สมัคร กร้าว ไม่มีทางยอมแพ้ ปัดข้อเสนอ มาร์ค-ปชป. แนะยุบสภา-ลาออก

ประชุมรัฐสภานัดพิเศษไร้ทางออกแก้ปัญหาวิกฤต "อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์" จี้ "สมัคร "ให้ลาออก-ยุบสภา เชื่อทำให้ชาติสงบได้ แต่นายกฯตอบโต้ทุกเรื่องกลางสภา ยันไม่ใช้ความรุนแรงปราบม็อบ "สมัคร" ไม่ยอมออกไม่ยุบ ชี้เป็นการพ่ายแพ้ พปช.ปูดมีส.ส.ให้250ล้าน หนุนพันธมิตร

"อภิสิทธิ์" ชี้ยุบสภาคือทางออก
 
การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาโดยไม่มีการลงมติในการประชุมร่วมรัฐสภา วาระพิจารณาเรื่องด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ในเวลา 13.30 น. วันที่ 31 สิงหาคม โดยตลอดทั้งวันมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ขึ้นตอบโต้ และกล่าวสนับสนุนรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา


จนกระทั่งเวลา 21.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อภิปรายว่า ที่ผ่านมามีการพยายามป้ายสีว่า ประชาธิปัตย์กับพันธมิตรเป็นกลุ่มเดียวกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือมีการกล่าวหาว่า ตนไปเยี่ยมพันธมิตรสะท้อนว่า ถือหางผู้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งไม่จริง ที่ตัดสินใจไปสะพานมัฆวานฯทั้งที่รู้ว่าจะโดนกล่าวหา เพราะเพื่อมนุษยธรรม และไม่ว่าฝ่ายใดก่อความรุนแรงจนเกิดรัฐประหาร จะยืนคัดค้าน และการจะไม่ให้เกิดรัฐประหารทุกฝ่ายต้องเสียสละ ทางออกของปัญหาต้องไม่ออกนอกกรอบรัฐธรรมนูญ การเมืองใหม่ 70 : 30 ของพันธมิตร ขอพูดชัดๆ ว่า ทำไม่ได้ ถ้าจะทำต้องแก้รัฐธรรมนูญซึ่งอำนาจอยู่ที่สภา หรือที่เสนอว่า ยกเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา เช่น นายกฯคนกลาง ถามว่า สังคมต่อสู้นายกฯมาจากเลือกตั้งมานานแล้วจะลบกันง่ายๆ หรือ
 
"การยุบสภาจะเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของนายกฯ สภาต้องยอมเจ็บด้วยกัน และหากยุบสภา พวกผมก็เสียเปรียบทุกเรื่องแต่วันนี้ยอม ถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่า พันธมิตรจะยอม ซึ่งไม่มีหลักประกัน แต่ขอบอกว่า ผู้มาชุมนุมเป็นตัวของตัวเอง ใครสั่งไม่ได้ และจะเรียกร้องพันธมิตรว่า ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ พันธมิตรก็ต้องเคารพกระบวนการประชาธิปไตยที่ให้ประชาชนตัดสิน พันธมิตรจะไปตั้งพรรค หรือตามสอดส่องการเลือกตั้งให้สุจริตก็ได้ ขอให้นายกฯไปตรอง และโอกาสที่จะกลับมาก็มีมาก และกลับมาก็คงมีใครว่า" นายอภิสิทธิ์กล่าว
 
"สมัคร" ไม่ยอมออกไม่ยุบ ชี้เป็นการพ่ายแพ้
 
เวลา 21.40 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นตอบโต้ว่า เหตุใดจะต้องลาออกหรือยุบสภา ไม่คิดจะรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะหากฎเกณฑ์อะไรไม่ได้แล้ว แล้วแบบนี้บ้านเมืองจะมีอะไรให้น่าเชื่อถือ ที่ผ่านมาบ้านเมืองบอบช้ำมาจากรัฐประหาร ตลอด 7 เดือนก็กล้ำกลืนฝืนทน อดตาหลับขับตานอน งานที่ทำก็เพื่อบ้านเมือง
 
