ศอฉ. สั่งตำรวจเตรียมแผนรับมือเสื้อแดงชุมนุม 17-19 ก.ย.สุเทพแจงคุมเข้มรถไฟฟ้าเพราะพวกคนบ้าเยอะ


"สุเทพ"วอน ปชช.อย่าตื่นเหตุป่วน แจงส่ง"ทหาร-ตร."คุมเข้มรถไฟฟ้าหวังให้ประชาชนปลอดภัย เพราะพวกคนบ้าเยอะ ไม่เชื่อวางบึ้มเมืองกรุงโยง 3 จว.ใต้ "ศอฉ."สั่งตำรวจเตรียมแผนรับมือ"แดง" ชุมนุม 17-19 ก.ย.

    

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในช่วง 1-2 สัปดาห์ เพราะได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังแล้ว โดยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือหวั่นเกรงจนเกินไป บ้านเมืองเราโชคไม่ดีที่มีคนบางกลุ่มบางพวกทำร้ายบ้านเมืองด้วยการก่อเหตุวุ่นวาย ก่อวินาศกรรม วางระเบิด รัฐบาลมีหน้าที่ต้องรักษาบ้านเมือง และอยากให้คนดีๆ ในประเทศช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังแล้ว ทั้งหาข่าว จัดชุดรักษาความสงบคอยเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยสถานที่ต่างๆ และบุคคลสำคัญ

ส่วนกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาตำหนิรัฐบาลใหญ่โตว่าสร้างสถานการณ์ เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาลาดตระเวน ตรวจตราสถานีรถไฟฟ้าตรงนั้นตรงนี้ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรนั้น


นายสุเทพกล่าวว่า นายจตุพรเป็นคนสมองเล็ก ความจำสั้น เพราะเรื่องนี้คนในพรรคนายจตุพรเอง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. ออกมาพูดก่อนเลยว่าระวังจะมีการลอบวางระเบิดรถไฟฟ้าใต้ดิน จนทำให้ประชาชนตกใจ จึงต้องจัดกำลังไปตรวจตราเพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ ซึ่งในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ

ญี่ปุ่น ตามสถานีรถไฟทั้งบนดินและใต้ดิน มีตำรวจและทหารคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน เพราะในยุคนี้สมัยนี้คนบ้ามันเยอะ คนที่คิดทำให้ประเทศชาติเสียหาย

ประชาชนแตกตื่นเสียขวัญมันมีมาก ดังนั้น ต้องระวังพวกคนบ้าพรรค์อย่างนี้ พวกคลุ้มคลั่งอย่างนี้ เราต้องป้องกันคนส่วนใหญ่เอาไว้


ไม่เชื่อบึ้มป่วนกรุงโยง3จว.ใต้


ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสันนิษฐานว่าเหตุการณ์ไม่สงบในกรุงเทพฯ อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่คิดว่าจะเชื่อมโยงกัน นั่นก็เป็นประเภทคลุ้มคลั่งอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องหาทางนำตัวมาลงโทษให้ได้ เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงสันนิษฐานจากวัตถุที่ใช้ในการก่อเหตุ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่แน่ บางครั้งถ้าไปถามเจ้าหน้าที่ก็พูดเยอะ ยิ่งพูดเยอะยิ่งสับสน ค่อยๆ ดูกันก่อน ตนขอพูดตามพยานหลักฐาน เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีใจปรองดอง

 เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านการข่าวประเมินว่าก่อนกลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 19 กันยายน จะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนเฝ้าระวัง


