ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ...อยากทำอะไรให้เป็นของขวัญคนกรุง

การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่กำลังจะมีขึ้นในต้นปีนี้ ประชาชนจับตามองว่าจะมีใครเสนอตัวประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้งบ้างขณะนี้

สำหรับ 2 พรรคการเมืองใหญ่ มีการแถลงอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วก่อนส่งท้ายปีที่ผ่านมา ในส่วนของฝั่งฟากประชาธิปัตย์ ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบันลงป้องกันแชมป์ต่ออีกสมัย ตามความตั้งใจของเจ้าตัวที่ประกาศความพร้อมล่วงหน้ามาหลายเดือน ส่วนพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าประกาศส่งดาวเด่นลงสู้ศึกพ่อเมือง กทม.ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ก็ต้องรอดูกัน
   
แต่ไม่เพียงผู้สมัครพรรคใหญ่เท่านั้น ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้มี 2 ผู้สมัครอิสระ
 
ที่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อนใคร คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ นายโฆสิต สุวินิจจิต อดีตประธานกรรมการบริษัทสปริง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งช่วงปีใหม่มาดูกันว่า 3 ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อยากทำอะไรเพื่อคนกรุง

ปีใหม่นี้ขอมอบ"หัวใจ"และ"คำมั่นสัญญา"พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร “ปีใหม่นี้ผมคงไม่มีอะไรที่จะมอบให้พี่น้องประชาชนมากมายนัก ในช่วงเทศกาลปีใหม่ผมขอมอบความหวังว่าพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครและพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน จะมีความสุขกับกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัว มีความสุขอย่างรับผิดชอบ เพราะความปลอดภัยของทุกท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนหลังจากเทศกาลปีใหม่นั้น ผมไม่มีอะไรจะมอบให้พี่น้องประชาชนนอกจาก “หัวใจ” และ “คำมั่นสัญญา” หัวใจ คือ ผมในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมได้อยู่กับพี่น้องประชาชน ได้ผ่านทุกข์สุขร่วมกัน แม้จะเกิดเหตุการณ์วิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติทางการเมือง วิกฤติน้ำท่วม ผมยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ด้วยใจ ด้วยหัวใจที่รักพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง หัวใจของผมจะยังอยู่กับพี่น้องประชาชนตลอดไป
   
และ “คำมั่นสัญญา” คือ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้ทำงานหนักร่วมกับข้าราชการ ลูกจ้าง กับคณะผู้บริหาร กทม. ทุกคน เราทำงานหนักด้วยความเต็มใจ และคำมั่นสัญญาต่อจากนี้ไปคือผมจะยิ่งทำงานหนักมากขึ้น และในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหากได้รับเกียรติกลับมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้งหนึ่งผมก็จะยิ่งทำงานหนักมากกว่าเดิม ผมคงไม่มีอะไรนอกจาก “หัวใจและคำมั่นสัญญา” ที่จะให้แก่พี่น้องประชาชนครับ”

ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ...อยากทำอะไรให้เป็นของขวัญคนกรุง

อยากเห็นกรุงเทพฯ"เป็นระเบียบ-สะอาดตา"...1ปี เปลี่ยนแปลง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ปีใหม่นี้สิ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ และเป็นสิ่งที่ตนในฐานะผู้ที่จะขออาสาเข้ามาบริหารจัดการเมืองกรุง คืออยากจะทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะทุกวันนี้ ตั้งแต่เราเดินทางออกจากบ้านจะต้องพบเห็นสภาพแวดล้อม สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย สกปรกเละเทะ โดยเฉพาะเรื่องหาบเร่แผงลอย เนื่องจากที่ผ่านมาขาดคนที่เข้มงวด กล้าทำ กล้าตัดสินใจแก้ไข ส่วนหนึ่งก็เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็จะกลัวผลกระทบ ไม่ได้เสียง ทำให้ปล่อยปละละเลย ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับกรุงเทพฯมานานพ่อค้าแม่ค้าก็อยากขายของ คนที่ไม่ได้ขายของก็อยากเดินสบายอยากให้ผู้ว่าฯมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ หากได้เข้ามาทำงานตนจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยต้องมองหลักของความเป็นจริง ว่าเราทุกคนต้องมีอาชีพ ต้องมีรายได้ เลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัว ถ้าไม่มีอาชีพก็จะเกิดปัญหาสังคมตามมา แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลยจนเกินก็จะไม่เป็นระเบียบ สิ่งที่จะดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่ประกาศเป็นนโยบายคือ 1 ปีเปลี่ยนแปลง 4 ปีเรียบร้อย
     
