมนูญปี 2540 ขึ้นมาแก้ไขโดยไม่แตะต้องประเด็นสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ว่า ไม่เชื่อว่า พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์อย่างนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำเช่นนั้น แต่หากเป็นจริงตามข่าว จะส่งผลได้ ผลเสียแก่บางพรรคการเมือง ทำให้กลุ่มมัชฌิมาและกลุ่มอื่นที่ยังไม่ได้ตั้งพรรคมีผลกระทบ ขณะที่พรรคพลังประชาชนจะได้ประโยชน์ “เท่าที่ผมฟังคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่ได้ตรงกับที่ลงข่าวทางหนังสือพิมพ์ จึงสับสนว่าอะไรคือของจริงกันแน่ คงต้องรอฟังจากปากของ พล.อ.สนธิอีกครั้งก่อน” นายสมศักดิ์กล่าวและว่า กลุ่มมัชฌิมาถือว่าเดินมาอย่างดีที่สุดแล้ว เพราะหากไปตั้งพรรคอื่นสำรองไว้ หรือไปซื้อหัวพรรคเล็กมาสวม ก็อาจเข้าข่ายไปแทรกแซงพรรคอื่น อาจนำมาซึ่งเหตุผลของการยุบพรรคได้ 


เหน็บศิษย์เก่ามัชฌิมาแอบย้ายหนี


ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพรรคพลังประชาชนเป็นพรรคที่คนไทยรักไทยไปจดทะเบียนตั้งไว้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า เราเหมือนไก่อยู่ในกะทอเดียวกัน จะจิกตีกันอีกคงไม่เกิดประโยชน์ แต่เข้าใจว่า กกต.กำลังตรวจสอบพรรคนี้อยู่ ปัญหาขณะนี้คือหากยึด 90 วันจริง บุคคลที่ยังไม่ได้ลาออกจากไทยรักไทยก่อนที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค ก็อาจถือว่ายังอยู่กับพรรคเก่า ยังไม่สามารถไปสังกัดพรรคอื่นได้ เพราะขั้นตอนการยื่นบัญชีต่างๆยังไม่เสร็จสิ้น


เมื่อถามว่า หากมีสมาชิกกลุ่มมัชฌิมาขอไปอยู่กับพรรคพลังประชาชนจะรู้สึกอย่างไร

นายสมศักดิ์ตอบว่าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เห็นมีใครขออนุญาต เพราะบางคนอาจไปสมัครเป็นสมาชิกเพื่อป้องกันตัวเอง ตรงนี้อาจทำให้ นักการเมืองดีๆบางคนเสียผู้เสียคนกับข่าว 90 วัน 


“สนธิ” ยอมรับ “สมัคร” มาตามระบบ
 


เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ถึงการรวมตัวของอดีต ส.ส.ไทยรักไทยที่ไปเข้าสังกัดพรรคพลังประชาชนว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นไปตามธรรมชาติของการเมือง ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรต่อการกลับมาของนายสมัคร สุนทรเวช เพื่อมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พล.อ.สนธิกล่าวว่า อย่างนี้เรียกว่าเป็นตามระบอบประชาธิปไตยที่กลับมาได้ เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเป็นสงครามตัวแทนส่งคนเข้ามา พล.อ.สนธิกล่าวว่า คนไทยคุมยากและมีเอกลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง ใครจะมาควบคุมไม่ง่าย ทั้งนี้ รัฐบาลและข้าราชการทุกกระทรวงต้องทำความเข้าใจกับประชาชน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์