ศอฉ.เผยงมอาร์พีจีได้ 14 ลูก หาอีก 2

วันที่ 24 ก.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ผอ.ศอฉ.) เป็นประธานการประชุม ศอฉ. โดยมี นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการ ศอฉ. และ ผู้แทนเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุม

 จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุมศอฉ.ว่า ที่ประชุมหารือถึงกรณีที่ฮิวแมนไรท์วอช์ต ระบุว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนโดยทั่วไป และขณะนี้ยังมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งที่ประชุมให้ความสำคัญ และนายสุเทพ ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และ เลขาธิการ ศอฉ. รวบรวมข้อมูล ซึ่งคงจะมีการแถลงชี้แจงต่อไป

 ปัจจุบันไม่ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตามหมาย ฉฉ. แต่ทุกอย่างเป็นการควบคุมตัวในความผิดอาญาที่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาแล้ว ซึ่งการควบคุมอยู่ในความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์กับสถานพินิจ รวม 13 แห่ง จำนวน 185 คน อยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง อีก 5 คน และอยู่ที่กรมพินิจคุ้มครองเด็กอีก 3 แห่ง คือ กทม. อยุธยา และ อุบลราชธานี แห่งละ 1 คน ดังนั้นสิ่งที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่ฮิวแมนไรท์วอช์ตเสนอไปนั้นคาดเคลื่อนจากความเป็นจริง”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
 
  พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มีการรายงานกรณีที่กระสุนจรวดอาร์พีจีสูญหายไปจากกองสรรพาวุธกลางที่ 2 กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ลพบุรี ซึ่งหลังจากการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐาน และจากผู้ต้องสงสัย

โดยใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ และเมื่อมีการสอบถามจากผู้ต้องสงสัยจึงได้ข้อมูลว่า คนร้ายส่วนหนึ่งวิตกกังวลกลัวจะถูกจับได้ จึงได้นำอาวุธไปทิ้งในแม่น้ำท่าวุ้ง จึงได้ไปตรวจสอบ และเมื่อเช้าได้รับข้อมูลข่าวสารจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลา 21.00 น. มีการลงไปงมหาหัวจรวดอาร์พีจี ที่แม่น้ำท่าวุ้ง ซึ่งงมหาได้ 12 ลูก แต่ตามข้อมูลข่าวารพบว่าที่แม่น้ำท่าวุ้งมีอาร์พีจี 16 ลูก ดังนั้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงได้มีการค้นหาตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไปได้อีก 2 ลูก ดังนั้นเชื่อว่าน่าจะมีอีก 2 ลูกอยู่ในแม่น้ำ

 “ส่วนพวกอาวุธที่หายไปอีกส่วนหนึ่งคงจะต้องมีการค้นหาต่อไป แม้ขณะนี้ยังหาได้ไม่ครบ แต่เชื่อมั่นว่าจะหาได้ครบตามจำนวนที่หายไปได้ภายในเร็ววัน ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยคลังแสงของกองทัพบกในภาพรวมเป็นครั้งแรกที่มีการลักลอบนำเอากระสุนวัตถุระเบิดออกไป แต่ทันทีที่ของหายเราก็สามารถตรวจสอบพบได้ เพราะผู้บังคับบัญชาได้เน้นเรื่องนี้เป็นประจำ เมื่อตรวจสอบพบจึงได้ใช้กระบวนการสืบสวนสอบสวนใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยจนสามารถได้หาของกลางที่หายได้พบโดยเร็ว”โฆษกศอฉ.กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์