รัฐบาลล่าชื่อส.ส.-ส.ว.ดันตั้งส.ส.ร.3


รัฐบาลเดินหน้าล่าชื่อ ส.ส.และ ส.ว.ดันตั้ง ส.ส.ร.3 อาทิตย์นี้ ยันไม่ใช่ชนวนความขัดแย้ง แต่เป็นทางออกตามระบอบประชาธิปไตย ไม่หวั่น พธม.ล้อมกรอบสภารอบ 2 ด้าน ปชป.ตั้งเงื่อนไขเข้าประชุมสภา ลั่นไม่ร่วมแก้ รธน.จนกว่าจะรับผิดชอบเหตุการณ์สลายม็อบวันที่ 7 ต.ค. ก่อน ส่วนโฆษกรัฐบาลเย้ยโหร คมช.ทำนายมั่วไม่ถูกสักครั้ง จี้ต่อมสำนึกรับผิดชอบที่พูดให้สังคมหวาดระแวง เหน็บแค่พวกอย่างดังสร้างชื่อให้ตัวเอง ด้านสภาสูงยังฟัดกันไม่เลิก “ไพบูลย์” แฉ “นิคม” อยากเสียบแทน “ประสพสุข” ขู่หาช่องทางถอดถอนจากเก้าอี้ ด้าน “นิคม” ย้อนเข้าใจหลักการบริหารหรือเปล่าก่อนจะมาถอดถอน ขณะที่เลือกตั้งซ่อมเขต 11 ปชป.พลิกชนะ พปช.


วอนฝ่ายค้านผ่าน“เจบีซี”เพื่อชาติ

 
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีความวุ่นวายในวุฒิสภาว่า ตนยังไม่ได้รับทราบข่าวสารเรื่องนี้มากนัก ถ้าเป็นการเมืองก็ต้องว่ากันไปตามเกม ในวันที่ 28 ต.ค. ถือเป็นวันสำคัญที่รัฐสภาจะพิจารณากรอบเจรจาเจบีซี จึงอยากเชิญชวนและวิงวอน ส.ว. และฝ่ายค้าน  มาร่วมพิจารณาเรื่องดังกล่าวเราจะได้ไม่ตกเป็นรองใคร ฝ่ายค้านมีประสบการณ์เยอะแยะน่าจะมาช่วยกัน ถ้าไม่มีกรอบดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ ผมเชื่อว่าที่ผ่านมากัมพูชาหงุดหงิดเพราะเขาเชิญประชุมเราไปไม่ได้เพราะ  ยังไม่มีกรอบ วันนี้มาช่วยเรื่องชาติบ้านเมืองก่อน เรื่องการเมืองค่อยว่ากัน
 
นายสมพงษ์กล่าวกรณีกลุ่มพันธมิตรฯขู่จะปิดล้อมรัฐสภาอีกครั้ง หากมีการนำญัตติแก้ไขมาตรา 291 เข้าพิจารณาว่า ไม่เป็นปัญหา เรื่องทางการเมืองก็ว่ากันไป แต่เรื่องชาติบ้านเมืองกับเรื่องการเมืองต้องแบ่งแยกกัน เมื่อถามว่าจะเรียกร้องอย่างไรให้ฝ่ายค้าน และ 40 ส.ว. รวมถึงพันธมิตรฯให้ความร่วมมือในการตั้ง ส.ส.ร.3 นายสมพงษ์กล่าวว่า วันนี้ต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละทาง แต่ตนไม่คิด อยากทำเรื่องไทย-กัมพูชาก่อน


ดันตั้ง ส.ส.ร.3 อาทิตย์นี้
 
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการ    ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานว่า คณะกรรมการได้วางกรอบ และยกร่างแก้ไขเสร็จแล้ว โดยในช่วงนี้จะเป็นขั้นตอนในการนำเข้าสู่การพิจารณาของวิปรัฐบาล เมื่อเห็นชอบแล้วก็จะนำสู่การลงชื่อของสมาชิกรัฐสภา เพื่อเสนอให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม มั่นใจว่าสัปดาห์นี้ขั้นตอนเหล่านี้จะเสร็จสิ้น อยู่ที่   ว่าประธานรัฐสภาจะบรรจุระเบียบวาระได้เมื่อใด เท่านั้น มั่นใจทันสมัยประชุมนี้
 
นายสุขุมพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมรัฐสภาในวันที่ 28 ต.ค. ที่ประชุมจะพิจารณาเกี่ยวกับกรอบที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเท่านั้น จะไม่มีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ คปพร.ที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ เสนอเข้ามา อาจจะเรียกว่าแขวนหรือไม่หยิบมาพิจารณาเลยก็ได้ เพราะเราต้องการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 เท่านั้น


ไม่หวั่น พธม.ล้อมสภาอีกรอบ

 
เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เสนอให้พักเรื่อง ส.ส.ร.3 เอาไว้ก่อน เพราะเกรงจะเป็นการจุดชนวนความรุนแรงเพิ่มขึ้น นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่สามารถเสนอได้ แต่ยืนยันว่า ส.ส.ร.3 ไม่ใช่ชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้ง แต่เป็นทาง  ออกตามระบอบประชาธิปไตย
 
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านและ ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วย จะทำให้เกิดข้อครหารัฐบาลใช้เสียงมากลากไปหรือไม่ นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า การลงมติไม่จำเป็นต้องใช้เสียงสมาชิกรัฐสภา 100% เอาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ก็พอ และไม่ต้องกังวลอะไร เพราะปกติฝ่ายค้านก็ไม่เคยเห็นด้วยกับรัฐบาลอยู่แล้ว จะเห็นด้วยก็ต่อเมื่อตัวเองได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น ส่วนที่เกรง   ว่าม็อบพันธมิตรฯจะมาปิดล้อมรัฐสภาอีกนั้น เราคงห้ามเขาไม่ได้ แต่เขาก็ห้ามเราไม่ได้เช่นกัน  ศาลปกครองมีคำสั่งแล้วว่าการชุมนุมห้ามใช้ความรุนแรง เขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล


ปชป.ตั้งเงื่อนไขเข้าประชุมสภา

 
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธาน วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาในวันที่ 28 ต.ค. ว่า นอกจากข้อตกลงชั่วคราวในการเจรจาไทย-กัมพูชาที่จะเข้าสู่วาระการประชุมแล้ว ยังมีประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร. ที่อยู่ในวาระการประชุมด้วย วิปฝ่ายค้าน จะรอดูท่าทีของวิปรัฐบาลในวันที่ 27 ต.ค.ว่า จะเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างไร เพราะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เคยยืนยันในที่ประชุม 4 ฝ่ายว่า รัฐบาลจะคว่ำร่างนี้เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อจัดตั้ง ส.ส.ร.คิดว่านายกฯคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้
 
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวต่อว่า รัฐบาลอาจใช้วิธีดองเค็มด้วยการนำร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ส.ส.ร. ต้องยอมรับว่ารัฐบาลสามารถพูดคุยกับกลุ่มของ นพ.เหวงได้อยู่แล้ว ฝ่ายค้านยืนยันว่าจะเข้าทำหน้าที่ในการประชุมร่วมรัฐสภาอย่างแน่นอน เว้นแต่ว่าจะมีการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา และมีการสลายการชุมนุมอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ฝ่ายค้านคงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้


ชี้ ม.291 ไม่ใช่ทางออก
 
สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 นั้น ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ฝ่ายค้านคงชี้ให้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ไม่ใช่ทางออกสำหรับการเมืองในปัจจุบัน และยืนยันว่าก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาก่อน ถ้ารัฐบาลยังดึงดันจะเดินหน้า นอก จากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ยังจะเป็นชนวนที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นด้วย
 
นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายการ    “ความจริงวันนี้” จะไม่ถ่ายทอดสดการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะนำเทปมาออกในวันหลังว่า เป็นเรื่องประหลาดที่ผู้ดำเนินรายการมีอำนาจมากมายที่จะให้ใครหรือไม่ให้ใครออกโทรทัศน์ของรัฐก็ได้ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็นิ่งเฉย จึงอยากให้แสดงความรับผิดชอบในความเป็นเจ้าของสถานี อย่าให้ใครเอาไปสร้างความวุ่นวาย ถ้าปล่อยอย่างนั้นก็ลาออกไปดีกว่า


จวกโหรทำนายไม่รับผิดชอบ

 
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนาย วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังออกมาทำนาย ว่าอีก 2-3 วันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองว่า เท่าที่จำได้นายวารินทร์เคยออกมาแสดงความเห็นเป็นคำทำนายหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักไม่ ตรงกับคำทำนาย การออกมาทำนายของคนที่มีอาชีพโหรมีสิทธิที่จะทำได้ เพียงแต่จะต้องมีความรับผิดชอบและมีสำนึกที่ดีต่อบ้านเมือง ไม่ใช่ออกมาทำนายทำให้ผู้คนเกิดความวิตกกังวล
 
“ที่บอกว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้รัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงวันที่ 1 พ.ย.นั้น ก็อยากจะถาม ว่าหากไม่เป็นไปตามคำทำนายจะรับผิดชอบอะไรหรือไม่ หรือดีแต่ออกมาพูดจนทำให้เกิดความสับสนของคนในสังคม แต่ไม่ว่าคำทำนายนั้นจะจริงหรือไม่จริง ตอนนี้ทุกคนก็คงจับตามองโหรวารินทร์อยู่ เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเห็นความ   รับผิดชอบดังกล่าวของบรรดาโหรที่ทำนายทาย ทักผิด ๆ” นายณัฐวุฒิกล่าว


เย้ยโหรแค่พวกอยากสร้างชื่อ

 
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า คำทำนายของนายวารินทร์เมื่อพิจารณาแล้วแยกออกได้ 2 ประเด็น คือ 1.อาศัยเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ บวกกับกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ นายวารินทร์ต้องการสร้างผล งานให้เป็นที่รู้จัก และ 2.นายวารินทร์อาจไปจำข้อมูลของคนใกล้ชิดหรือลูกศิษย์ที่มีการพูด   และวิเคราะห์ แล้วออกมาเป็นคำทำนาย ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ได้
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และเลิกตั้ง ส.ส.ร.3 นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลบอกมาตลอดว่า การยุบสภาไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา แม้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ปัญหาก็ไม่ยุติ กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศชัดเจนว่าถ้ายังได้คนที่ไม่ต้องการกลับเข้ามาก็จะชุมนุมประท้วงต่อไป จึงอยากเรียกร้องทุกฝ่ายเคารพระบอบรัฐสภา ทุกอย่างจะได้เดินหน้าต่อไปได้ และเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ การคืนอำนาจให้ประชาชนก็ไม่ใช่เรื่องยาก


แฉ“นิคม”อยากเป็นปธ.วุฒิฯ
 
ส่วนการเมืองอื่นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ระบุว่าไม่มีเจตนาที่จะเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนนาย ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่งว่า ไม่น่าจะจริง เพราะตนได้ถามนาย   นิคมถึงข่าวจะชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาใช่หรือ ไม่ นายนิคมได้ตอบอย่างขึงขังว่า จะถอดถอนประธานวุฒิสภา และการประชุมวุฒิสภาที่ผ่านมานายนิคมได้อภิปรายโจมตีนายประสพสุขอย่างรุนแรง
 
นายไพบูลย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบฝ่ายนายนิคมเตรียมเดินหน้าถอดถอนนายประสพสุข โดยยกเรื่อง ส.ส.ร.3 มาเป็นเหตุ หากไม่ได้ก็จะ  ระดม ส.ว. เคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้นายประสพสุขผ่านการประเมิน ซึ่งในวันที่ 27 ต.ค. กลุ่ม 40 ส.ว. จะประชุมเพื่อพิจารณาการกระทำของนายนิคม เพื่อถอดถอนจากตำแหน่งเช่นกัน เพราะเห็นว่าการตั้งตนล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของรองประธานวุฒิสภา หากนายนิคมจะทำควรลาออกจากตำแหน่งก่อน และจะหารือถึงมาตรการเพื่อปกป้องประธานวุฒิสภา


