สนธิประเดิมยามเฝ้าแผ่นดิน จี้เพิ่มดาบ คตส.


สนธิ ประเดิมจัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดินเกาะติดสถานการณ์วันต่อวัน จี้เพิ่มอำนาจ คตส.ฟัน ขรก.ได้เอง หลังจากหลายกระทรวงปล่อยเกียร์ว่างรอ แม้วกลับและให้ คตส.หมดอายุไปเอง พร้อมวอน บิ๊กแอ้ด-บิ๊กบังหยุดเขี่ยลูก กรณีย้าย โกวิท จนประชาชนอึดอัดกับผลงานของ ตร.ในคดีบึ้มป่วนกรุง จวกนายร้อยสามพราน เปิด ป.โท-แซมฮิวสตันเพื่อขาย ย้ำต้องปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนสายการบินต่างชาติหนีกระเจิง


นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ


วันนี้ (29ม.ค.) ดำเนินรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ทาง ASTV เป็นครั้งแรก โดยมี นางสาวจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ โดยนายสนธิได้แจ้งกับผู้ชมว่า จะจัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน ทุกวัน

โดยวันจันทร์ถึงศุกร์ เริ่มเวลา 20.30 22.30 น. เพื่อวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองให้ทันสถานการณ์วันต่อวัน ส่วนวันศุกร์ เวลา 20.30 22.30 น. เป็นการให้องค์ความรู้และสรุปเหตุการณ์รอบสัปดาห์แบบฟันธงเหมือนที่เคยทำในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ก่อนหน้านี้

**ประท้วงสิงคโปร์-ประชาชนเริ่มตื่น


นายสนธิ เริ่มต้นวิเคราะห์เหตุการณ์รายวันด้วยการกล่าวถึงกรณีเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจากจังหวัดนครราชสีมา และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 500 คน มาชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตสิงคโปร์ว่า เป็นเรื่องที่เป็นสิริมงคล

เพราะแสดงให้เห็นว่าประชาชนเหล่านั้นเริ่มรู้ข้อมูลข่าวสาร และทนไม่ได้ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเคลื่อนไหวนอกประเทศเพื่อทำร้ายประเทศไทย ซึ่งประชาชนที่มาประท้วง แต่ละคนมาด้วยใจ

ไม่ใช่รับจ้างมาเหมือนกลุ่มคนที่มาสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ท้องสนามหลวง แต่เป็นคนที่ตื่นตัวและเป็นส่วนหนึ่งของ 10.5 ล้านเสียงที่ลงคะแนนโนโหวตในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ปีที่ผ่านมา


**จี้เพิ่มอำนาจ คตส. ฟัน ขรก.เกียร์ว่าง


ต่อมานายสนธิให้ความเห็นกรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) เข้าพบพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกรณีข้าราชการกระทรวงต่างๆ ไม่ให้ความร่วมมือในการยื่นเรื่องร้องทุกข์กรณีการทุจริตในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหามานาน เพราะ คมช.พลาดที่ในช่วงแรกไม่ปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

และไม่แตะต้องสำนักงานตำรวจฯ เลย ซึ่งทำให้ประชาชนสงสัย และคตส.ก็รู้สึกอึดอัด และได้ข้อมูลว่า ข้าราชการส่วนหนึ่งเชื่อว่าอีก 2-3 เดือนพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา จึงไม่ให้ความร่วมมือกับ คตส. และใส่เกียร์ว่างไว้รอ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ประเด็นนี้ ต้องถามว่าอำนาจ คตส.ที่จะจัดการกับหน่วยราชการที่ไม่ให้ความร่วมมือด้วยตัวเอง มีหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มี ก็ควรจะออกกฎหมายให้อำนาจ คตส. อาจให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

ออกเป็นกฎหมายให้ก็ได้ หรือถ้ามี แต่ใช้ไม่ได้ผลเพราะ คตส.มีอายุเพียงปีเดียว ข้าราชการก็ใส่เกียร์ว่างเพื่อรอให้ คตส.หมดอายุ ดังนั้น ก็ควรให้ สนช.ออกกฎหมายเพิ่มอายุให้ คตส. เช่นให้มีอายุ 3 ปี เป็นต้น

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. พูดออกมาชัดเจนแล้วว่า คตส.ใช้อำนาจลงโทษหน่วยงานราชการเองไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและ คมช. ซึ่งหากไม่ลงแส้ข้าราชการเพื่อให้บรรลุตามเหตุผลในการยึดอำนาจ 4 ข้อ ก็จะมีปัญหากับรัฐบาลและ คมช.เอง และเป็นเรื่องที่กรรมการ คตส.แต่ละคนต่างก็อึดอัดใจมานาน ฝ่ายที่ถูกตรวจสอบจึงใช้ความไม่เป็นเอกภาพตรงนี้ ไม่ให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่รัฐบาล คมช.จะต้องเล่นเพลงๆ เดียวกันเสียที


