ศาลรับคดี มาร์ค ฟ้องหมิ่น อริสมันต์ กล่าวหาปล้นอำนาจปชช.


ศาลรับฟ้อง "มาร์ค" ฟ้อง "อริสมันต์" หมิ่น กล่าวหาเป็นต้นเหตุให้ในหลวงทรงพระประชวร ปล้นอำนาจประชาชน นัดสอบคำให้การจำเลยและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 7 เม.ย.

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 25 มกราคม ศาลมีคำสั่งรับฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.4177/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากรณีปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2552 และทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2552 กล่าวหาว่าโจทก์เป็นต้นเหตุทำให้ในหลวงทรงพระประชวร เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปล้นอำนาจประชาชนสั่งการให้ฆ่าประชาชนและอื่นๆ
 


โดยนายอภิสิทธิ์ เข้าเบิกความเป็นพยานด้วยตัวเองสรุปว่า ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความจงรักภักดี และปฏิบัติหน้าที่สนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ที่ว่า ความสุขสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองมีความปกติสุข ซึ่งหมายถึงบ้านเมืองไม่มีความวุ่นวาย ซึ่งเหตุจราจลของกลุ่มคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน 52 ทั้งในกรุงเทพฯและพัทยา จำเลยเป็นแกนนำล้มการประชุมผู้นำอาเซียน โจทก์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์โดยยึดหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน จนกลุ่มคนเสื้อแดงสลายการชุมนุมไปโดยปราศจากการเสียเลือดเนื้อ ส่วนคลิ๊ปเสียงที่จำเลยนำมาเผยแพร่กล่าวอ้างว่าโจทก์สั่งการให้ฆ่าประชาชนนั้น ได้มีการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ยอมรับแล้วว่าเป็นการตัดต่อข้อความจากเสียงของโจทก์
 


นายอภิสิทธิ์ เบิกความว่าไม่เคยประวิงเวลาการยื่นฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการซึ่งจะต้องส่งรายชื่อผู้ถวายฎีกาให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งจำเลยเป็นอดีต ส.ส.ก็ทราบดีถึงขั้นตอนกระบวนการแต่ยังดึงดันยื่นถวายฎีกาทั้งที่กลุ่มนักวิชาการ อธิการบดี 57 มหาวิทยาลัย และข้าราชการระดับปลัดกระทรวงต่างคัดค้านว่าเป็นการกดดันพระมหากษัตริย์



ส่วนที่จำเลย กล่าวหาว่าโจทก์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จาการปล้นอำนาจประชาชนนั้นไม่เป็นความจริงเนื่องจากโจทก์มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากสภาฯ ตามวิถีทางของประชาธิปไตย ข้อกล่าวหาของจำเลยไม่ได้เป็นการติชมโดยสุจริตแต่เป็นการกล่าวหาโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียถูกดูหมิ่นเกลียดชัง



ภายหลังไต่สวนเสร็จสิ้นแล้วศาลมีคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา และนัดสอบคำให้การจำเลยและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 7 เมษายน นี้



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์