"พยายามเปลี่ยนนิสัยให้เป็นคนอดทนอดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง แต่การทำแบบนี้ ไม่มากไปหรือ มันแสดงด้วยกันทั้งคู่ เพราะอีกฝ่ายป้องกัน แต่อีกฝ่ายจะเอาเรื่องให้ได้ มันจะมากเกินเหตุหน่อยหรือไม่ สถานการณ์เช่นนี้ต้องช่วยกันคิดหาจุดหมายปลายทางว่าอยู่ตรงไหน" นายสมัครกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงอีกครั้งว่า ไม่ได้เรียกร้องให้ยุบสภาเพียงเพราะมีสาเหตุมาจากพันธมิตร แต่ต้องการให้รักษาระบอบประชาธิปไตย "วันนี้เรื่องต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม แต่ผมก็ให้ท่าน ถ้าจะเอาตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผมไป เพื่อรักษาระบบด้วยวิธีนี้" ทำให้นายสมัคร ต้องลุกขึ้นชี้แจงว่า ที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าการยุบสภาเป็นทางออก แต่การพิจารณามองได้คนละแง่ เพราะตนมองว่าการยุบสภาคือ ความพ่ายแพ้คนที่มาชี้หน้าประท้วง ถ้ายุบสภาด้วยเหตุนี้ เพราะทั่วโลกเขาดูแคลนขนาดไหน
"เวลานี้ผมก็เป็นคนถือหางเสือ คนทั้งบ้านเมืองเขาก็ดูอยู่ ดังนั้น การตัดสินใจก็อยู่ที่ผม" นายสมัครกล่าว
 
พปช.ปูดอีกโอน250ล. มาจากส.ส.ปชป.
 
เวลา 22.30 น. การประชุมตึงเครียดขึ้นเมื่อนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พปช. อภิปรายว่า ได้รับเอกสารมาฉบับหนึ่งส่งมาที่ตู้รับเอกสารของ ส.ส. (ตู้ ปณ.รังนกกระจอก) ระบุว่าก่อนการปฏิวัติมีบริษัทหนึ่งโอนเงินให้พันธมิตรหลายรอบ จำนวนกว่า 250 ล้านบาท และยังพบว่ามีการโอนเงินผ่านบริษัทของนางสุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์
จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า การอภิปรายของนายสุนัย เป็นเรื่องโกหก ไม่คิดว่าจะใส่ร้ายผู้อื่นด้วยเศษกระดาษเพียงแผ่นเดียว ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ขอทาน ไม่เคยก้มหัวให้นายทุน ไม่ได้รับเงิน 250 ล้านบาท
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้มีการโต้เถียงกันกว่า 1 ชั่วโมง นางสุพัชรี ได้กลับเข้าประชุมอีกครั้ง และขอให้ตรวจสอบเอกสาร พร้อมขอให้นายชัย ตรวจสอบเอกสาร แต่นายชัย แจ้งว่า ได้มอบเอกสารให้นายสมัคร แล้ว แต่นางสุพัชรี ไม่ยินยอม โดยอ้างว่าเอกสารดังกล่าวทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ทำให้นายสมัครโต้แย้งว่า การที่นายกฯ จะรับเอกสารเพียงฉบับเดียว มีความผิดมากเลยเหรอ ซึ่งนางสุพัชรี ก็ยังยืนยันว่าจะต้องตรวจสอบเอกสารก่อน สุดท้ายนายชัย ยิมยอมตรวจสอบเอกสารก่อน
 
"สมัคร" แจงส่งท้าย ยันไม่ออก จะรักษาปชต.
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมรัฐสภา อภิปรายนาน 11 ชั่วโมง จนเมื่อเวลา 00.30 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ขอบคุณสมาชิกที่แสดงความเห็น วันนี้ที่ต้องตอบโต้เพราะมีการกล่าวหาตน และยืนยันว่า ไม่ได้แกล้งมาฟัง แต่ฟังทุกคนพูดด้วยความตั้งใจ ทั้งนี้ ทุกคนคาดการณ์ว่า ตนประพฤติร้าย เอาเป็นเรื่องใหญ่จะเป็นจะตาย เอากันให้ได้ทุกสาเหตุทั้งที่ตอนนี้ยังไม่มีนองเลือด และความจริงคือตนสั่งตลอดให้นุ่มนวล ถึงบัดนี้ก็ยังไม่ทำอะไร และจะอดกลั้น และยืนยันว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตย
 
