ศอฉ.จ่อฟัน 95 วิทยุชุมชนหมิ่นสถาบัน-เสี้ยม

ศอฉ.จ่อฟัน95วิทยุชุมชนขัดกม. เผยมีหมิ่นสถาบัน-ทำไทยแตกแยก เมินแดงยื่นศาลโลกมั่นใจไม่ผิด สลายแดงยึดหลักสากล

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นประธานในการประชุม ศอฉ. โดยมีพล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้แทนผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 20 นาที

จากนั้นพ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงผลการประชุม ศอฉ.ว่า

ที่ประชุมหน่วยงานด้านการข่าวได้มีการรายงานสรุปความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในช่วงนี้ นอกจากนี้ฝ่ายยุทธการยังมีรายงานการเตรียมแผนการรักษาความปลอดภัยในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ครั้งที่ 7 ที่พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่าง วันที่ 29-30 ต.ค. ซึ่งเบื้องต้นภารกิจหลักเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนทหารได้มีการจัดเตรียมพร้อมกองร้อยรักษาความสงบไว้ในที่ตั้ง หากมีสถานการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น                   

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่ตำราจได้รายงานว่า จากการไปตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนทั้งหมดพบว่า

มีวิทยุชุมชนจำนวน 95 สถานีที่ไม่ได้ยื่นหลักฐานขออนุญาตจัดตั้งวิทยุชุมชนให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งสถานีวิทยุที่สร้างสรรค์ สถานีเพลง สถานีที่เข้าข่ายหมิ่นเหม่สร้างความแตกแยกให้สังคม และสถานีที่มีการจาบจ้วงสถาบัน อย่างไรก็ตามในการดำเนินการตามกฎหมายจะใช้มาตรฐานเดียวกันหมด ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงไปตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) เพิ่มเติมในพื้นที่เสี่ยงทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งทางกรุงเทพและตำรวจนครบาลระบุว่า จะกลับไปตรวจสอบอีกครั้งก่อนนำรายงานต่อที่ประชุม             


เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมยื่นต่อศาลโลกเพื่อให้ดำเนินคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารได้สลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้และตนไม่ชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมาย แต่เราต้องดูข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่ ศอฉ.ดำเนินการนั้นเป็นไปตามกฎหมาย พยายามระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่มาชุมนุมไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่กลับมีกลุ่มการร้ายแฝงตัวอยู่ ซึ่ง ศอฉ.มั่นใจว่า สิ่งที่เราทำไปอยู่บนพื้นฐานหลักสากล มีขั้นตอนในการดำเนินการและมีความชัดเจนว่า ไม่ต้องการประสงค์ทำให้มีใครบาดเจ็บล้มตาย แต่หากกลุ่มใดมีความคิดเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะขณะนี้ในประเทศไทยก็ได้มีการดำเนินคดีในเรื่องนี้อยู่               

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่ออีกว่า ในที่ประชุม รมว.กลาโหม ยังได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายใช้วีซ่าและเอกสารปลอมเข้าประเทศกัมพูชาว่าได้มีการตอบคำถามกับสื่อมวลชนในเรื่องนี้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทางกระทรวงการต่างประเทศทำการยกเลิกหนังสือเดินทางแล้ว ซึ่งทุกอย่างดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฏหมาย           

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนรักษาความปลอดภัยในระว่างการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่โรงแรมดุสิตธานี อ.พัทยา จ.ชลบุรีนั้น

ทาง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ได้มอบหมายให้ พล.ต.วินัย สร้างสุขดี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 (มทบ.14) รับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่รอบโรงแรมดุสิตธานี สถานที่การประชุม และตั้งกองอำนวยการร่วมดูแลรักษาความปลอดภัย  โดยใช้กำลังทหารจาก มทบ.14 ร่วมกับ ตำรวจภูธรเมืองพัทยา อาสาสมัครพลเรือน ส่วนพื้นที่ในโรงแรมเป็นหน้าที่ของศูนย์รักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการทหารสูงสุดจะเป็นผู้รับผิดชอบ และทำงานร่วมกับทีมที่ติดตามบุคคลสำคัญเป็นหลัก.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์