ศอฉ.ชี้ยิงเอ็ม79 ปมสก.-สข. ถล่มคิงเพาเวอร์

เอ็ม79ถล่ม - ตร.ตรวจสอบลานจอดรถ ทางเข้าห้างคิง เพาเวอร์
 หลังโดนถล่มด้วยเอ็ม 79 ทำให้นายเจษฎา จันทร์กระจ่าง รปภ.บาดเจ็บสาหัส
กลางดึกวันที่ 26 ส.ค. ซึ่งศอฉ.ระบุมาจากปมเลือกตั้งส.ก.-ส.ข.

ตร.วุ่นประชุม หลังเอ็ม 79 ถล่มกรุงโผล่อีก "คิงเพาเวอร์"ตกเป็นเป้าอีกครั้ง สะเก็ดฉีกร่างรปภ.ห้างบาดเจ็บสาหัส สมองถูกทำลาย

เผยรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้ในที่เกิดเหตุทันควัน แต่ปล่อยไปในภายหลัง เพราะสอบแล้วเป็นแค่คนเมาผ่านมา ระบุเบื้องต้นเป็นการยิงวิถีโค้ง น่าจะมาจากโรงแรมสยามซิตี ศอฉ.แถลงตร.ตั้งปมเลือกตั้งส.ก.-ส.ข.ที่กำลังจะมีขึ้น ขณะที่"เทพเทือก" ได้ที บอกแล้วสถานการณ์ยังไว้ใจไม่ได้ สวนนักข่าวถามปมบอลวิวาทกันระหว่างทบ.กับบุรี รัมย์ จินตนาการไปเรื่อย "มาร์ค"ยันคนก่อกวนยังพยายามต่อไป คาดกทม.จะถูกยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินเป็นจังหวัดสุดท้าย "ภาณุพงศ์"ชี้มือระเบิด จงใจยิงกระสุนตกใกล้ๆรปภ. หวังผลให้เกิดความเสียหาย-หวาดกลัว ตั้งรางวัล 1 แสนบาทสำหรับคนชี้เบาะแสจับกุม

-ตร.วุ่น-เอ็ม79 ถล่มคิงเพาเวอร์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต. ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.สส. พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.พฐ. พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท กก.สส.บก.น.1 สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดภายในห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. เป็นเหตุให้นายเจษฎา จันทร์กระจ่าง อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บาดเจ็บสาหัสและรักษาตัวที่โรง พยาบาลราชวิถี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ส.ค. เวลา 23.05 น. ที่ผ่านมา

ด้านพ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นแตกต่างจากเหตุระเบิดครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่ระเบิดแสวงเครื่อง แต่ใช้แบบเครื่องยิง คาดว่าจะเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งมีระยะทำการประมาณ 400 เมตร โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าคนร้ายยิงจากตึกสูง หรือพื้นราบ รวมถึงวิถีกระสุนต่างๆ ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพอสรุปได้ว่ายิงจากจุดใด

-พบวิถี-ยิงมาจาก"สยามซิตี"

ต่อมาเวลาประมาณ 11.15 น. ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ท.สัณฐาน เปิดเผยว่า หลังจากประชุมชุดอีโอดี (หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด) และกองพิสูจน์หลักฐาน ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 มีหัวทองแดง โดยมีเศษติดอยู่กับพื้นถนนที่แตกออกมา สำหรับวิถีกระสุนนั้น ขณะนี้ได้ช่องที่ยิงมา โดยเมื่อหันหน้าเข้าสู่ตึกที่สะเก็ดระเบิดสาดเข้าใส่ เชื่อว่าทิศทางมาด้านขวามือ ทิศทางมาทางด้านที่ตั้งของโรง แรมสยามซิตี โดยในวันนี้ ทางอีโอดี และพฐ. จะไปดูอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าความน่าจะเป็นมาทางไหนแน่ สำหรับเป้าหมายน่าจะมาจากการสร้างสถานการณ์มากกว่า โดยวันนี้เวลา 17.00 น. ทางพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) ซึ่งรับผิดชอบคดีระเบิด จะมาประชุมที่ บช.น.อีกครั้ง

