ศอฉ.แถลงทหารไม่เกี่ยวยิงเสธ.แดง

 

คมชัดลึก :ศอฉ.ยันทหารไม่เกี่ยวยิงเสธ.แดง ลั่นหากจะทำยิงนานแล้ว โยนกลุ่มก่อการร้าย จ้องสร้างสถานการณ์รุนแรง ชี้ทางยุติปัญหาแดงต้องเลิกชุมนุม-แกนนำมอบตัว สั่งทหาร 1 กองร้อยเอาสวนลุมฯคืน ลั่นพร้อมสลายหากขัดขวาง เผย อาจปิดสะพานไทย-เบลเยี่ยม เชื่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่ม 15 จังหวัดคุมแดงอยู่


(14พ.ค.) เวลา 10.30 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

แถลงผลการประชุมศอฉ.ช่วงเช้าที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ.เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการ ศอฉ. ได้รายงานต่อที่ประชุมให้ได้รับทราบว่า ทางรัฐบาลได้ประกาศ พรก. ฉุกเฉินในภูมิภาคอีก 15 จังหวัด ตามที่ ศอฉ.เสนอไปในที่ประชุม ครม.คณะเล็กเมื่อวานนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องดังกล่าวเลยนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่


 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมศอฉ. ได้มีการหารือถึงคำแนะนำในเรื่องของข้อห้ามข้อกำหนด และกรอบการปฏิบัติที่เจ้าหน้าที่สามารถทำได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ทัพภาคที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในภูมิภาค และผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ให้เข้าใจว่าการปฏิบัติงานเป็นเรื่องของการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามขอบเขตของกฎหมายตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อให้มีการปฏิบัติไปตามกรอบแนวทางเดียวกัน ควบคู่ไปกับพื้นที่ กทม. และภูมิภาค โดยในพื้นที่ กทม. จะดำเนินการด้วยการสร้างแรงกดดันกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อให้ยุติการชุมนุม และดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยในการเดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้ในส่วนภูมิภาคต้องทำหน้าที่ในการป้องกันสกัดกั้นไม่ให้มีการรวมกลุ่ม และป้องกันไม่ให้มีการรวมมวลชนเข้ามาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ กทม. โดยการปฏิบัติการควบคู่กันไป ทั้งนี้เชื่อว่า ศอฉ.จะสามารถควบคุมพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ให้ลุกลามได้


 เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกมือยิงที่ศีรษะจนได้บาดเจ็บสาหัสเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือจะใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ก็ว่ากันไป เพราะสถานการณ์ช่วงนี้มีผู้ที่พยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรงตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ทหารก็เคยโดนในลักษณะแบบนี้ กรณีนี้ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะเจ้าหน้าที่ราชการ ส่วนนักวิชาการวิจารณ์ หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งหลายมีสิทธิ์คิดได้ แต่น่าจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมดำเนินการสืบสวนสอบสวนกันไป


 เมื่อถามว่า กระแสสังคมฟันธงว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่กองทัพ เกรงหรือไม่ว่าภาพของกองทัพจะกลับไปเหมือนช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่หรอก เป็นเรื่องที่สังคมสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันไปได้ ตามวิถีของคนไทย แต่สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่กองทัพ และ ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่รัฐ เราพยายามแสดงตลอดคือพยายามหลีกเลี่ยงทุกรูปแบบ พยายามสร้างแรงกดดันที่ไม่ใช้กำลังมาโดยตลอด นั่นคือจุดยืนที่ชัดเจนที่แสดงให้ประชาชนได้เห็นและทราบ เราไม่ต้องการปรารถนาจะให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีนโยบายของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ


 เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้ในราชการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า พล.ต.ขัตติยะ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความรุนแรง

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องที่นายกรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และทุกฝ่ายก็เห็นอยู่แล้วว่า พล.ต.ขัตติยะ รับผิดชอบดูแลเรื่องความปลอดภัย แต่กรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัย ศอฉ. หรือตั้งข้อสงสัยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นเรื่องที่สังคมสามารถคิดได้ แต่ทุกเรื่องอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมจะต้องดำเนินการในเรื่องนี้ ศอฉ. และ ภาครัฐ ทุกส่วนก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ศอฉ.มีแนวความคิดที่จะปฏิบัติการกับพล.ต.ขัตติยะ ในรูปแบบนี้หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เคยมีแนวความคิดในลักษณะแบบนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ก็เคยโดนในลักษณะแบบนี้ เมื่อถามย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ขัตติยะ จะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราไม่ได้พูดกันในที่ประชุม ศอฉ.