**สอนมวยคนจัด บิ๊กบังออกซีเอ็นเอ็น


ต่อมา นางสาวจินดารัตน์ได้ถามกรณีสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นสัมภาษณ์พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน โดยไม่ถ่ายทอดสดและอ้างสัญญาณดาวเทียมขัดข้องจนต้องนำเทปมาออกเมื่อเช้าวันที่ 29 ม.ค. และมีการตัดเทปสัมภาษณ์ออกให้สั้นกว่าครั้งที่สัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถไปสั่งสื่อมวลชนได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าใครเป็นคนจัดการให้พล.อ.สนธิได้ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ถ้าเป็นเพียงการตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว พล.อ.สนธิไม่ควรไปให้สัมภาษณ์ออกซีเอ็นเอ็น เพราะการออกซีเอ็นเอ็นทั้งทีนั้นควรจะมีประเด็นในการพูดเป็นเรื่องๆ เช่น ปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นเหมือนสุสานฝังระบอบทักษิณ

นอกจากนี้ยังมีข้อน่าสังเกต กรณีเทปสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นำไปออกรายการ Talk Asia ซึ่งมีการออกอากาศหลายรอบ ขณะที่การสัมภาษณ์พล.อ.สนธิ ออกอากาศเพียงครั้งเดียว และคำถามของนายแดน ริเวอร์สที่ถามพล.อ.สนธินั้น ดูแล้วเป็นถามโง่ๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ถ้ามีประเด็นจะพูดก็สามารถพูดแทงไปได้เลยว่าอยากจะพูดเรื่องอะไร ไม่ว่าเขาจะถามเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เป็นเทคนิคที่จะโยงเข้าสู่เรื่องที่เราจะพูด


**เชื่อ ตร.ไม่รับ 4 เงื่อนไขดีเอสไอร่วมสอบบึ้มกรุง


ประเด็นต่อมานายสนธิ ได้ให้ความเห็น กรณีกรมสวบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เสนอเงื่อนไข 4 ข้อในการเข้าร่วมสืบสวนสอบสวนคดีลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 49 ว่า ทั้ง 4 ข้อเป็นการตบหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมา สตช.ไม่เคยทำทั้ง 4 ข้อเลย

สำหรับเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ทั้งตำรวจและดีเอสไอต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน 2.ถ้าการสืบสวนสอบสวนจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องให้ดีเอสไอเข้าร่วมด้วย 3.ถ้าจะเสนอผลการสืบสวนสอบสวนให้ คมช.หรือรัฐบาลต้องส่งสำเนาให้ดีเอสไอด้วย และ 4.กรณีการสอบสวนลับต้องให้ดีเอสไอเข้าร่วมด้วยทุกครั้ง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาจากการเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นคนตรง และมองการทำงานของตำรวจแล้วเห็นว่าประชาชนรับไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีการปั้นพยานและจงใจปล่อยข่าว จับผู้ต้องสงสัยมา 19 คน โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีหลักฐานที่จะตั้งข้อหาได้ เมื่อครบ 7 วันก็ต้องปล่อย

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตำรวจไทยเก่งเรื่องการปล่อยข่าว เท่าที่ทราบมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุระเบิดวันที่ 31 ธ.ค.จนกระทั่งจับผู้ต้องสงสัย มีการปล่อยข่าวถึง 21 ครั้ง ที่ตลกมากคือการเอานายชนาพัทธ์ ณ นคร หรือเตมูจิน ซึ่งเป็นมือปืนรับจ้างเคลื่อนไหว เคยรับเงินพรรคไทยรักไทยสร้างความปั่นป่วน ออกมาให้ข่าวว่า พล.อ. พ. อยู่เบื้องหลัง

แล้วตำรวจก็ยังไปเชิญนายชนาพัทธ์ไปสอบปากคำ เมื่อปล่อยข่าวออกไป หนังสือพิมพ์ที่เร่งทำข่าวก็รีบสรุปว่ามีหลักฐานมัดตัวแล้ว ในที่สุดตำรวจก็ออกไปจับทั้ง 19 คนพอไม่มีหลักฐานก็ปล่อยไปเฉยๆ โดยไม่ขอโทษสักคำ ซ้ำยังบากหน้าไปคุยกับดีเอสไออีก ซึ่งก็ถูกยื่นข้อเสนอ 4 ข้อเป็นการตบหน้ากลับมา

นายสนธิ กล่าวฟันธงว่าทั้ง 4 เงื่อนไขในการเข้ามาทำคดีร่วมของดีเอสไอนั้น พล.ต.อ.โกวิท จะไม่รับแน่นอน เพราะถ้ารับก็เท่ากับว่าที่ผ่านมาเขาทำงานผิดพลาดมาโดยตลอด