ผบช.น. กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมมีการแบ่งงานชัดเจน โดยทางพล.ต.ต.วิชัย แบ่งงานแล้ว โดยให้ทั้งฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท กก.สส.บก. น.1 และบก.สส. แบ่งกันทำงาน เพื่อตรวจสอบดูกล้อง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเชื่อมโยงเหตุระเบิดครั้งก่อนหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า ยังไม่มี ถามว่าพบผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า เหตุเพิ่งเกิดเมื่อคืนกำลังดูกันอยู่

-กระสุนวิถีโค้ง-ไม่หวังชีวิต

ถามว่าลักษณะการยิงหวังผลชีวิต หรือเป้าหมายสัญลักษณ์ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์มากกว่า ถามต่อว่าเป็นเรื่องจากวันเกิดป๋าเปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) หรือเกี่ยวข้องกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ตอนนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ตำรวจ บก.น.1 ก็ตั้งด่านเต็มที่ และมีรปภ.เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่คนร้ายใช้อาวุธแบบนี้ยิงก็ป้องกันยาก ซึ่งก็ต้องระวังจุดสูงข่มต่อไป ถามอีกว่าเป็นการยิงวิถีโค้งหรือวิถีตรง ผบช.น.ตอบว่า ในชั้นต้นเชื่อว่าเป็นวิถีโค้ง ถามว่ามีเป้าหมายคนร้ายกลุ่มใดเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะระเบิดเอ็ม 79 หายไปนานแล้ว ผบช.น. ตอบว่า ต้องขอดูข้อมูลก่อน ถามว่าจากการข่าวที่ผ่านมา ทราบล่วงหน้าหรือไม่ว่าจะมีการก่อเหตุ ผบช.น.ตอบว่า ก็เป็นข่าวเรื่อยๆ เราก็ต้องระมัดระวังตลอดเวลา ถึงมีด่านตำรวจเยอะแยะไปหมด ถามว่าขณะเกิดเหตุนายเนวิน อยู่ในโรงแรมหรือไม่ ผบช.น.ตอบว่า ไม่ทราบข้อมูล

-แฉนาทีถล่มสนั่นกลางดึก

สำหรับเหตุการณ์ระเบิดถล่มกรุงครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 26 ส.ค. ร.ต.ท. สมมาตร วงศ์ดี พงส.(สบ 1) สน.พญาไท ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณทางเข้าลานจอดรถคิงเพาเวอร์ ด้านซอยรางน้ำ เขตพญาไท กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.1 หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ที่เกิดเหตุบริเวณทางเข้าลานจอดรถคิงเพาเวอร์ ด้านซอยรางน้ำ เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจษฎา จันทร์กระจ่าง เจ้าหน้าที่ รปภ.ของคิงเพาเวอร์ สภาพนอนหมดสติอยู่บนพื้นถนนด้านข้างคิงเพาเวอร์ มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะ และตามร่างหลายแห่ง เลือดไหลนองเต็มพื้น อาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ราชวิถี เพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน จากการตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดพบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดจำนวน 1 หลุม กว้างประมาณ 20 ซ.ม. ลึก 1 นิ้ว นอกจากนี้ บริเวณด้านข้างของอาคารคิงเพาเวอร์ มีร่องรอยสะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้า ไปหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้ไปตรวจสอบ

-จับขี้เมาทันควันในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวน น.ศ.ฉัตรสุดา จินางวัลย์ พนักงานเสิร์ฟร้านบ้านบาร์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกำลังทำงานอยู่ในร้าน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดที่จุดเกิดเหตุ จึงรีบวิ่งออกมาดู ก็พบเจ้าหน้าที่รปภ.นอนคว่ำหน้ามีเลือดไหลนองเต็มพื้น จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มานำตัวไปส่งโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายเมาสุรา ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 คน พร้อมรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีน้ำ เงิน หมายเลขทะเบียน ขลก 970 สุราษฎ์ธานี ซึ่งตรงกับที่มีพยานยืนยัน รถจยย.คันดังกล่าวขับผ่านระหว่างที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น นำตัวไปสอบปากคำ