 “ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเอาคืนเสธ.แดง เราไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ และไม่ใช่หน้าที่ที่เจ้าหน้าที่จะตกลงใจทำในลักษณะอย่างนั้น หากมีแนวความคิดจะทำเช่นนั่นคงทำตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับเสธ.แดงเราไม่รู้ว่า ใครสร้างสถานการณ์ เพราะที่ผ่านมาทหารก็เคยโดนยิงมาแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เราแสดงมาโดยตลอดว่า เราไม่ได้ปรารถนาความรุนแรง และเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ไม่อยากให้วิจารณ์กันเพราะอาจทำให้สังคมสับสน สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนไทยในลักษณะความรุนแรง โดยปราศจากกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินเป็นสิ่งไม่เหมาะสมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการยิงทหารที่ดอนเมือง ซุ่มยิงที่แยกคอกวัว และการยิงเสธ.แดง ซึ่งทั้ง 3 กรณีมาจากสไนเปอร์ทั้งสิ้น เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า กลุ่มก่อการร้ายที่พยายามฉกฉวยสร้างสถานการณ์ความรุนแรงตลอดเวลา ” โฆษกศอฉ.กล่าว


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งนี้ไม่มีใครรับประกันได้ว่า เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกัน

การที่กลุ่มผู้ชุมออกมาระบุว่า เหตุการณ์เกิดแบบนี้ เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า พร้อมจะยอมรับผิดชอบเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ เพราะเป็นคนปลุกปั่น พาผู้ชุมนุมมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า จะทำให้ทหารและผู้ชุมนุมเกิดความหวาดกลัว ส่วนหนทางแก้ปัญหา คือ ต้องยุติการชุมนุม แกนนำผู้ชุมนุมต้องมอบตัว ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนพลแม่นปืนที่ส่งไปจะถืออาวุธปืนเอ็ม 16 เท่านั้น เพื่อดูแลไม่ให้มีใครมายิงทหาร ซึ่งมีอยู่ทุกจุด โดยเราไม่มีอาวุธสไนเปอร์แต่อย่างใด


 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้มีการประชุม ศอฉ.ในช่วงเย็นแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ ได้เรียกประชุมในภาคของผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้กำลัง

โดยพล.อ.อนุพงษ์ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ ถึงความดำรงอยู่ได้ถึงการตั้งด่านในพื้นที่ปิดล้อมกดดันกลุ่มผู้ชุมนมในกรอบสี่เหลี่ยม ผบ.หน่วยที่รับผิดชอบก็อธิบายให้ฟังว่ามีการสร้างความปั่นป่วนตลอดเวลา มีการยิง เอ็ม 79 เข้ามา หรือมีการใช้ขบวนมอเตอร์ไซค์ มีการขับรถแท็กซี่ที่จะฝ่าด่าน มีการยิงกระสุน ขว้างลูกระเบิด ประทัดยักษ์ตลอดเวลา ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง แต่ทั้งหมดก็เป็นสมมติฐานที่ได้ตั้งไว้ โดย ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกส่วนทุกหน่วยได้ควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ ทุกคนติดอาวุธ สิ่งที่เราจะต้องแสดงออกให้สังคมได้เห็นอย่างชัดเจนคือ สิ่งที่เราพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงอย่างที่สุด จะต้องไม่มีลักษณะอาการที่คุกคามต่อประชาชนโดยเด็ดขาด การใช้กระสุนจริงก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์