พื้นที่ในเมืองที่ที่ทำการค้าค่อนข้างหายากนั้น จะทำพื้นที่เยาวราชเป็นจุดแรก
 
ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายบนทางเท้าและบนถนนก็มีรถจอดเต็มไปหมด มีวิธีที่แก้ปัญหาโดยย้ายผู้ค้าที่อยู่บนทางเท้าทั้งสองฝั่งถนนเข้าไปอยู่ในซอย ซึ่งจากการเดินลงพื้นที่สองข้างทางที่ไม่ใช่ซอยหลักเป็นส่วนที่สามารถจัดระเบียบได้ แล้วจัดระบบ แบ่งโซนแต่ละซอยขายสินค้าแต่ละประเภท เช่น ซอยขายสินค้าประเภทอาหาร ซอยเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่สำคัญจะต้องให้สิทธิคนกรุงเทพฯก่อน ภายใน 1 เดือนจะทำสำเร็จสำหรับจุดนี้ ปัญหาประชากรแฝงในปัจจุบันที่มีการปล่อยปละละเลยไม่บังคับใช้กฎหมายให้จริงจัง ทำให้มีคนต่างจังหวัดมาอยู่ในกรุงเทพฯเต็มไปหมด พ่อค้าแม่ค้าต่างจังหวัดที่ไม่ได้ย้ายทะเบียนเข้ามาก็ต้องรอ ต้องให้สิทธิคนกรุงเทพฯก่อน ถ้าอยากขายของในกรุงเทพฯก็ต้องย้ายเข้ามา ตนกล้าลงไปที่จะจัดระเบียบ นอกจากนี้ปัญหาการขายของบนทางเท้าในพื้นที่รอบนอกที่เป็นแหล่งชุมชนก็ต้องจัดระเบียบเช่นกัน ต้องประสานหน่วยงานรัฐที่มีที่ดินว่าง ขอใช้พื้นที่สร้างตลาด หาที่ให้เขาประกอบอาชีพ พอเป็นตลาดก็มีที่จอด เป็นระบบระเบียบ ส่วนที่ยังฝ่าฝืนขายบนทางเท้าอยู่ก็ต้องจับปรับอย่างจริงจัง และตัดปัญหามาเฟียได้ด้วย
     
นอกจากนี้ความเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดตาในกรุงเทพฯที่อยากให้เกิดขึ้นคือ สามารถแก้ปัญหาการบุกรุกคูคลอง
 
สามารถเพิ่มสวนสาธารณะริมคลองและไม่มีภาพของบ้านเรือนที่ไม่เป็นระเบียบบุกรุก และทำให้คลองสกปรกอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ได้ฟังผู้อำนวยการเขตพูดว่า “มีการบุกรุกอยู่กันมานานแล้ว แก้ไขไม่ได้” การพูดเช่นนี้คือการไม่รับผิดชอบ สิ่งที่เป็นหน้าที่ก็ต้องทำ แต่ต้องมีวิธีการ ต้องทำความเข้าใจกับผู้ที่บุกรุก ให้เขาเห็นว่าเราจะพัฒนาที่ดินริมคลองอย่างไร สร้างแฟลตที่อยู่อาศัยให้เขาเช่าได้อยู่ในที่เดิม ให้สิทธิเขาก่อน แทนที่จะอยู่เต็มกระจายริมคลองแบบเดิมก็ไปอยู่ในแนวสูง ถ้ามีทางออกให้แล้วเขาไม่ยอมก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นสิ่งที่ กทม. ปล่อยปละละเลยมานานแล้ว เมืองจึงไม่เป็นระเบียบและสกปรก รกรุงรัง จะถูกต่อต้านคัดค้านก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ถามว่าคนบุกรุกตั้งกี่พันคนจับไหวเหรอ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลยเพราะเราปฏิบัติตามหน้าที่ ทำตามกฎหมาย ตอนที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่ผมจับคดีผู้ค้าลำไยไป 5 หมื่นคน ก็ทำมาแล้ว เรื่องนี้เป็นการจัดระเบียบเมือง กทม. สามารถจัดการได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาได้ทำอย่างจริงจังหรือไม่ นอกจากนี้โครงการนำสายไฟฟ้าที่รกรุงรังทำให้เมืองดูไม่เป็นระเบียบ ก็ต้องนำลงดินให้หมด แม้เรื่องนี้จะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเป็นสิ่ง

ที่ทำได้ จะต้องมีการจัดเก็บภาษีให้ครบถ้วน เท่าที่กฎหมายให้อำนาจอยู่หากจัดเก็บอย่างครบถ้วนมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะมีงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการเมืองได้แน่นอน หากตนได้เป็นผู้ว่าฯกทม. ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองในเรื่องหลัก ๆ เหล่านี้ภายใน 1 ปีจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น.