ระทึก - เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ที่มีผู้ไม่หวังดีนำไปวางไว้ใต้ต้นไม้
ลานจอดรถร้านซีฟู้ดมาร์เก็ต แอนด์ เรส เตอรองต์ สุขุมวิท 24 พบเป็นระเบิดปลอม
ท่อ พีวีซีมัดรวมกันบรรจุทรายไว้ ตามข่าว

เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมายังห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ เพื่อตรวจสอบวัตถุพยาน และวิถีกระสุนตก ที่คนร้ายน่าจะใช้เป็นจุดยิง เอ็ม 79 เข้ามา ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประ ไพ ผบก.น.1 ได้เดินทางไปที่ห้องไอซียู ตึกสิรินธร ร.พ.ราชวิถี เพื่อเข้าเยี่ยมอาการของนายเจษฎา จันทร์กระจ่าง อายุ 24 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

-รปภ.เจ็บหนักยังไม่รู้สึกตัว

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บขณะนี้ หลังจากผ่าตัดแล้วยังไม่รู้สึกตัว คงต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งจุดที่หนักสุดอยู่ที่สมอง หลังเกิดเหตุได้ให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดแล้ว ซึ่งกล้องวงจรปิดทุกตัวไม่สามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้เลย เนื่องจากกล้องหันไปคนละทางกับจุดที่คนร้ายยิงระเบิดเข้ามา เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นกระสุนของระเบิดเอ็ม 79 ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ แต่กลุ่มคนร้ายจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุม ที่ บช.น.

ผบก.น.1 กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้เมื่อคืนนี้ จากการสอบปากคำอย่างละเอียดและตรวจสอบประวัติ ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงคนเมาขับรถจักรยานยนต์มาป่วนเท่านั้นเอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวไปแล้วเมื่อเช้านี้ สำหรับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งก่อนหรือไม่ จะต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วน สาเหตุนั้นคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องของการก่อความไม่สงบในบ้านเมือง และการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง

-ผอ.ราชวิถีเผยผลผ่าตัดกู้ชีวิต

พ.ญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยา บาลราชวิถี กล่าวถึงความคืบหน้าการรักษาอาการของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ห้างคิงเพาเวอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดซอยราง น้ำเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า อาการของผู้บาดเจ็บในช่วงคืนที่ผ่านมา จากสภาพภายนอกไม่รุนแรง แพทย์เพียงติดตามดูอาการเท่านั้น แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่าอาการทรุดลง มีเลือดออกในสมอง เพิ่มมากขึ้น แพทย์จึงได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่เวลา 06.00-09.30 น. ขณะนี้ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ สามารถดูดเลือดที่ซึมออกมาจากสมองส่วนหน้า และเศษวัตถุระเบิดของเอ็ม 79 ที่ติดค้างในเนื้อสมองออกมาได้หมดแล้ว โดยจะเก็บไว้เป็นพยานวัตถุให้กับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ

"อาการหลังจากนี้ แพทย์ยังคงต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพราะเนื้อสมองส่วนหน้าหายไปส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระดับอารมณ์ หรือการควบคุม แต่เชื่อว่าคงไม่ส่งผลกระทบจนถึงขั้นพิการ เคลื่อนไหวตนเองไม่ได้" พ.ญ.วารุณี กล่าว

-เทือกย้ำบอกแล้ววางใจไม่ได้

เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ว่า ได้รับรายงานจากตำรวจหลังเกิดเหตุประมาณ 20 นาที แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่าเป็นระเบิดชนิดใด คาดว่าเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะใช้เวลารวบรวมหลักฐาน 1-2 วัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีต่อไป เมื่อถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจะบอกได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องการเมือง นาย สุเทพ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าสถานการณ์ยังไม่สามารถวางใจได้ คนที่ตั้งใจก่อเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองยังพยายามดำเนินการอยู่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องทำงานให้แข็งแรงมากกว่าเดิม

เมื่อถามว่าตั้งข้อสงสัยใครเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ระบุว่าจะสงสัยกลุ่มไหนอย่างไร แต่ในภาพรวมได้ติดตามประเมินสถานการณ์ตลอด และเห็นว่ากลุ่มคนที่ตั้งใจจะให้เกิดความวุ่นวายเขาไม่ลดละเลิกความพยายาม ซึ่งน่าเสียใจ เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าเหตุ การณ์พุ่งเป้าไปที่คนหรือสถานที่ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งดูเหมือนจะโยงให้เป็นเรื่องการ เมือง รองนายกฯ กล่าวว่า เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งวิจารณ์จะดีกว่า รอดูความคืบหน้าของการดำเนิน คดีของเจ้าหน้าที่ก่อน