"ถ้าอยู่ดีๆแล้วคนมาทำอย่างนี้แล้วไม่ช่วยรักษาไว้ ระบอบพัง การรักษาระบอบกลายเป็นว่า ผมเป็นคนร้ายอย่างนั้นหรือ คนที่มาก่อความวุ่นวายต้องได้รับการยกย่องหรือ จะเอาระบอบ 70 : 30 มา ผมไม่ยอม การอ้างการเมืองภาคประชาชน ไม่เคยว่า แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การเมืองที่เลือกกันมาจะไว้ตรงไหน เป็นเวรกรรมหรือที่บ้านเมืองยังไม่มีทหารออกมา มาพูดให้ฟัง ผมก็รับฟัง แต่ไม่เอาไปเก็บไว้ ก็คิดดังๆให้ได้ยินกันทุกคน ผมเป็นรมว.กลาโหมด้วย และเป็นคนเจรจากับทหาร และทหารก็อยู่ในที่ตั้งไม่ออกมาปฏิวัติ แต่กลับกลายเป็นความเลวหรือ"
 
นายสมัครกล่าวต่อว่า มาอ้างว่า เป็นนอมินี ตนไม่เคยประกาศว่าเป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เอาเทปมาฟังก็ได้ แต่พูดจากันขนาดว่า ตนเป็นคนเลว พันธมิตรฯประกาศชัด แม้ตนออกก็จะเปลี่ยนระบอบ ฉะนั้นตนต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบคือ จะรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ จะทำอย่างนุ่มนวล เหตุการณ์ที่เกิดถือว่าเป็นอุบัติเหตุเพราะปะทะกัน ตนประคับประคองกับถูกตำหนิขณะที่อีกฝ่ายปลุกระดมกลับไม่มีอะไร ตนรักบ้านเมืองเหมือนทุกคน แต่รักประชาธิปไตยมากกว่าทุกคนที่แนะนำให้ตนลาออกแล้วจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ และมากกว่าที่ให้ยุบสภาเพื่อเสียสละ ยืนยันว่า ไม่ได้คิดร้ายกับบ้านเมือง และจะประคอง และยืนยันว่า ตนไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสกปรก 6 ตุลา 19 ก็ไม่เกี่ยว ถ้าตนคิดร้ายกับบ้านเมืองขอให้ฟ้าดินลงโทษ ถ้าตนคิดดีขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประคับประคองให้เป็นกำลังใจให้ตน
 
จากนั้นนายชัย สั่งพักประชุมเวลา 00.45 น. ก่อนที่จะประชุมอีกครั้งเวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาอนุมัติให้มีการพิจารณาประมวลจริยธรรมของส.ส.และส.ว.ได้ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 127 บัญญัติ  
 
ปชป.ชี้ทางออกเดียว "ยุบสภา"
 
ก่อนหน้านี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การประชุมไม่น่าจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ มีแต่เพิ่มความขัดแย้ง เนื่องจากมีแต่โยนข้อกล่าวหาใส่กัน ตัวนายสมัครก็ตั้งป้อมมาแต่แรก เอาแต่ล้วงกระเป๋าด่าพันธมิตร และลุกขึ้นตอบโต้ด้วยท่าทีแข็งกร้าวทุกกรณี ทั้งที่จุดประสงค์ของการเปิดอภิปรายก็คือการรับฟังปัญหาของการทำงานรัฐบาล แต่ท่าทีของนายกฯกลับไม่ยอมรับฟัง
"ทางออกที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอในที่ประชุมขณะนี้มีเพียงข้อเดียว คือต้องยุบสภา หากนายสมัครยังอดทนไม่ยุบสภา สถานการณ์ในอนาคตก็จะนำไปสู่หนทางนั้นเอง ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ที่ระบุว่า หากสามารถล้มรัฐบาลนี้ได้จะสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแทนว่า ก็เป็นเพียงข้อเสนอ นายอภิสิทธิ์รับฟังแต่ไม่ได้ตอบรับ หากนายสมัครลาออกจริง การสรรหานายกฯก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ" นายสาทิตย์กล่าว และว่า ส่วนสาเหตุที่ ส.ส.ปชป.ปรากฏตัวต่อที่ชุมนุมของพันธมิตร เนื่องจากมีญาติพี่น้องมาร่วมชุมนุม เช่น นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน ปชป.ก็มีลูกและภรรยามาร่วมชุมนุม หรือนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ก็ต้องมาดูแลภรรยาเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องมาดูแลฐานเสียงที่มาร่วมชุมนุมด้วย
 
