วิเคราะห์ชะตากรรมอภิสิทธิ์ หลังชนะศึกราชประสงค์ แต่ยังไม่แน่ ชนะสงครามเสื้อแดง?

หลังการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ยึดแยกราชประสงค์มายาวนานกว่า 2 เดือน


ด้านหนึ่ง ดูเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์ ชนะศึก    เพราะสามารถปิดล้อม บีบแกนนำสำคัญ นปช.มอบตัว   พร้อมรวบตัว"อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง"แกนนำสายฮาร์ดคอร์ ได้สำเร็จ


เป็นการชนะศึกครั้งสำคัญที่ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความมั่นใจมากขึ้น


ปฎิบัติการของทหาร ตั้งแต่ ตี 5  จนสลายการชุมนุม ได้เรียบร้อยในเวลา บ่ายโมง  น่าจะเป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง


แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทันที หลังชัยชนะของรัฐบาลก็คือ  จลาจลที่เกิดขึ้นทั่วกรุงเทพ และลามไปสู่ต่างจังหวัด


เมื่อมวลชนคนเสื้อแดงที่โกรธแค้นระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นความรุนแรง  ราวกับคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นหลังอาฟเตอร์ช็อก


เพียงครึ่งวันมีการวางเพลิง ทั่วกรุงเทพ 27  จุด   เช่น    1.  สยามพารากอน 2.สยามสแควร์ 3..ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด 4. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  5.  อาคารแห่งหนึ่งย่านบ่อนไก่ 6. ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย สาขาอโศก   7.  สำนักงาน ป.ป.ส.และร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น   8.ธนาคารกรุงเทพและสาขาธนาคารออมสิน สาขาดินแดง  9. อาคารมาลีนนท์และสถานีโทรทัศน์ช่อง 3  10.ธนาคารกรุงเทพ และห้างโลตัส พระรามสี่   11. การไฟฟ้านครหลวง สาขาคลองเตย 12.ธนาคารกรุงเทพ สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13.ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานเหลือง 14.ห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15. ธนาคารกสิกรไทย พระราม 4 เป็นต้น


ไม่เพียงความเสียหายที่เกิดขึ้นกลางเมืองหลวง  แต่ไฟแห่งความแค้นได้ปะทุไปในหลายจังหวัด   มีการเผาศาลากลางจังหวัดใน 3 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี และขอนแก่น  เหตุรุนแรงในขอนแก่น 

รุนแรงขนาด บุกจะเผาบ้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พรรคภูมิใจไทย  และมีการบุกเข้าไปจะวางเพลิงสถานีเอ็นบีที


"กรณ์ จาติกวณิช" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินความเสียหายขั้นต่ำ 50,000 ล้านบาท  แต่นี่เป็นเพียงความเสียหาย"วันแรก"เท่านั้น

 มิคสัญญีที่เกิดขึ้นกลางเมืองหลวง เกิดขึ้นเพราะกำลังทหาร และตำรวจ ไม่เพียงพอที่จะเข้าป้องกันเหตุร้าย


"ข่าวร้าย"ปลิวว่อนไปทั่วโลก   บรรยากาศในกรุงเทพ เสมือนฉาก " เสียกรุง"  ควันไฟทมึนดำไปทั่วท้องฟ้า


รบเพียงวันเดียวมีคนตายเพิ่ม 7 ศพ รวมกับ 7 วันที่แล้วก็เท่ากับ 43 ศพ ไม่นับบาดเจ็บอีก เกือบ 300 คน และตัวเลขความสูญเสียกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจ


สื่อต่างชาติ  วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในวันล้อมปราบว่า วันที่น่ากลัวที่สุด ยังมาไม่ถึง !!!!