-โดนถามปมบอลทบ.-บุรีรัมย์

ผู้สื่อถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับที่กลุ่มเสื้อแดงนัดแต่งชุดดำประท้วงหรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า คงตอบอย่างนั้นไม่ได้ ตอบไปเดี๋ยวกลายเป็นกล่าวหาคนโน้นคนนี้ ต่อข้อถามว่ามีการตั้งสังเกตว่า อาจเชื่อมโยงกับกรณีเหตุวิวาทในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสโมสรทหารบกกับทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ นายสุเทพ กล่าวว่า จินตนาการกันไปเรื่อย รอให้เจ้าหน้าที่ได้พยานหลักฐาน จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ซึ่งหลังการประชุมศอฉ.ตนจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่แถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนได้ทราบ

เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งพรรคการ เมืองหรือสถานที่เชิงสัญลักษณ์มากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนสั่งการไว้แล้ว โดยเฉพาะ บริเวณซอยรางน้ำ ให้ตำรวจตั้งด่าน ตรวจตรา รวมทั้งบ้านบุคคลสำคัญ หรือสถานที่เป้าหมายต้องดูแลกวดขันกันเป็นพิเศษ เมื่อถามว่าเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นถือว่าทำหน้าที่หละหลวมหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำ พรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง กล่าวว่า "ยัง ยังไม่ได้โทรศัพท์ และยังไม่ได้เจอตัวเหมือนกัน" เมื่อถามสถานการณ์ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงแรมสยามซิตี ที่รองนายกฯ เดินทางไปบ่อยครั้ง ไม่พบกับนายเนวินบ้างหรือ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ไปเดินสยามซิตี แล้วจะเจอทุกคน

-ศอฉ.สงสัยปมเลือกตั้งส.ก.-ส.ข.

เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เป็นประธานการประชุมศอฉ. มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ว่าที่ ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช. ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช. ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช. เข้าร่วมประชุม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุม ตำรวจ รายงานสรุปถึงเหตุระเบิดบริเวณประตูทางเข้าอาคารคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เมื่อคืนวันที่ 26 ส.ค. ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า อาจเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งตำรวจชี้แจงว่า น่าเป็นเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ที่จะมีขึ้นวันที่ 29 ส.ค. นี้ นายสุเทพจึงสั่งการให้พล.ต.อ.วิเชียร ดูแลความสงบเรียบร้อยและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในวันเลือกตั้ง ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขณะนี้ตำรวจส่งเจ้าหน้าที่ขีปนวิถี ตรวจหาทิศทางของระเบิดว่ายิงมาจากทิศทางไหน เพื่อนำไปประกอบเป็นแนวทางการสืบสวนต่อไป

-มาร์คเห็นใจกันไม่ได้ 100%

"พล.อ.ประวิตรระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถหาทิศทางการยิงได้ ขอให้ไปตรวจ สอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณดังกล่าว ขณะที่ทางผู้แทนกรุงเทพฯ กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กทม.ได้ปรับปรุงแก้ไขกล้องซีซีทีวีเพื่อให้เกิดความคมชัดทันสมัยมากขึ้น เพราะเดิม กทม.มีการติดตั้งอยู่ในพื้นที่สำคัญทั่วกทม. แต่อาจติดขัดเรื่องประสิทธิภาพตัวกล้อง นายสุเทพ จึงฝากให้กทม.ดูแลกล้องซีซีทีวีว่าหากยังไม่ มีประสิทธิภาพเพียงพอให้รีบปรับปรุงโดยด่วน นอกจากนี้นายสุเทพยังสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลสถานที่สำคัญอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยอาศัยอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ยังประกาศบังคับใช้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากใกล้จะถึงวันเลือกตั้งส.ก.และส.ข.แล้ว" โฆษกศอฉ. กล่าว

