ศาลเมิน กกต.หลังเล่นแง่ขอเลื่อนซักค้านเดือนสิงหาคม

ศาลเมิน กกต.หลังเล่นแง่ขอเลื่อนซักค้านเดือนสิงหาคม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2549 13:56 น.

ศาลไต่สวนคดี ปชป.ฟ้อง กกต.ทั้ง 2 คดี เสร็จสิ้นแล้ว โดยโจทก์ยืนยันกลางศาล กกต.ทำผิดกฎหมายชัดเจน พร้อมยื่นเอกสารภาพถ่าย จ่ายเงินจ้างพรรคเล็ก ขณะที่ ฝ่าย กกต.กลับเล่นแง่ ขอเลื่อนซักค้านออกไปเป็นเดือนสิงหาคม อ้างอัยการไม่ว่าง แต่ศาลไม่อนุญาต อ้างเป็นคดีที่มีความสำคัญ ส่งผลต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต้องดำเนินการให้รวดเร็ว


วันนี้ (29 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ถึงความคืบหน้าการไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต. พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่พรรคการเมือง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 สืบเนื่องจากกรณีที่ไม่ดำเนินการสอบสวนความผิดพรรคไทยรักไทย กรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.แก้ไขปลอมแปลงทะเบียนผู้มีสิทธิสมัคร ส.ส.และว่าจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัคร ส.ส.ในเขตที่ไม่มีผู้แข่งขันเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์คะแนนร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

โดย นายสุเทพ ขึ้นเบิกความในฐานะพยานโจทก์ ว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับข้อมูลเป็นเอกสารหลักฐาน ว่า มีการว่าจ้างเพื่อให้พรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ และได้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงได้ยื่นเรื่องให้ กกต.จากนั้น กกต.จึงตั้ง นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวน และผลสอบออกมาว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงส่งเรื่องให้ กกต.4 คน เพื่อดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายพงษ์ศักดิ์ รัตนพงศ์ไพศาล และ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ในฐานะเป็นผู้บริหารระดับสูงของพรรค และการดำเนินการดังกล่าวทำในนามพรรคไทยรักไทย

นายสุเทพ เบิกความอีกว่า หลังจากผลการสอบสวน พบว่า มีความผิด แต่ กกต.ไม่ดำเนินการ และกลับยื้อเรื่องออกไป โดยการเลือกปฏิบัติ สั่งยุบพรรคเล็ก คือ พรรคพัฒนาชาติไทย และแผ่นดินไทย แต่ไม่ดำเนินคดีกับ พรรคไทยรักไทย และสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม

จากนั้นได้ปล่อยให้มีการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 23 เม.ย.โดย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า พยานได้กลับคำให้การว่ามีพรรคเก่าแก่ขนาดใหญ่พรรคหนึ่ง สร้างหลักฐานเท็จ เพื่อว่าจ้างพรรคเล็กให้ล้มการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาท

ระหว่างเบิกความ นายสุเทพ ได้ยื่นพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากกล้องวิดีโอวงจรปิด จำนวน 9 ภาพ เป็นภาพที่ถ่ายในบริเวณชั้น 2 หน้าห้องของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อยืนยันการจ่ายเงินให้กับผู้สมัครของพรรคพัฒนาชาติไทย ขณะไปพบ เพื่อนำไปใช้ในการสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกับยื่นให้ศาล โดยการไต่สวนได้เสร็จสิ้นเวลาประมาณ 11.30 น.

หลังจากนั้นทางตัวแทน กกต.ได้ยื่นต่อศาล เพื่อขอเลื่อนการซักค้านไปในเดือนสิงหาคม โดยอ้างว่า อัยการจะว่างในช่วงนั้น หลังจากศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ เป็นคดีที่มีความสำคัญ ส่งผลต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต้องดำเนินการให้รวดเร็ว จึงอนุญาตให้ซักค้าน ในวันที่ 5 มิ.ย.เวลา 09.00 น.

ส่วนคดีที่ นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงาน กกต. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต. พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. และพล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต. เป็นจำเลยที่ 1- 6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่ร่วมกันลงมติและออกประกาศ กกต. รับผู้ลงสมัคร ส.ส.ใหม่เพิ่มเติมในพื้นที่ 38 เขต รวม 15 จังหวัด ซึ่งได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 อันเป็นการหมุนเวียนผู้สมัคร

โดยก่อนเริ่มการพิจารณาอัยการได้แถลงต่อศาล ขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอีกสักระยะ โดยอ้างง่า กกต.ไม่สามารถรวบรวมเอกสารได้ทัน เนื่องจาก กกต.มีภารกิจต้องจัดการเลือกตั้ง ขณะที่ทนายโจทก์คัดค้าน หลังศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับคำฟ้องตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.49 จึงมีเวลา ในการรวบรวมเอกสารนานกว่า 1 เดือนประกอบกับ เอกสารอยู่ในสำนักงานของจำเลย จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป

จากนั้น นายถาวร ได้ขึ้นเบิกความ โดยนายถาวร กล่าวว่า การที่รัฐบาล ออกพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยอ้างว่ามีการชุมนุม เกรงว่าจะเกิดจราจล ซึ่งตนเป็น ส.ส.อยู่ทำให้ต้องหมดวาระและได้รับความเสียหาย ประกอบกับการที่ นายกรัฐมนตรีสมคบกับ กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เป็นคุณกับพรรคไทยรักไทย และเป็นโทษกับพรรคการเมืองอื่น นอกจากนั้น การเลือกตั้งที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำวินิจฉัย ออกมาว่า เลือกตั้งโดยไม่สุจริต และไม่เที่ยงธรรม

นอกจากนั้น โจทก์ยังเบิกความอีกว่า การจัดคูหาทั้ง 2 ครั้งของ กกต.ที่ไม่เป็นความลับ โดยได้ยื่นเอกสารเป็นหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ที่มีการถ่ายภาพคนที่ไปใช้สิทธิการเลือกตั้ง ในคูหา และสามารถมองเห็นได้ว่า กากบาทในช่องที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน ประกอบกับการที่เขตเลือกตั้ง 400 เขต มีการลงสมัคร เพียงพรรคไทยรักไทย เบอร์ 2 ถึง 281 โดย กกต.ยังกำหนดให้ติดภาพถ่าย และเบอร์ผู้สมัคร ที่หน้าคูหาได้ ซึ่งถือเป็นการชี้นำผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีของนายถาวร ขณะนี้ ศาลอยู่ระหว่างอ่านคำแถลง เพื่อนัดวันซักค้านต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์