ส.ส.เชียงใหม่ดีด๊ารับลูกอยากร่วมรบ. พท.อ้าง ปชป.ชวนผนึก2พรรคใหญ่อ้างเสียงปริ่มน้ำบริหารลำบาก


เพื่อไทยอ้งปชป.ชวนร่วมรัฐบาล 2 พรรคการเมืองใหญ่ เหตุบริหารล่าช้าไม่มีความคล่องตัว จากเสียงปริ่มน้ำ ชี้หากพรรคเพื่อไทยตกลงรับข้อเสนอรบ.จะอยู่สั้นๆ แก้วิกฤตคลายลง จับตาดูการเมืองเปลี่ยนช่วงเดือนมี.ค.ให้ดี ส.ส.เชียงใหม่ดี๊ด๊าโดดรับลูก เพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือด ผบ.สส.ไม่รู้ตท.10บินเยี่ยม"แม้ว" บอกส.ส.ขอสู้ต่อห่วงศก.ไทย

พท.อ้างปชป.จีบร่วมแก้เสียงปริ่มน้ำ

อดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) คนหนึ่ง ออกมากล่าวอ้างเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ก่อนที่ พท.จะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีว่า ที่ผ่านมาเคยมีการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์ส่งแกนนำของพรรคคนหนึ่งมาเจรจากับพี่น้อง พ.ต.ท.ชินวัตร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ช่วยประสานงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณในการตัดสินใจเรื่องนี้ จากการหารือเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่หากการตั้งรัฐบาลระหว่าง 2 พรรคบรรลุผล จะดึงพรรคขนาดกลางและเล็กบางพรรคเข้าร่วมด้วย และปล่อยบางพรรคเป็นฝ่ายค้าน เพื่อคงหลักการต้องมีฝ่ายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

"สาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่อยู่ในคนละซีกนั้น มาจากการที่รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินที่ในขณะนี้เกิดความล่าช้า และไม่มีความคล่องตัว จากเสียงปริ่มน้ำ และพรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองสูงมาก ซึ่งผลสุดท้ายเมื่อปัญหาต่างๆ ของประเทศไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ผลเสียก็จะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราเพียงได้รับสัญญาณ ความชัดเจนใดๆ ยังไม่เกิดขึ้น ต้องรอแกนนำสูงสุดของพรรคพิจารณาก่อน หากพรรคเพื่อไทยตกลงรับข้อเสนอนี้จริงรัฐบาลชุดนี้จะบริหารประเทศไปในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพื่อให้วิกฤตทุกอย่างคลายลง ขอให้จับตาดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเดือนมีนาคมให้ดี" แหล่งข่าวกล่าว

ส.ส.เชียงใหม่ดี๊ด๊าโดดรับลูก

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พท. กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ว่า มีความเป็นไปได้สูง เพราะวันนี้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นรัฐบาลที่เป็นทางเลือกที่ 3 คือ รัฐบาลแห่งชาติ น่าจะเป็นทางออกได้มากสุด โดยให้รัฐบาลมาจากพรรคการเมืองทุกพรรค และมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีมาจากคนกลางที่เป็นคนนอก ซึ่งคนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และสังคมยอมรับ ซึ่งหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นปัญหาจากนั้นให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่

"ต้องทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือด เรื่องที่ผ่านมาก็ให้แล้วไปไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นปช. หรือกลุ่มพันธมิตร แล้วมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งรัฐบาลแห่งชาตินี้จะทำหน้าที่ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ก็ประกาศยุบสภา ซึ่งเมื่อรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ก็จะไม่ถูกพิษการเมืองนอกสภาอีกต่อไป ทั้งนี้แนวความคิดนี้ผมสามารถการันตีได้ว่าปัญหาทุกอย่างจะยุติจริงๆ" นายสุรพงษ์กล่าว

"แม้ว"บอกส.ส.พออยู่ได้ขอสู้ต่อ

รายงานข่าวจาก พท.แจ้งด้วยว่า ส.ส.กลุ่มแรกที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกงเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วเมื่อค่ำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีหน้าตาผ่องใสมาก และอ้วนท้วนขึ้นเล็กน้อย พ.ต.ท.ทักษิณ บอกกับบรรดา ส.ส.ที่เข้าพบว่าไม่ต้องเป็นห่วง พออยู่ได้ อยู่ต่างประเทศตอนนี้ก็สบายดี มีธุรกิจทำ และหลายประเทศก็ชักชวนให้ไปลงทุนด้านโทรคมนาคม และเทคโนโลยีด้วย ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะทำที่ไหน การทำธุรกิจที่ต่างประเทศทำได้สะดวกกว่าอยู่ประเทศไทยมาก นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้แสดงความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเกรงว่ารัฐบาลจะดูแลเศรษฐกิจไม่ไหว และแก้ไม่ตรงจุด เนื่องจากเป็นปัญหาของโลก ซึ่งถ้าแก้ไม่ตรงจุดก็จะส่งผลกระทบไปอีกไกล