เวลา 11.45 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้น ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นจุดที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และเคยมีการคาดการณ์อยู่แล้วว่าบางสถานที่ตกเป็นเป้าหมายอยู่ เมื่อถามว่าที่ผ่านมากำชับให้ฝ่ายปฏิบัติดูแลพื้นที่สัญลักษณ์ทางการเมือง ทำไมยังเกิดเหตุซ้ำซาก นายกฯ กล่าวว่า ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่มีความยากลำบากที่จะดูแลทุกอย่างได้ 100% แต่คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปแก้ปัญหานี้ให้ได้

-พท.ประชด-ปมน้ำท่วมกรุง

ผู้สื่อข่าวถามว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าความไม่สงบกำลังจะกลับมาอีกครั้ง นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่เป็นเช่นนั้น คิดว่าในภาพรวมเราดูว่าทิศทางน่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น เพียงแต่การเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่หลายจังหวัดอาจมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่ในภาพรวมตนไม่คิดว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ขณะนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะ การปฏิบัติการของกลุ่มที่ยังมีเป้าหมายก่อความไม่สงบ คงไม่มีลักษณะการไปรวมตัวกัน แต่มีลักษณะการไปก่อเหตุในที่ต่างๆ มากกว่า

เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าประชาชนจะอยู่ในภาวะที่ปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าเกิดเหตุครั้งนี้ จะทำให้การพิจารณายก เลิกพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเลื่อนออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้คิดว่าการยกเลิกน่าจะเป็นในจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ซึ่งกำลังดูสถานการณ์อยู่ ส่วนกรุงเทพฯ น่าจะเป็นจังหวัดสุดท้ายที่ยกเลิก

เวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่คิงเพาเวอร์ เมื่อคืนวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ศอฉ.ระบุว่าเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ก.และส.ข.นั้น ตนขอวิเคราะห์ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลเสียรังวัดจากการอภิปรายงบประมาณปี 2554 ที่ไม่สามารถตอบข้อสงสัยของฝ่ายค้านได้ รวมทั้งปัญหาของคนกทม.ในเรื่องน้ำท่วม จึงจำเป็นต้องมีระเบิดมากลบความเดือดร้อนของประชาชน

-ภาณุพงศ์รับยังไม่รู้ใครทำ

เวลา 17.00 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อมด้วย พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผู้บังคับ การสืบสวนสอบสวน (ผบก.สส.บช.น.) พ.ต.อ. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (รอง ผบก.พฐ.) พ.ต.อ. กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.อ. คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ บช.ก. บช.ส. และฝ่ายสืบสวน สน. พญาไท กก.สส.บก.น.1 สส.บช.น. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดภายในห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า ในการประชุมวันนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. (ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่) ได้กำชับตนให้มาเรียกประชุมในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง หมด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนที่ผ่านนั้นหรือแม้การพบวัตถุต้องสงสัยย่านสุขุมวิทในวันนี้ ก็เป็นสิ่งบอกเหตุว่าเจ้าหน้าที่จะต้องเพิ่มความระมัด ระวัง โดยเน้นการเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุให้ละเอียด และสิ่งสำคัญที่เน้นมากก็คือ การปรับแผนด้านการป้องกันเหตุว่ามีจุดอ่อนหรือความไม่พร้อมของเจ้าหน้าที่ หรือไม่ ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น ในส่วนของ ผู้เกี่ยวข้องขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปได้ระดับ หนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะบ่งชี้ตัว ผู้ก่อเหตุครั้งนี้ได้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนและจะพยายามทำงานให้ดีที่สุด

-ตั้งสินบน 1 แสนบาทล่ามือบึ้ม

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า ในช่วงหลังที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายคดี ซึ่งในบางคดีเจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการจับกุมได้ บางครั้งก็ไม่สามารถสาวถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งพล.ต.อ.ปทีป กับพล.ต.อ.วิเชียร ก็เป็นห่วงกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เนื่องจากการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะลำพังเพียงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียว คงไม่สามารถดำเนินการไปจับตัวคนร้ายได้

"ก่อนที่ผมจะมาประชุมในวันนี้ ได้มีคณะกรรมการ กต.ตร.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาผมแล้วบอกว่า คดีที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หากมีพลเมืองดีสามารถแจ้งเบาะแสเพื่อช่วยในงานการสืบสวน ของตำรวจอีกทางหนึ่ง จะมีเงินรางวัลให้ 100,000 บาท สำหรับคณะกรรมการ กต.ตร.ท่านนี้ก็ไม่ประสงค์ออกนาม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันต้องร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย" พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าว

-เชื่อจงใจยิงให้ตกใกล้รปภ.