โต้“ไพบูลย์”พูดไม่ตรงข้อเท็จจริง
 
ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวถึงการตอบโต้กรณีที่นายไพบูลย์ระบุว่า เป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อ ถอดถอนประธานวุฒิสภาว่า ตนเจอนายไพบูลย์หลังการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) นายไพบูลย์มาสอบถามกับตนว่าได้ยินข่าวว่าจะมีการถอดถอนนายประสพสุข ตนก็ได้ ตอบไปว่า ได้ยินข่าวมาเช่นกัน แต่ไม่เชื่อว่าจะมีใครลงชื่อถอดถอนประธานวุฒิสภา และเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาตนก็ได้คุยกับนายประสพสุขก็เข้าใจและยังบอกว่า อยากให้ปัญหาภายในวุฒิสภา  ยุติลง ตนจึงยืนยันไปอีกครั้งว่าการลงชื่อของ 64 ส.ว. ไม่ใช่เป็นการกดดันการทำงานของประธานวุฒิสภา แต่ที่ร่วมลงชื่อเพราะต้องการให้มีการแสดงจุดยืนและดำรงความเป็นกลางให้มากที่สุด
  
ส่วนกรณีที่จะมีการถอดถอนตนออกจากตำแหน่งนั้น นายนิคมกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ขอถามกลับไปว่ากลุ่ม 40 ส.ว. เข้าใจหลักการบริหารบ้างหรือไม่ ทุกอย่างที่ทำ ไปเป็นไปตามคำสั่งของประธานวุฒิสภา สิ่งที่นายไพบูลย์พูดออกมาจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง การปกป้องประธานวุฒิสภาสามารถทำได้แต่อย่าเอาเรื่องที่ไม่รู้เอาออกมาพูด และอย่ามากล่าวหาว่าตนทำโดยพลการ


เลือกตั้งซ่อมเขต 11 โหรงเหรง

 
สำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 11 แทนนายสุธา ชันแสง อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพนั้น นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.  ได้เดินทางไปตรวจหน่วยเลือกตั้ง ภายหลังนายประพันธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนมาใช้สิทธิกันบางตา ไม่แน่ใจว่าจะถึง 50% หรือไม่ เพราะช่วงเช้าได้มีฝนตกหนักมาก
 
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเขต 11 ก็มีประชาชนมาใช้สิทธิกว่า 70% แต่ครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าจะมาใช้สิทธิกันมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นการเลือกตั้งซ่อม ประกอบกับการเมืองกำลังวุ่นวาย อาจทำให้ประชาชนเบื่อการเลือกตั้ง สำหรับเรื่องการร้องเรียนทาง กกต. ยังไม่มี หากไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต. จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ภายใน 7 วัน 


ปชป.พลิกชนะ พปช.ฉิวเฉียด

 
นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผอ.กต. กทม. เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 11 อย่างไม่เป็นทางการว่า ผลการเลือกตั้งปรากฏว่านายวัชระ เพชรทอง ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 49,346 คะแนน นายแสวง ฤกษ์จรัล ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคพลังประชาชน ได้ 42,537 คะแนน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 338,433 คน ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิ   เพียง 99,123 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เพียง 29.29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น


ติงรัฐประเมิน ศก.ผิดพลาด
 
วันเดียวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ออกรายการ “รัฐบาลของประชาชน”ว่า นายโอฬารพูดถึง 6 มาตรการแก้วิกฤติที่เคยออกมาแล้ว โดยอ้างว่าจะนำมาซึ่งเม็ดเงินที่จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบถึง 1.2 ล้านล้านบาท แต่ที่จริงเป็นเงินเก่าที่อยู่ในระบบอยู่แล้ว การแก้ปัญหาเร่งด่วนกลับไม่มีการพูดถึงรายละเอียด บอก   แต่เพียงว่าจะมีการหารือกันในที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้าเท่านั้น
 
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว อีกว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือมีการประเมินว่าวิกฤติเศรษฐกิจในโลกไม่มีผลกับไทย มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลคิดขึ้นในระดับมหภาคจะสามารถป้องกันไม่ให้ไทยต้องรับผลต่อวิกฤติการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการประเมินที่ผิด เพราะราคาสินค้าการเกษตรทุกประเภทที่มีการปรับลดลงมา เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก


ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ ปชช.

