วิระยา-เสธ.แดงรุมชี้ สนธิลิ้มเพี้ยน

"วิระยา ชวกุล" ชี้"สนธิลิ้ม" เพี้ยนแถลงกำกวมให้เข้าใจว่าเกี่ยวข้องด้วย "เสธ.แดง"

ผสมโรงระบุเบลอแน่ๆ กล่าวหาทหารยศจ.ส.อ. ยิงถล่ม ถามกลับรู้ได้อย่างไร ตอนยิงแสดงบัตรประจำตัวให้ดูหรือ สงสัยผลจากไฟฟ้าในสมองขาดไป 2 เส้นเลยเบลอ รองโฆษกทบ.ยันอีก ผบ.ทบ.ไม่นิ่งนอนใจ ถ้าทหารเกี่ยวข้องจริงดำ เนินการได้เลยเต็มที่ "ธานี"แจงยังไม่รู้เรื่องจะจับทีมยิงกลางพ.ค.นี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของสนธิเอง

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิ สิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แถลงถึงการถูกยิงถล่มเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นฝีมือทหาร และมีการลงขันกันจากหลายฝ่ายว่า เราไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามว่านายสนธิระบุว่าเมื่อตัวเขาไม่ปลอดภัย นายกฯก็อยู่ในภาวะไม่ปลอดภัยเช่นกัน นายกฯกล่าวว่า มีหลายคนอยู่ในเป้าหมายของกลุ่มคนที่ใช้ความรุนแรง รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดการกระทำเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เมื่อถามว่าท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระบุนายกฯต้องทำคดีนายสนธิอย่างตรงไปตรงมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่เคยหยุดเลย ตนคุยกับฝ่ายตำรวจและถามว่าหนักใจหรือไม่ถ้าพบว่าใครที่มีอำนาจหรืออิทธิพล ตำรวจยืนยันว่าไม่หนักใจเพราะทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา และตนขอให้เดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ตำรวจรายงานความคืบหน้าการหาตัวผู้กระทำผิดกับตน แต่ต้องให้มั่นใจ เพราะถ้าจับกุมแล้วต้องไม่ผิดคน

เมื่อถามว่าตำรวจเคยระบุจะทราบตัวคนร้ายใน 7 วัน แต่ตอนนี้เลยเวลามาแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถามเรื่องนี้กับพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ผู้ดูแลคดีนี้

ได้คำตอบว่าพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. พูดเรื่อง 7 วันเพราะอาจมีข้อมูลในส่วนของเขา แต่ต้องมั่นใจจึงจะดำเนินการ ต่อข้อถามว่านายสนธิระบุคนร้ายเป็นทหาร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายสนธิพูดเองว่าทหารที่ว่านี้อาจเป็นทหารที่ถูกฝึกหรือถูกจ้างวาน ซึ่งยังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ แต่ตำรวจต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การที่นายสนธิพูดก็พยายามระบุว่าไม่เกี่ยวกับกองทัพ แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร จะเป็นทหารหรือไม่นั้น ตำรวจบอกแล้วว่าไม่หนักใจ เมื่อถามว่าสิ่งที่นายสนธิพูดข้อมูลตรงกับนายกฯได้รับรายงานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟังรายละเอียด

ที่บก.ทบ. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกทบ. กล่าวถึงกรณีนายสนธิระบุมีทหารเกี่ยวข้องกับการยิงถล่มว่า ที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงทบ.ที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธาน ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ ทหารไม่มีส่วนเกี่ยว ข้องในการตรวจสอบ ต้องรอผลการสอบ สวน ทั้งนี้กองทัพไม่สามารถระบุได้ว่าใครยิง แต่กองทัพยึดถือกฎหมายเป็นหลัก หากใครผิดต้องดำเนินการ เพราะไม่ปกป้องคนชั่ว อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องกระสุนปืนเอ็ม-16 ที่ระบุว่าเป็นของกองทัพนั้น เป็นเพียงข่าว ขณะนี้ตำรวจทำหนังสือถึงกองทัพให้ช่วยตรวจสอบว่าเป็นกระสุนของหน่วยใด ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุพล.อ. อนุพงษ์สั่งการเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก และเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ


พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ ทรงคุณวุฒิทบ. กล่าวถึงการแถลงของนายสนธิว่า น่าจะเกิดจากอาการเบลอ จากที่ถูกอาวุธสงครามถล่ม

อีกทั้งสายไฟฟ้าในสมองขาดไปสองเส้นทำให้เกิดอาการสับสน ที่บอกว่าทหารยศจ.ส.อ.ยิง อยากถามว่านายสนธิรู้ได้อย่างไร ก่อนยิงตรวจบัตรประจำตัวก่อนหรือไม่ อีกทั้งวิเคราะห์ว่าทหารในทีม 4 คนถูกเก็บ เพราะเกรงจะสาวมายังผู้บงการ ก็เป็นไปไม่ได้