 “ เมื่อคืนนี้มีบริเวณแยกมิตรสัมพันธ์จะมีการใช้รถแท็กซี่พุ่งฝ่าด่านเข้ามา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อาวุธยิงไปที่หม้อน้ำของรถแท็กซี่คันดังกล่าว ซึ่งก็สามารถหยุดยั้งรถคันดังกล่าว และดำเนินการจับกุมส่งเจ้าหน้าที่ไป สำหรับยอดการชุมนุมเมี่อคืนนี้อยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นคน และขณะนี้อยู่ที่ประมาณห้าพันคน โดยมียอดเยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นการปิดล้อมพื้นที่โดยไม่ให้มีการเล็ดลอดเข้าไปในพื้นที่เป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก ถ้าเราปิดชนิดไม่ให้เข้าไปได้เลยแม้แต่ส่วนเดียว หรือช่องทางหนึ่งช่องทางใดจะต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้น ทั้งนี้ผบ.ทบ. จึงได้เน้นย้ำไปว่าเราต้องพยายามทำได้เท่าที่สามารถทำ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ยอดผู้ชุมนุมบางส่วนรู้ว่าการเข้าพื้นที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้จำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลง ทั้งนี้ ศอฉ.จำเป็นจะต้องใช้มาตรกากดดันปิดล้อมอย่างนี้ไปก่อน และประเมินสถานการณ์เป็นห้วง ๆ “ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า


 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ผบ.ทบ.ยังเป็นห่วงในเรื่องที่บรรดากลุ่มวัยรุ่น หรือ เด็กเกเรในพื้นที่พยายามตั้งด่านเก็บเงิน

เพราะว่าเส้นทางการจราจรในพื้นที่เจ้าหน้าที่ควบคุม ประชาชนจึงจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยง เพื่อไปอีกเส้นทางหนึ่ง ก็มีเด็กเหล่านี้ประมาณ 50 - 60 คน มาตั้งด่าน ดังนั้นทหาร ตำรวจก็จะต้องช่วยกันขับไล่ไป โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้น นอกจากนี้บริเวณพื้นที่หลักสี่ได้มีการระดมคนมาจากพื้นที่ปริมณฑลประมาณ 600 - 700 คน มีรถปิกอัพประมาณ 60 - 70 คัน และ รถมอเตอร์ไซค์อีก 100 คัน โดยมีหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ได้ชี้แจง และไล่กลับไปโดยมีอะไรเหตุการณ์อะไรรุนแรง เมื่อถามว่าศอฉ. จะดำเนินการอย่างไรกับมือมืดที่สร้างสถานการณ์ปั่นป่วน พ.อ.สรรเสริญ กล่าว่า เป็นเรื่องยากในการดำเนินการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกฝ่ายละเลย เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่พื้นที่สี่แยกคอกวัว และมาเกิดอีกครั้งที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก่อนที่จะมาเกิดกับกรณีของ พล.ต.ขัตติยะ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่


 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนในพื้นที่บริเวณสวนลุมไนท์พลาซ่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเข้าไปตั้งด่าน

ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งพยายามที่จะใช้อาวุธ มีการคุกคามเจ้าหน้าที่ตลอด เท่าที่ได้ตรวจสอบกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ม. 2 รอ.) ที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้ขออนุมัติผู้บังคับบัญชาเคลื่อนย้ายด่านไปหลบอยู่ในสวนลุมไนท์พลาซ่า ประมาณ 1 กองร้อย เพราะถ้าอยู่ตรงนั้นเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตอบโต้ และจะได้รับความสูญเสีย จึงต้องใช้วิธีผ่อนปรน แต่ก็ยังมีการปิดล้อมอยู่ ในวันนี้จำเป็นต้องมีการคลี่คลายสถานการณ์ หรือจำเป็นต้องสลายการชุมนุมในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ เพราะเราจำกัดพื้นที่การชุมนุมอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อาจต้องมีการปิดสะพานลอยข้ามไทย - เบลเยี่ยม


 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อทุกคนติดอาวุธต้องกำกับดูแลกำลังพลในทุกระดับ

ที่จะไม่แสดงอาการคุกคามต่อประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ต้องระมัดระวัง และต่อจากนี้ไปหากกลุ่มผู้ชุมนุมจะมาตั้งด่านนอกกรอบสี่เหลี่ยม เรายอมไม่ได้ จำเป็นต้องมีการสลายการชุมนุมแต่ต้องคำนึ่งเป็นจุดไป แต่ในกรณีพื้นที่สวนลุมพินี จำเป็นต้องนำเจ้าหน้าที่ออกมาและถ้ามีการขัดขวางก็ต้องสลายการชุมนุม


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์