 
ด้านนายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเพียงแค่ 3 เรื่อง คือ เพิ่มการส่งออกและการท่องเที่ยว การเร่งรัดงบประมาณรายจ่าย และเมกะโปรเจคท์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เม็ดเงินในภาคเศรษฐกิจขณะนี้ไม่ใช่เม็ดเงินใหม่ แต่เป็นเม็ดเงินเดิมที่มีการคาดหมายกันอยู่แล้ว ตนจึงไม่คาดหวังอะไรมากจาก 6 มาตรการนี้
 
นายสรรเสริญกล่าวต่อว่า เมกะโปร เจคท์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ 3 เรื่อง คือ รถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน การขนส่งทั่วประเทศ และพลัง งาน เป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน แต่ตนเห็นว่ามาตรการ เมกะโปร เจคท์ไม่ได้มีแค่ 3 เรื่องเท่านั้น แต่ยังมีโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ทรัพยากรน้ำ การศึกษา สาธารณสุขและที่อยู่อาศัย ที่สำคัญไม่ได้ลงทุนเฉพาะ ปีนี้ปีเดียว แต่จะต้องลงทุนทั้งหมด 4 ปี จึงไม่ใช่งบประมาณแค่ 3.5 แสนล้านบาท ตามที่รัฐบาลระบุ แต่ทั้ง 4 ปีจะเป็นเงินถึง 1.8   ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการกู้เงินถึง 1 ล้าน    ล้านบาท


ข้องใจจะกู้เงินจากไหน

 
นายสรรเสริญกล่าวต่อว่า คำถามคือรัฐบาลยังยืนยันที่จะทำเมกะโปรเจคท์ทั้งหมดหรือไม่ หากจะเดินหน้าจะต้องตอบให้ชัดเจนว่านำเงินกู้มาจากที่ไหน และจะกู้แหล่งละเท่าไหร่ เพราะตนเป็นห่วงว่าถ้ากู้ภายในประเทศที่มีสภาพคล่องทางการเงินอยู่แค่ 7 แสนล้านบาท จะกระทบกับสภาพคล่องของการดำเนินธุรกิจในภาคเอกชนหรือไม่ ถ้าจะกู้จากต่างประเทศสถาบันการเงินชั้นนำของโลกล้วนแต่มีปัญหา ส่งผลทำให้กู้เงินได้ยากขึ้น และมีต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย
 
สำหรับปัญหาสภาพคล่องต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงในประเทศนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมายืนยันว่า สภาพคล่องมีเพียงพอนั้น ความจริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ แต่อยู่ที่ธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่


สวด“โอฬาร”ทำงานเป็นเต่า

 
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษก ปชป.ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่รับฟังการชี้แจงของนายโอฬารถึงการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรโดยเฉพาะราคาข้าวตกต่ำ ถือว่านายโอฬารไม่มีความเข้าใจในวิถีชีวิตของเกษตรกรปัจจุบัน การที่จะให้ชาวนาเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางก่อน ปัจจุบันไม่สามารถทำได้เพราะชาวนาไม่มียุ้งฉาง อีกทั้งยังถูกเอาเปรียบเรื่องการวัดค่าความชื้น และการโกงตาชั่ง ซึ่งจากราคาที่รัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวตันละ 12,000 บาท แต่เมื่อถูกโกงเรื่องค่าความชื้นและตาชั่งแล้วจะเหลือตันละ 7,300-7,600 บาท อยากขอให้รัฐบาลเร่งมาดูแลเรื่องนี้ มิฉะนั้นจะเกิดม็อบชาวนามาปิดถนนแน่นอน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์