"ปกติถ้าทหารปฏิบัติตามคำสั่งไม่สำเร็จผู้บังคับบัญชาเขาไม่สั่งฆ่า แต่จะให้ไปทำให้สำ เร็จในครั้งต่อไปมากกว่า ส่วนที่พาดพิงท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล คงออกความเห็นไม่ได้ แต่ถ้าจะเปรียบเทียบให้ฟังเป็นนิยายนกแก้ว 3 ตัวเรียงกัน นกแก้ว 2 ตัวที่อยู่ขนาบข้างจะเป็นนกแก้วไม่มีราคา แต่ตัวที่มีราคาแพงจะไม่พูด เวลาจะทำอะไรนก 2 ตัวที่ขนาบข้างจะถามว่า "เอายังไงลูกพี่" ผมคงพูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะล่อแหลม" เสธ.แดงกล่าว

วันเดียวกันท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประ ธานกรรมการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เปิดบ้านน้อย บ้านพักซอยศรีอยุธยา 5 ให้สัมภาษณ์

ทุกวันนี้ได้รับกำลังใจจากเพื่อนฝูงคนรู้จักแสดงความเป็นห่วงตลอดทั้งวัน ต้องขอบคุณนายสนธิที่พาดพิงถึงหลายเรื่อง จนทำให้มีโอกาสเปิดอกคุยกับสื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจคำพูดหรือรายการเอเอสทีวีด้วยซ้ำ
ยืนยันว่าไม่ได้ตกอับถึงขั้นขอเงินพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านฐานะดี ร่ำรวยที่ดิน ซอยศรีอยุธยา 5 ทั้งซอยเป็นของคุณแม่

"ที่โยงว่าพี่เกี่ยวข้องกับการสังหาร อย่างคุณสนธิที่เลื่อนการแถลงข่าวหลายครั้ง และที่แถลงข่าวก็พูดเหมือนว่าพี่เกี่ยว แต่พูดอีกทีก็บอกว่าไม่เกี่ยว ไม่ทราบว่าถูกยิงที่สมองจนเพี้ยนหรือเปล่า ถึงพูดจากำกวมเช่นนี้"
ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าว

ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวอีกว่า ดูจากวิธีการที่คนร้ายยิงนายสนธิ ต้องเป็นฝีมือคนระดับชาติ ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ เช่นตน ที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง


ขนาดไปกินข้าว กุ้งเป็นๆ ยังไม่ฆ่าเลย จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร และไม่เชื่อเป็นฝีมือพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาด้วย ตนรู้จักพล.อ.อนุพงษ์มาตั้งแต่ติดยศร้อยโท รู้ดีว่านิสัยเป็นคนอย่างไร ขนาดปฏิวัติยังไม่ทำ ตอนเกิดม็อบก็กำชับไม่ให้ทหารฆ่าประชาชน จึงไม่ทำแน่นอน ตนเชื่อในกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรต้องได้อย่างนั้น และมั่นใจว่านายสนธิต้องทราบดีว่าใครยิง เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาป้ายความผิดให้ตนด้วย

ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวต่อว่า กรณีท่านผู้ หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขาธิการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ทำหนังสือชี้แจงว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พร้อมกับโจมตีเรื่องโครงการเสื้อฟ้านั้น ยอมรับตนกับท่านผู้หญิงจรุงจิตต์มีปัญหาส่วนตัวกัน ส่วนเรื่องเสื้อฟ้าเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี2547 โครงการนี้ตั้งใจทำเพื่อหารายได้ถวาย ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา โครงการนี้ใช้เงินส่วนตัวของตนทั้งหมด โดยทำทั้งหมด 2 ล้านตัว ก่อนทำขอพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ สก แต่ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์บอกว่าอย่าทำเลย เพราะพระนามาภิไธยย่อ สก ไม่เคยพระราชทานให้ใคร ทรงหวง ตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณบอกกับตนว่าทำแล้วจะช่วยขายอีกแรง ตนอยากเห็นโครงการเกิดขึ้นเพราะอยากเห็นทุกคนใส่เสื้อฟ้า

ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวด้วยว่า ต่อมาท่าน ผู้หญิงจรุงจิตต์ทำจดหมายถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้รับฎีกาว่ามีการบังคับซื้อเสื้อ

ทำให้ชาวบ้านที่มีรายได้น้อยเดือดร้อน ตนมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงถามว่ารู้เรื่องหรือไม่ ตนถวายคำชี้แจงว่าทราบแต่ยืนยันไม่ได้บังคับใคร คนซื้อเพราะรักในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงยืนยันกับพระองค์ท่านว่าจะเดินหน้าทำต่อไปแม้ว่าจะมีอุปสรรค หากหยุดก็ต้องมาจากคำสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเท่านั้น ยืนยันเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการขายเสื้อยังอยู่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้ท่านผู้หญิงวิระยา โชว์สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อมูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ (เสื้อ) ยื่นให้ผู้สื่อข่าวดู และกล่าวว่า รอให้ทางวังแจ้งกำหนดการเข้าเฝ้าฯ ตนจะนำเข้าไปถวาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกท้อ จึงตัดสินใจเข้ากราบบังคมทูลลากับสมเด็จพระนางเจ้าฯ ด้วยตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่ขอตามเสด็จฯ และไม่ทำงานพวกนี้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะถูกไล่ออกจากวัง เป็นเรื่องที่ตนแสดงความประสงค์เอง เรื่องที่นายสนธิกล่าวหานี้ทำให้ตนเสียหายมาก ที่ผ่านมาตนทำงานใด มักมีอุปสรรค จึงทำให้เข้าใจหัวอกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แม้จะรู้ว่ามีอุปสรรคใหญ่หลวงแต่ก็ยังพยายามทำต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์