 "ประวิตร" ยันไม่เพิ่มทหารคุมกรุง


 ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานการณ์ในขณะนี้ว่า ศอฉ.ดูแลและพยายามทำทุกอย่างให้เรียบร้อย คงไม่ต้องเพิ่มกำลังทหารเข้าไปดูแลในพื้นที่เพิ่ม เพราะใช้ตำรวจเป็นหลักโดยมีการวางมาตรการการทำงานร่วมกับสารวัตรทหารของ 3 เหล่าทัพ เพื่อทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งพื้นที่อื่นสงบเรียบร้อย สำหรับด้านการข่าวขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ศอฉ. สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการพบระเบิด ที่มีข้อความทางการทหาร ทบ. RTA ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งระบุหมดอายุการใช้งาน   พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า  "ระเบียบการเก็บวัตถุระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์ กองทัพมีความชัดเจน มีวิธีการเก็บรักษา ดังนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ถามเหมือนประเทศเราไม่มีกฎหมาย ไม่มีระเบียบ เราก็ทำทุกอย่าง ส่วนอะไรที่หมดอายุการใช้งานไปแล้ว ทำไงได้"


ตร.ยังไม่พบเบาะแส"แดง"ป่วน

  

วันเดียวกัน พล.ต.อ.  วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าพบนายสุเทพ ที่ห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำแผนป้องกันการเผชิญเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วง วันที่ 19 กันยายนมารายงาน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลด้านการข่าวของตำรวจยังไม่พบอะไรที่น่ากังวล กลุ่มผู้ชุมนุมคงจะมาแสดงออกในเชิง สัญลักษณ์เท่านั้น จากนั้นคงจะสลายตัวไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางตำรวจ และ ศอฉ.ต้องเตรียมพร้อมรับมือ หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ดูแลความสงบเรียบร้อยได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายก รัฐมนตรีกังวลเรื่องการก่อวินาศกรรม ข่าวนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ข่าวเรื่องการวินาศกรรมไม่มีอะไรที่เป็นนัยสำคัญอย่างนั้น เมื่อถามว่า มั่นใจว่าพื้นที่สาธารณะจะปลอดภัยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า มั่นใจ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะให้ทั้งทหารและเทศกิจช่วยกันดู มีทีมและชุดสายตรวจเฉพาะ อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย หากมีอะไรให้แจ้งที่ศูนย์ 191
        
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยเพราะใกล้วัน ครบรอบ 4 ปี เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้เพิ่มการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสถานที่ราชการและจุดล่อแหลม แต่กรณีนี้ยังไม่รายงาน ความเคลื่อนไหวที่น่าห่วง  

0ศอฉ.เตรียมแผนรับมือแดง12-19ก.ย.


เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายสุเทพ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธานประชุม ศอฉ. พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา รอง ผบ.ทบ. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ผบ.ตร. นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้แทนเหล่าทัพ ประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในช่วงเดือนกันยายน

ต่อมาเวลา 16.40 น. พ.ต.ท.ทรงพล วัธนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้นำเสนอมาตรการ และแผนการรักษาความสงบกรณีกลุ่มชุมนุมที่ใช้ชื่อเรียกต่างๆ ที่จะชุมนุมระหว่างวันที่ 12-19 กันยายนนี้ โดยจะมีศูนย์บัญชาการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ทั้งนี้ ศอฉ.โดยนายสุเทพได้แสดงความห่วงใยและกำชับให้ สตช.วางมาตรการดูแลความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแทรกซ้อน
 
พ.ต.ท.ทรงพลกล่าวว่า ด้านการจัดวางกำลัง จะระดมกำลังกองร้อยปราบจลาจล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ใช้กำลังตำรวจทั้งสิ้น 3,072 นาย ภายใตชื่อแผน รักษาความปลอดภัยระหว่างการชุมนุม 12-19 กันยายน

ผบช.น.สั่งคุมเข้มแดงจัดงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ 0015 (ศปก.น.) 14765 ลงวันที่ 8 กันยายน ระบุว่า จากสถานการณ์ข่าวกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจัดกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ระหว่างวันที่ 17-19 กันยายน โดยมีสถานที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพฯที่อาจจัดกิจกรรม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะกรณีการจัดกิจกรรมของกลุ่มคนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการจัดเตรียมแผนและมาตรการการปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยพร้อมรายงานแผนให้ ผบช.น.ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กองบังคับการตำรวจนครบาล (บก.น.) 1, 5 และ 6 รายงานสรุปผลการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ว่าวันที่ 12 กันยายน เวลา 10.00 น. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อซักซ้อมการขี่รถจักรยานไปที่บริเวณแยกราชประสงค์ วนรอบพื้นที่การชุมนุมเดิม จะถึงแยกราชประสงค์เวลาประมาณ 16.00 น. จากนั้นเวลา   17.00 น. จะไปรวมกลุ่มกับนายนที สรวารี ซึ่งจัดกิจกรรมรำลึกถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง บริเวณลานอนุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินี


ตู่ นำทีมวางดอกกุหลาบหน้าคุก


รายงานว่า วันที่ 17 กันยายน เวลา 18.00 น. กลุ่ม นปช.นำโดยนายจตุพร นัดรวมตัวหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อวางดอกไม้ที่บริเวณหน้าเรือนจำ ส่วนกลุ่มที่มาร่วมไม่ได้ จะไปวางดอกไม้ที่หน้าเรือนจำที่มีการคุมขังของคนเสื้อแดง เวลา 10.00 น. กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ จะมาทำกิจกรรมที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร บก.น.4 รายงานว่า วันที่ 18 กันยายน เวลา 06.00 น. กลุ่ม นปช.นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นัดรวมตัวกันที่หน้าห้างอิมพิเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เพื่อตั้งขบวนแรลลี่เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ยอดประมาณ 50 คัน

วันที่ 19 กันยายน กลุ่ม นปช.ของนายสมบัติ ช่วงเช้ามีร่วมทำบุญเลี้ยงพระที่วัดหัวลำโพง เวลา 13.00 น. นัดรวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขี่รถจักรยานจากที่ชุมนุมไปยังแยกราชประสงค์เพื่อจุดเทียน วางดอกไม้ ปล่อยลูกโป่ง ส่วนผู้ที่ไม่ได้ร่วมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะไปรวมกันที่บริเวณแยกราชประสงค์เวลาประมาณ 17.00 น. 
   
อจ.มธ.จัดเสวนา4ปีรัฐประหารฯ


เวลา 07.00-10.00 น. กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอกระบบ นำโดยนายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และ อาจารย์วิภา ดาวมณี อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัว โดยมีกลุ่มนักศึกษาเข้าร่วมประมาณ 64 คน และประชาชนทั่วไปประมาณ 44 คน เวลา 13.00-16.00 น. กลุ่มอาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดยนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ จัดเสวนาในหัวข้อ  " 4 ปี รัฐประหาร 4 เดือนพฤษภาอำมหิต อนาคตสังคมไทย " ณ ห้องแอล 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  วันที่ 15 กันยายน เวลา 12.00 น. กลุ่ม นปช.ชัยนาท นำโดยนายสมเกียรติ ยศสกุล จัดเสวนาทางการเมือง ที่บ้านสุวรรณาการ์เด้นท์ หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยมีนายสุนัย จุลพงษ์ศธร นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เข้าร่วม

"ธาริต"แฉคนขับรถเสธ.แดงเปิดโปงแผน


ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีก่อการร้าย ว่าหลังดีเอสไอได้ตัวนายจักรชลัช หรือพล คงสุวรรณ คนขับรถ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พยานคดีก่อการร้าย และนำตัวเข้าสู่การคุ้มครองพยานในมาตรการพิเศษ ซึ่งนายจักรชลัชให้การที่เป็นประโยชน์อย่างต่อ

เนื่อง มีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังบุคคลหลายส่วน นอกจากนี้นายจักรชลัช นำชี้จุดที่มีการนัดพบเพื่อวางแผนการก่อเหตุความไม่สงบของกลุ่มชายชุดดำและจุดที่เป็นสถานที่รับเงินสนับสนุนให้ก่อความไม่สงบ อย่างไรก็ตาม นายจักรชลัชสมัครใจขอรับการคุ้มครอง โดยให้นำตัวไปไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง โดยไม่ประสงค์จะพักอาศัยในเซฟเฮาส์ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย กลัวว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าปิดปาก ซึ่งในส่วนของดีเอสไอได้จัดพนักงานสอบสวนตามประกบเพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัยและร่วมฟังการสอบปากคำนายจักรชลัชโดยตลอด