"แต่ก็คิดถึงบ้าน อยากกลับเมืองไทย ถ้าเห็นว่าผมกลับมาแล้วจะทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้อีก ผมก็อยากกลับมา ตอนแรกผมอเนจอนาถตัวเองเพราะคิดเรื่องว่าตัวเองถูกรังแก เลยต้องคิดใหม่ จะให้วางมือ งอมืองอเท้าคงไม่ได้ ต้องต่อสู้เพื่อให้รู้ว่าความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน" แหล่งข่าวอ้างคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ

สั่งเน้นเคลื่อนไหวทางการเมือง

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พท.กล่าวยอมรับว่าได้เดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะฮ่องกงจริง เพื่อไปให้กำลังใจ ได้รับประทานอาหารและพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณประมาณ 1-2 ชั่วโมง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แต่พูดในภาพกว้างๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกตน และ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า พท.จะต้องเน้นการขับเคลื่อนทางการเมืองเป็นหลัก โดยการลงพื้นที่เตรียมเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปเพื่อให้เกิดความพร้อมให้มากที่สุด

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท.กล่าวว่า ส.ส. คงไปให้กำลังใจและปรึกษาประเด็นด้านเศรษฐกิจที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมีความรู้ความสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ ส่วนกรณีที่กลุ่ม 40 ส.ว.แสดงความคิดเห็นว่าการที่ ส.ส.เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีคดีอาญาติดตัว จะเข้าข่ายการรู้เห็นเป็นใจกับโจรนั้น มองว่า เป็นความคิดส่วนบุคคลของ ส.ว. แต่ ส.ส.ไปโดยเอกสิทธิ์ส่วนตัว ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณก็มีสิทธิเช่นกันในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ใครจะไปพบก็ได้

ผบ.สส.ไม่รู้ตท.10บินเยี่ยมด้วย

ส่วนที่มีข่าวเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 เดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้เช่นกันนั้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายทหาร ตท.10 กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีใครไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง และไปในฐานะอะไร แต่หากลาไปต่างประเทศแล้วทำตามระเบียบราชการก็สามารถลาไปได้

"ผมว่าเราอย่าเพิ่งคิดกันไปเอง เพราะเราไม่ทราบว่ามีใครไป แล้วไปทำอะไร ส่วนการตรวจสอบนั้นหากทำตามระเบียบราชการก็สามารถทำได้ ไม่อย่างนั้นนายทหารก็ไปต่างประเทศไม่ได้ถ้าไม่ได้ไปราชการ บางคนมีธุระส่วนตัวก็ลาได้เหมือนข้าราชการทั่วไป แต่อย่านำเรื่องส่วนตัวและการทำงานมาพัวพันเรื่องการเมือง" พล.อ.ทรงกิตติกล่าว

"มาร์ค" ยันเสียงปริ่มน้ำไร้ปัญหา

"สำนักข่าวไทย" รายงานภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็น ว่า นายอภิสิทธิ์ได้พบปะกับผู้แทนนักธุรกิจไทย ตัวแทนชมรมสตรีไทย และตัวแทนนักศึกษาไทยในอินโดนีเซีย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า หลายคนที่มีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำจะบริหารบ้านเมืองได้หรือไม่ ขอยืนยันว่าแม้การประชุมสภาจะไม่ราบรื่น และมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม แต่ก็เป็นปกติของระบอบประชาธิปไตย และเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองจะดูแลให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งในการเลือกตั้งซ่อมส.ส. เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน เพราะรัฐบาลได้รับการเลือกตั้งมาถึง 21 เขต จาก 29 เขต"

แจงฮอนด้าโอดิสซีขายไปแล้ว

นายอภิสิทธิ์ยังให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 16.30 น. หลังกลับจากอินโดนีเซีย กรณีสมาชิก พท.เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกฯ หลังตรวจพบว่ารถยนต์ฮอนด้า โอดิสซี ทะเบียน 9ฬ-2733 กทม. ที่เคยแจ้งไว้ว่าอยู่ในการครอบครอง หายไปจากการแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ ล่าสุด ของนายกฯ ว่า ได้ขายรถดังกล่าวและโอนให้เจ้าของใหม่ตั้งแต่กลางปี 2551 จึงไม่จำเป็นต้องแสดงทรัพย์สิน ถ้าแสดงก็ผิด เพราะไม่ใช่รถของตัวเองแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเอกสารยืนยันการขายรถยนต์ฮอนด้า โอดิสซี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันต้องมีอยู่แล้ว เพราะมีการโอนออกไปแล้ว ซึ่งเป็นการขายหลังจากเป็น ส.ส. แต่ก่อนเป็นนายกฯ จากนั้นก็ได้ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ สเปซวากอน ทะเบียน 5317 เข้ามาแทน แต่จำไม่ได้ว่าซื้อก่อน หรือหลังการขายรถยนต์ฮอนด้า โอดิสซี

ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเรื่องทะเบียนรถฮอนด้า โอดิสซีของนายกฯ หายไปจากสารบบของกรมการขนส่งทางบก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมไม่สามารถรับผิดชอบสาระบบของหน่วยงานได้ เพียงแต่แสดงข้อเท็จจริงว่าช่วงที่รถเป็นของผม ผมก็แสดงทรัพย์สิน ช่วงที่ไม่เป็นของผม ผมก็ไม่แสดง ถ้าผมทำอย่างอื่น ผมก็ผิดสิครับ"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์