ผู้สื่อข่าวถามเหตุการณ์ระเบิดเมื่อคืนที่ผ่านมาหวังสิ่งใดหรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องการหวังนั้น ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีผู้บาดเจ็บและมีการยิงลงไปตรงบริเวณที่มีรปภ.อยู่ ซึ่งก็ชัดเจนว่าการยิงลงไปที่จุดคนอยู่ทำเพื่อสิ่งใด ฉะนั้นเรื่องการหวังนั้น เพื่อให้เกิดความกลัว อันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สิน จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาจะต้องช่วยกัน ฉะนั้น สื่อมวลชน และประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกันทั้งด้านการข่าว รวมถึงเป็นหูเป็นตาให้ตำรวจมากขึ้น แต่หากพบสิ่งผิดสังเกตหรือ พบวัตถุสงสัย ให้ออกจากพื้นที่ทันที แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันตรายได้

ถามต่อเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเพื่อการสังหาร ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวว่า ดูจากสถานที่เกิดเหตุคงไม่ถึงขั้นสังหาร แต่เป้าหมายคือว่าเพื่อให้ทรัพย์สินเสียหาย ให้คนที่อยู่บริเวณ นั้นเกิดความหวาดกลัวได้รับอันตราย โดย วิเคราะห์ตามสถานที่เกิดเหตุ ถามต่อมีรายงานว่านายเนวิน ชิดชอบ ไปทานข้าวบริเวณที่เกิดเหตุเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ทราบข่าวจากสื่อมวลชน และจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าหากมีประโยชน์ต่อรูปคดีคงต้องมีการดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะพล.ต.อ. ปทีปกับพล.ต.อ.วิเชียร เป็นห่วงเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก ตนขอยืนยันว่าหากให้ตำรวจทำงานฝ่ายเดียว หนทางสู่ความสำเร็จก็คงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นประชาชนควรจะให้ความร่วมมือกัน จนกว่าบ้านเมืองจะสงบ

-ให้ผู้เชี่ยวชาญหาจุดยิงอีกครั้ง

ถามต่อเมื่อคืนมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทหารบกกับบุรีรัมย์ พีอีเอ แล้วมีเหตุทะเลาะวิวาทจะมีความเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ พล.ต.อ. ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการจับตัวคนร้ายมาให้ได้ก่อน แล้วถึงจะทราบว่าสาเหตุเกี่ยวข้องกับเรื่องใด โดยตั้งสาเหตุ ของการเกิดเหตุไว้ 2 เรื่องคือ 1.ดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา 2.สถานที่เกิดเหตุเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง โดยจะดูว่าเป็นเหตุสืบเนื่องจากเรื่องการ เมือง หรือเรื่องส่วนตัวหรือไม่ ทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ในขณะนี้ ถามต่อจุดยิงเอ็ม 79 ตกลงเป็นโรงแรมสยามซิตีหรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นเพียงการสันนิษฐานเท่านั้น แต่จะมีทีมผู้ชำนาญเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง โดยการดูวิถีการยิง จุดตกของกระสุน สะเก็ดระเบิด ซึ่งจะสามารถสรุปได้อีกครั้งว่ามีการยิงมาจากจุดใด สำหรับระยะทางการยิงแบบวิถีโค้งจะอยู่ในรัศมี 400 เมตร แต่หากไม่ใช่วิถีโค้งพื้นที่การยิงก็จะใกล้กว่า 400 เมตร