แล้วที่สุด เมื่อรัฐบาลควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่  จึงได้มีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้านในกรุงเทพ ตั้งแต่ 20.00-06.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคม  ผู้คนแตกตื่นโกลาหลกลับบ้าน   

ตกค่ำ มีการประกาศเคอร์ฟิว เพิ่มอีก  23  จังหวัด  ในภาคกลาง เหนือ และอีสาน  สถานการณ์เหมือน"ไฟลามทุ่ง"


ในช่วงนี้เองที่กระแสข่าวรัฐประหารสะพัดไปทั้งเมือง  พร้อมกับความเคลื่อนไหวจาก กรมทหารราบ 11 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ว่า จะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ในค่ำคืนวันที่ 19 พฤษภาคม โดยกองกำลังจากป่าหวาย ลพบุรี


 เอาเข้าจริงแล้ว  มีคนมองว่า แกนนำ นปช. ไม่ควรลากสังคมไทยไปสู่ความหายนะ  เพราะรู้ทั้งรู้ว่า ศึกครั้งนี้ ไม่มีทางชนะ

   
แต่แกนนำ นปช. ก็ยังเลือกเดินหมากที่นำไปสู่ความตายและความคั่งแค้นของผู้คน


สำคัญที่สุดในศึกครั้งนี้ก็คือ ฟากรัฐบาลเองที่เชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังสงครามกลางเมือง  จึงเป็นที่มาของการลุยปิดล้อม โดยมีการยืนยันจากบิ๊กในกองทัพว่า "เอาอยู่"   

เช่นเดียวกับ คำมั่นจาก นายเนวิน ชิดชอบ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ให้ความมั่นใจว่า  อย่าห่วงคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด เพราะได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เรดโซนไว้อย่างมั่นเหมาะ

    
เมื่อมั่นใจเต็มร้อย !  นายอภิสิทธิ์ก็เดินหน้าสั่งลุยในทันที  แต่โอกาสบางทีก็กลายเป็นวิกฤต ได้เช่นกัน


มีคนมองว่า นับจากนาทีสั่งปิดล้อม"อภิสิทธิ์" ได้ทิ้งโอกาสที่ดีที่สุด ในช่วงวิกฤตให้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย


เพราะหากรัฐบาลและกำลังทหาร ควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่อยู่    สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ประการ คือ

หนึ่ง  เมื่อสถานการณ์บานปลาย เกินควบคุม อาจเกิดการรัฐประหาร 

สอง  พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว  ซึ่งทั้งสองสถานการณ์ย่อมนำสู่คำตอบเดียวคือ  รัฐบาลอยู่ไม่ได้


นี่คือ ชะตากรรมของ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่ตกอยูในสถานการณ์" ชนะศึก แต่แพ้สงคราม"?


 เส้นทางเดินของผู้นำหนุ่ม นับจากนี้ไปมีทางเลือกไม่มากนัก  เขาอาจต้องยุติบทบาททางการเมือง และอาจต้องหอบลูกเมียไปอยู่ต่างประเทศ


เพราะความโกรธแค้นอย่างรุนแรงของคนเสื้อแดง  คือ ความเสี่ยงของนายอภิสิทธิ์  ทุกเสี้ยวนาที


 และไม่ใช่แค่"อภิสิทธิ์"เท่านั้นที่อยู่อย่างสงบได้ยาก  แต่ขุนพลพรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคนก็ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ในทางการเมือง


 จะว่าไป คำเตือนเรื่อง ชนะศึก แต่แพ้สงคราม  มีผู้หวังดี เตือนเขาด้วยความปรารถนาดี แต่เพราะนายอภิสิทธิ์ ... ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง


อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการผู้นำรัฐบาลคนหนึ่ง มองต่างมุมว่า  สถานการณ์อาจไม่เลวร้าย  หากปราบปรามได้อยู่หมัด  ประชาชนพึงพอใจที่รัฐบาลนำความปกติกลับมาสู่สังคมอีกครั้ง


หากบทวิเคราะห์ที่ปรึกษาถูกต้อง  ย่อมทำให้นายกฯอภิสิทธิ์เกิดความมั่นใจ ยิ่งขึ้นไปอีก


ทว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร  ขอให้จับตาดู ค่ำคืนวันที่ 19 พฤษภาคม และวันพรุ่งนี้ว่า จบจริง หรือไม่ ?


ถ้าไม่จบ "อภิสิทธิ์"ก็จบ ???   


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์