"โฆสิต"มอบตัวเองเป็นของขวัญปีใหม่เตรียมมอบนโยบาย"กรุงเทพฯ24ชั่วโมง" "ผู้ว่าฯ3กะ"เพื่อคนกรุงเทพฯ

นายโฆสิต สุวินิจจิต ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้สมัครอิสระ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่จะถึงปีใหม่ 2556 นี้ ตนในฐานะว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอมอบตนเองพร้อมคณะทำงาน ภายใต้นโยบาย “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” หรือ “ผู้ว่าฯ 3 กะ” มุ่งให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 24 ชั่วโมง ในด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ความสะดวกสบายในการเดินทางตลอด 24 ชั่วโมง การประกอบอาชีพที่สามารถทำมาหากินได้ตลอด 24 ชั่วโมง การศึกษาที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และการบริการด้านสุขภาพที่ดีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ และคนไทยทั่วประเทศ ที่เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ของ กทม. ว่าที่ผู้สมัครฯ กล่าวต่อไปว่า สังคมกรุงเทพฯ เป็นสังคมที่มีวิถีชีวิต 24 ชั่วโมง เรามีคนไทยและคนต่างชาติเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง การให้บริการของกรุงเทพฯต้องทำ 24 ชั่วโมง ผู้ว่าฯ กทม.ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง หรือ “ผู้ว่าฯ 3 กะ” ที่สำคัญเราจะมี “ผู้ว่าฯ ภาคกลางคืน”
   
ซึ่งการทำงานแบบนี้เป็นรูปแบบการบริหารราชการที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลางที่แท้จริง อีกทั้งสังคมกรุงเทพฯ ในปัจจุบันก็เป็น 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว

เช่น ปากคลองตลาด ที่พ่อค้าแม่ค้าออกมาขายดอกไม้กันตั้งแต่ 2 นาฬิกา ตลาดไท ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน ก็มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจากทุกสารทิศนำผัก ผลไม้ และสินค้าการเกษตรอื่น ๆ มาจำหน่ายกันตั้งแต่เที่ยงคืน คนซื้อก็มีการเข้าไปจับจ่ายกันตลอดจนถึงเช้า คนทำงานบริการภาคกลางคืน เช่น พนักงานบริการตามคาเฟ่ ร้านอาหาร คนขับแท็กซี่ และอื่น ๆ ที่เขาทำงานกลางคืน นอนตอนเช้า ไม่สามารถทำธุระใด ๆ กับทางราชการได้เลยเพราะวิถีชีวิตไม่สอดคล้องกับเวลาราชการ หรืออยากจะทำก็ต้องลางานหนึ่งวัน แล้วหากทำไม่เสร็จภายในวันเดียวก็ต้องลางานเพิ่มอีกซึ่งเป็นการเสียโอกาส เสียรายได้ของเขา
   
การที่ผมมอบนโยบาย “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” ผู้ว่าฯ 3 กะ ผมปรารถนาให้คนกรุงเทพฯ ได้รับการบริการที่สะดวกสบายตลอดเวลา
 
เลิกงานตอนเที่ยงคืน หรือเวลาไหนก็สามารถมาใช้บริการกรุงเทพมหานครได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำบัตรประจำตัวประชาชน การย้ายทะเบียน หรือการจดทะเบียนสมรส ฯลฯ แต่ข้าราชการ ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติงานของ กทม. อย่าเพิ่งตกใจว่าต้องทำงานแบบ 24 ชั่วโมง นโยบายทำงาน 24 ชั่วโมงนั้นบริหารจัดการในรูปแบบการทำงานเป็น 3 กะ บริหารจัดการอัตรากำลังคน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกการทำงาน ให้สามารถรองรับความต้องการของคนกรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นการสร้างงานเพิ่มให้กับสังคมด้วย ส่วนรายได้หรืองบประมาณที่จะมาสนับสนุน “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” นั้น งบประมาณที่มีอยู่หากบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เพียงพอ
   
มากไปกว่านั้น ก็จัดให้มีนโยบายที่จะสร้างรายได้เพิ่มให้กับ กทม. ทั้งนี้เพราะหลายเรื่องกรุงเทพมหานครสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้

อาทิ การจัดทำของที่ระลึกจำหน่ายนักท่องเที่ยว ซึ่งความเป็น “นักบริหาร ประสานสิบทิศ” ของตน ที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจมากมาย ผ่านงานทางการเมืองในฐานะ “ที่ปรึกษา” ของรัฐมนตรีหลาย ๆ กระทรวง เกือบทุกพรรคในทุกรัฐบาล และยังเป็นที่ปรึกษาของกรรมาธิการ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา อีกทั้งยังเรียนหลักสูตรชั้นนำที่เป็นเครือข่ายระดับชาติ เช่น วปอ.2548, ปปร.12, วตท.12, พตส.3 และอื่น ๆ สามารถประสานการทำงานร่วมกับทุกกลุ่มทุกฝ่ายไม่ว่าจะในระดับนักการเมือง, ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ, ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน และผู้นำทางศาสนาทุกศาสนา ได้อย่างมีเอกภาพ
   
นอกจากนี้ยังจะมอบความโปร่งใส ไม่โกง ไม่กิน และสร้างแบบอย่างที่ดี แนวทางการบริหารงานกับข้าราชการในกรุงเทพมหานครด้วย

โดยนโยบายที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้บริหารไม่ต้องไปหาเศษหาเลย เช่น การจัดทำพวงหรีดแบบถาวรของผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อไว้อาลัยและให้เป็นเกียรติกับผู้เสียชีวิตและญาติมิตร เสร็จงานก็นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตามแนวทางนี้ทำแบบพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารไม่ต้องเสียกับค่าใช้จ่ายทางสังคมแบบนี้.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์