ส.ว.ค้านใช้ "ทศพิธฯ" กับ "สมัคร"
 
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค พปช. ลุกขึ้นอภิปรายว่า ที่กลุ่มพันธมิตรบุกยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมสำหรับรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลใช้วิธีการที่ถูกต้องโดยใช้ความอดทนกับคนกลุ่มนี้มาโดยตลอด ซึ่งนายสมัครก็ว่าเป็นผู้นำได้ใช้ทศพิธราชธรรม ถือธรรมข้อเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงเวลานี้ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นประท้วง ร.ท.กุเทพว่า คำว่าทศพิธราชธรรมใช้ได้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้าน ร.ท.กุเทพชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวถือว่าร้ายแรงที่สุด ตนเป็นผู้บวชเรียนมา มีความช่ำชองในธรรมะ ความหมายของทศพิธราชธรรม เกิดมาตั้งแต่สมัยพระพุทธกาลแปลว่าธรรมของราชา 10 ประการ ซึ่งใช้กับคนที่เป็นผู้ปกครอง แต่ ม.ร.ว.ปรียนันทนายืนยันตามเดิมว่าคำดังกล่าวใช้ได้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้ในสภาแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม หลังสมาชิกสภาถกเถียงอยู่ระยะเวลาหนึ่งนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่ประธานอยู่ในขณะนั้น ได้ตัดบทและให้เข้าสู่การประชุมตามปกติต่อไป
 
ปูดมีส.ส.ให้250ล.หนุนพันธมิตร
 
เวลาประมาณ 19.00 น. นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวอภิปรายว่า ได้รับข้อมูลจากตู้รับเอกสารของ ส.ส.เกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 250 ล้านบาท บุคคลที่สนับสนุนดังกล่าวเป็น ส.ส.ของพรรคหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องหาข้อมูลอีกครั้ง

เวลา 20.15 น.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตร อภิปรายว่า เดิมเราคิดว่าวิกฤตชาติจะหมดไปตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมาแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน 8 ต่อ 1 ว่ารัฐบาลทำผิดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์การร่วมกับกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร โดยไม่ผ่านรัฐสภา หากคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน แสดงสปิริตแล้วพันธมิตร จะชุมนุมต่อไปหรือไม่ เพราะตอนแรกพันธมิตร ก็มีการหารือกันไว้แล้วว่าเตรียมจะสลายการชุมนุม
 
"คำนูณ" เสนอ3ทางออกรัฐบาล
 
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายว่าหากรัฐบาลยังไม่ยอมทำอะไร ปัญหาก็จะหนัก เพราะการประท้วงมีการยกระดับจนเป็นประชาภิวัฒน์ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ขณะนี้รัฐบาลมี 3 ทางเลือก คือ 1.ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ไม่ดำเนินการอะไร อยู่เฉยๆ ก็จะยังมีการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร ที่นับวันจะแข็งแกร่งมากขึ้น จะยกระดับการประท้วงและขยายวงแนวร่วมมากขึ้น เชื่อว่าจะมีกลุ่มรัฐวิสาหกิจพักหยุดงานทั่วประเทศ ซึ่งแนวโน้มอาจจะมีการกระทบกระทั่งจนเกิดความรุนแรงได้

ส.ว.สรรหากล่าวอีกว่า แนวทางที่ 2 หากนายกฯ ประกาศยุบสภา รัฐบาลอาจอ้างให้ประชาชนตัดสินใจ หากพรรคร่วมรัฐบาลมีความมั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุนก็อาจจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ตอนนี้หากพันธมิตรเคลื่อนไหวกดดันอีกก็จะมีปัญหาความชอบธรรมของพันธมิตรเอง ส่วนแนวทางที่ 3 คือ นายสมัครลาออก แนวทางนี้จะส่งผลเสียปัญหาความชอบธรรมของพันธมิตรเอง มั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุนก็อาจจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์