 "ดีเอสไอ"รับสาวบงการบึ้มภท.ยาก

ด้าน พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยว่า ภายหลังดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ที่ร่วมกันประกอบวัตถุระเบิดและนำไปใช้ก่อเหตุด้านข้างพรรคภูมิใจไทยนั้น ด้านการสอบสวนยังไม่มีข้อมูลขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งกรณีที่มีการระบุว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองนั้นก็เป็นเพียงรายงานข่าวที่ไม่สามารถหาข้อมูลมาสนับสนุนได้ เพราะจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธไม่ขอให้การพาดพิงบุคคลอื่น โดยรับสารภาพเพียงในส่วนที่ผู้ต้องหาแต่ละรายกระทำความผิด เช่น นายสุริยา ภูมิวงศ์ ผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกจับกุมให้การรับสารภาพเพียงว่า ใช้บ้านของนางวริศรียา หรืออ้อ บุญสม เป็นสถานที่ประกอบระเบิด ซึ่งคำให้การในส่วนนี้เสริมรับกับพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบพบสารประกอบระเบิด หรืออาร์ดีเอ็กซ์ ในบ้านของนางวริศรียา ทำให้หลักฐานในคดีค่อนข้างแน่นหนา


พ.ต.ท.พเยาว์กล่าวว่า การขยายผลไปถึงผู้บงการเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แม้ว่าก่อนหน้านี้นายกอบชัย หรืออ้าย บุญปลอด จะระบุให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์จากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือเพื่อขยายผลไปยังบุคคลอื่น แต่จากการตรวจสอบกลับไม่พบข้อมูลเชื่อมโยงถึงกลุ่มบุคคลที่ทางการข่าวระบุว่าเป็นคีย์แมนในการวางแผนก่อเหตุร้าย เนื่องจากซิมการ์ดที่ยึดได้เป็นซิมการ์ดโทรศัพท์ที่จดทะเบียนใช้ในประเทศกัมพูชา จึงไม่สามารถร้องขอให้ตรวจสอบข้อมูลการติดต่อสื่อสารได้ ส่วนซิมการ์ดโทรศัพท์ที่นางวริศรียาและนายกอบชัย เคยใช้ในประเทศไทย ผู้ต้องหาหักทิ้งก่อนจะเดินทางหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ซึ่งพนักงานสอบสวนติดต่อไปยังบริษัทผู้ให้บริการแล้ว อ้างว่าหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน ไม่ได้จดทะเบียน ดังนั้น บริษัทจึงเก็บข้อมูลไว้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น


 "เนวิน"ไม่หวั่นเป็นเป้าสังหาร

นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตกเป็นเป้าการลอบสังหารว่า รับทราบแล้ว จากนี้แล้วแต่เวรแต่กรรม  "คนเราเกิดมาก็ตัวเปล่า มาถึงขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็ไม่เป็นอะไร" เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ถูกมองว่าเป็นเป้านิ่ง นายเนวินกล่าวว่า " ไม่เป็นไร แต่ขอบคุณที่เป็นห่วง"  เมื่อถามย้ำว่า จะระวังตัวอย่างไรต่อไป เพราะตกเป็นเป้าแล้ว นายเนวินกล่าวติดตลกว่า "ก็พยายามหายใจเข้าไว้"


 แฉบึ้มหวังคง"พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"

รายงานข่าวจากแหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เบื้องต้นชุดสืบสวนสอบสวนคดีลอบวางระเบิดทั้ง 3 จุด พบว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณลานจอดรถสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11 หรือเอ็นบีที และไม่น่าจะใช่กลุ่มเดิมที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพราะขณะนี้ไม่มีศักยภาพพอ แต่น่าจะเป็นกลุ่มที่สร้างสถานการณ์หวังผลจากการให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานแวดล้อมให้แน่ชัด


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์