ถามต่อจะมีการโอนคดีให้ดีเอสไอหรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า จะต้องดูองค์ประ กอบว่าเข้าข่ายหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังพิจารณา แต่ในเบื้องต้นนั้นเรื่องการสืบสวนเป็นหน้าที่ของตำรวจแน่นอน โดยไม่ได้มีการปัดให้หน่วยงานอื่นไปหมดเพราะตำรวจมีหน้าที่โดย ตรงอยู่แล้ว ถามต่อข้อมูลจากกล้องวงจรปิดได้หรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเก็บข้อมูลได้ไม่หมด ทั้งนี้พล.ต.อ.ปทีปกับพล.ต.อ. วิเชียรยังกำชับอีกว่าให้ทางบช.น.เน้นเข้มสายตรวจให้มีความถี่ขึ้นอีก เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้หากประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในบางเรื่องก็ต้องขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยา ยามมาตลอดและต้องการให้บ้านเมืองสงบ

-มือมืดวางบึ้มเก๊"ซีฟู้ดมาร์เก็ต"

เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พงส.(สบ 3) สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัย ภายในลานจอดรถร้านอาหาร ซีฟู้ด มาร์เก็ต แอนด์ เรสเทอรองท์ ซ.สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก. สส.บก.น.5 พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง ผกก.สน. ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ.

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในลานจอดรถของร้านอาหารดังกล่าว โดยมีหน่วยงานจัดกางเต็นท์เพื่อใช้เป็นหน่วยเลือกตั้งของเขตคลองเตย จำนวน 6 หน่วย บริเวณเต็นท์ของหน่วยเลือกตั้งที่ 12 พบว่าที่ใต้ต้นชมพู่พันธุ์ทิพย์มีท่อพีวีซี สีฟ้า มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว จำนวน 6 ท่อ ผูกติดกัน มีการต่อสายไฟ ด้านบนมีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย ไม่ทราบรุ่นวางอยู่ และใกล้กันมีกระป๋องน้ำมันออโต้ลูป ยี่ห้อเชลล์ วางอยู่ 1 กระป๋อง เจ้าหน้าที่จึงนำเชือกมากั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ พร้อมทั้งปิดถนนภายในซอยสุขุมวิท 24 เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย จากนั้นชุดปฏิบัติเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ใช้อุปกรณ์เข้าตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่วัตถุต้องสงสัยที่พบ ซึ่งไม่ปรากฏเสียงระเบิดแต่อย่างใด ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นเพียงระเบิดปลอม

-แฉเป็นหน่วยเลือกตั้งส.ก.-ส.ข.

จากการสอบสวนนายบุญถม โคตรมุงคุณ อายุ 44 ปี คนขับรถสามล้อตุ๊กตุ๊ก ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถสามล้อเข้ามาจอดที่ลานจอดรถดังกล่าว เพื่อมารอรับแฟนระหว่างที่เดินไปถึงใต้ต้นไม้ สังเกตเห็นวัตถุบางอย่างวางอยู่ มีลักษณะคล้ายกับระเบิด จึงเข้าไปบอกพนักงานในร้านอาหารก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวพบว่าเป็นเพียงการนำอุปกรณ์ต่างๆ มาวางกองรวมกันเพื่อให้ดูคล้ายกับวัตถุระเบิด แต่ไม่ได้มีการต่อวงจรใดๆ ซึ่งไม่สามารถทำให้เกิดระเบิดได้ คาดว่าคนร้ายน่าจะต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อที่จะโยงไปถึงการเมือง แต่จะเกี่ยวข้องกับการใช้สถานที่เป็นหน่วยเลือกตั้ง และใกล้กับจุดปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ หลังจากนี้จะต้องมีการวางกำลังเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งส.ก.-ส.ข.ที่จะมีขึ้น อย่างไรก็ตาม จะเร่งสอบปากคำพยานแวด ล้อมอย่างละเอียด พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจร ปิดที่ติดอยู่บริเวณโดยรอบ เพื่อหาเบาะแสในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดที่พบวัตถุต้องสงสัยนั้น เป็นจุดที่ใช้เป็นหน่วยเลือกตั้งส.ก. และส.ข. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค.นี้ นอกจากนี้ ภายในสวนเบญจสิริก็ยังมีการปราศรัยหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย จึงทำให้ถูกมองว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนร้ายสร้างสถาน การณ์ โดยการนำวัตถุดังกล่าวมาวางไว้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์