** จวกนายร้อยสามพราน เปิด ป.โท-แซมฮิวสตันเพื่อขาย


ประเด็นต่อมา นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่ สตช.จะเปิดหลักสูตรปริญญาโทมหาวิทยาลัยแซมฮิวสตัน ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานว่า ความจริงมหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่ควรเรียกว่ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ น่าจะเป็นแค่สถาบันตำรวจที่สอนวิธีการสอบสวนดำเนินคดีมากกว่า เพราะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ แม้จะตั้งมานานนับร้อยปี

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การเปิดหลักสูตรของแซมฮิวสตันในไทย น่าจะเป็นเพียงการเอาหลักสูตรมาขายมากกว่า เพราะค่าเรียนสูงถึง 3.7 แสนบาท ใช้เวลาเรียน 2 ปี นอกจากนี้ยังเป็นเพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีความผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณจบปริญญาเอกที่นี่ สังเกตจากการที่โปรแกรมมาดูงานในไทยของทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมพรรคไทยรักไทยด้วย

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังตั้งคำถามถึงคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานว่า ถ้าสถาบันแห่งนี้ตั้งมา 100 ปี แล้วได้ตำรวจจบออกมามีคุณภาพอย่างที่เป็นอยู่ต่อให้เปิดหลักสูตรซุปเปอร์ดอกเตอร์ก็ไม่มีความหมาย ลำพังสอนแค่ปริญญาตรีก็ยังมีปัญหา

จะสอนปริญญาโทเพื่ออะไรกัน ยิ่งเมื่อดูศิษย์เก่าอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ทำให้เห็นว่า ยังไม่มีอาชีพไหนที่ทำร้ายประเทศไทยเท่ากับอาชีพตำรวจเลย ซึ่งในอดีตก็มีพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ที่สั่งฆ่าคนได้ตามใจชอบ มายุคพ.ต.ท.ทักษิณ คนที่ทำร้ายประเทศชาติก็มีแต่ตำรวจทั้งนั้น


**จี้ คมช.-รัฐบาล หยุดเขี่ยลูก ย้ายโกวิท


ส่วนกระแสข่าวเรื่องการย้าย ผบ.ตร.นั้น นายสนธิ กล่าวว่า การที่พล.ต.อ.โกวิท เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 กับพล.อ.สนธิ ทำให้พล.อ.สนธิเกิดความไว้ใจเพื่อน ทั้งที่ในวันรัฐประหาร พล.ต.อ.โกวิท ยังแทงกั๊กรอเข้ากับฝ่ายที่ชนะ แต่ก็ยังได้เป็นสมาชิก คมช.

ซึ่งต่อมา การที่พล.อ.สนธิ บอกว่าจะไม่ย้าย ผบ.ตร. ก็ทำให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานน์ นายกรัฐมนตรี ไม่กล้าที่จะทำอะไร ซึ่งตอนหลังพล.อ.สนธิ ก็บอกว่าระหว่างเพื่อนกับชาตินั้น ชาติต้องมาก่อน แต่ก็โยนเรื่องการปลดผบ.ตร.ไปให้นายกฯ และล่าสุดก็มีข่าวว่ารัฐบาลให้เวลาพล.ต.อ.โกวิท 30 วัน ถึงสิ้นเดือนนี้

และพล.อ.สุรยุทธ์ ก็โยนไปให้ กอ.รมน.ตัดสินใจ ซึ่งก็คือการโยนเผือกร้อนไปให้ พล.อ.สนธิ ที่เป็นผู้อำนวยการ กอ.รมน. จึงเป็นการเขี่ยลูกกันไปมา ทำให้ประชาชนอึดอัด และอยากจะเห็นการตัดสินใจของรัฐบาลหรือ คมช.เรื่อง พล.ต.อ.โกวิทเสียที


**ย้ำต้องปิดสุวรรณภูมิ


ต่อมานายสนธิ กล่าวถึงปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งยังยืนยันว่า จะต้องปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงแม้จะมีหลายต่อหลายคนพูดออกมาว่า ปิดหนึ่งรันเวย์ อีกหนึ่งรันเวย์ใช้แล้วก็ซ่อมไปก็น่าจะได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก

นายสนธิ กล่าวว่า ตนพูดผ่านรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ ถึงเรื่องความไม่ปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิมาตลอด แต่ก็ยังมีคนออกมาเถียง ยังออกมายืนยันที่จะให้เปิดใช้อย่างปกติ แล้วจากนั้นค่อยตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง ตนอยากถามว่า

เราจะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่มีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียด วันนี้มีแต่นิยามที่ชี้ให้เห็นถึงความเสียหาย หลายฝ่ายบอกว่าซ่อมได้ แต่จะปลอดภัยหรือไม่ ไม่มีใครเคยตอบ หรือเคยกล่าวอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงคำถามที่อยู่ในอากาศ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การที่กรมการขนส่งทางอากาศไม่ต่อใบอนุญาตใช้สนามบินนั้น จะมาอ้างว่า ไม่ต้องต่อก็ได้ แต่ยังมีองค์กรที่เรียกว่า ICAO เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐาน คอยตรวจสอบความเป็นมาตรฐานของสนามบินทั่วโลก แต่เรามีไม่ครบมาตรฐาน ดังนั้นหาก ICAO แจ้งเตือนไปทุกสายการบิน ว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่ปลอดภัย

บริษัทประกันภัยที่ดูแลรับผิดชอบสายการบินนั้นๆ ก็จะไม่รับประกันอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่มีการรับรองความปลอดภัยของสนามบิน ดังนั้นมันคือปัญหาใหญ่ที่จะตามมาภายหลัง นอกจากนี้ทำไมจะต้องไปประนีประนอมกับเรื่องความปลอดภัย โดยการเอาชีวิตคนเข้ามาเสี่ยง


ผมไม่เข้าใจเลยว่า


"ทำไมเราจะต้องกลัวการเสียชื่อกับการปิดสนามสุวรรณภูมิ หรือไม่อยากปิดเพราะมีผลประโยชน์ ลองคิดดูว่า จากเนื้อที่กว่า 2 หมื่นไร่ เฉพาะลานบินที่มีเนื้อที่กว่าพันไร่ การตรวจสอบจะกระทำกันแค่เพียงวันสองวันนั้นคงไม่ได้ การตรวจสอบจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน

อีกทั้งจะต้องมีคณะกรรมการอิสระเข้ามาร่วมตรวจสอบ ไม่ใช่ปล่อยให้กรมการขนส่งทางอากาศ โดยคุณศรีสุข จันทรางศุ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ นี่คือชีวิตของคนจะเอามาเล่นๆ ไม่ได้"นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ ยังเสนอให้มีการใช้งบประมาณในการซ่อมแซมจุดที่เสียหายอย่างละเอียดว่า หากมองถึงการที่เราจะต้องซ่อมแซมและตรวจสอบความเสียหายแล้ว ตนมองว่า เมื่อมีการซ่อมแซมเราก็ควรที่จะดูว่า ซ่อมได้หรือไม่ แล้วเมื่อแก้ไขไปแล้วจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกหรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดความเสียภายหายหลังจากที่ปิดซ่อมแซมไป

แล้วจะต้องนำงบเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาซ่อมอีกนั้นก็คงไม่คุ้มค่า แทนที่จะนำงบประมาณเหล่านั้นไปเร่งขยายสนามบินเพิ่ม แต่กลับต้องมาเสียงบไปกับส่วนนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากมีการปิดสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซมก็ควรดูความเสียหายให้ครอบคลุมไปทุกจุดและใช้งบประมาณในการแก้ไขอย่างคุ้มค่า

จะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่คงไม่ได้ หรือหากใครคิดว่า สนามบินสุวรรณภูมิปลอดภัย ออกมายอมรับได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อซ่อมไปเปิดไป มันเป็นไปได้อย่างไร เครื่องบินชั่วโมงหนึ่งลงจอดเป็นจำนวนมาก หากเกิดใช้รันเวย์เดียวปัญหาก็จะตามมาอย่างแน่นอน

นายสนธิ ยังกล่าวถึงข่าวที่กระทรวงคมนาคมเห็นชอบให้ย้ายสายการบินภายในประเทศไปที่ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า หากมีการย้ายไปดอนเมืองจริง ก็ต้องถามว่า ย้ายไปทำไม แสดงว่าเริ่มไม่มั่นใจในการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิแล้วหรือไม่ ดังนั้นเมื่อพิสูจน์ได้ทำไมเราไม่เร่งป้องกันความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเพียงครั้งเดียวจะเสียหายไปทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ก็กำลังพิจารณาว่าจะลงจอดที่สุวรรณภูมิต่อหรือไม่ และถ้าเกิดพิจารณาถึงความปลอดภัยแล้ว

เกิดตัดสุวรรณภูมิออก เราก็จะเสียรายได้ ดังนั้นเราควรย้ายไปดอนเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้เราเสียรายได้ตรงส่วนนั้น ดอนเมืองมีเครื่องลงจอดอยบู่ตลอดเวลา พอเสร็จเรียบร้อยค่อยตรวจสอบสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วสรุปเป็นแผนแม่บทเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังต้องดูถึงการรองรับจำนวนคนที่จะเดินทางมาที่สนามบิน เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่จะต้องจัดสรรลงไปด้วย

ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์