รัฐชูเรียนฟรี15ปี-เบี้ยยังชีพฯผลงาน

นายกฯ"อภิสิทธิ์ เวชชชีวะ" แจงผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน เรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพคนแก่ 500 บาท ค่าตอบแทนอสม. 600 บาท ระบุ ศก.ไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

(6ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.10 น. มีการแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน ที่ตึกสันติไมตรีไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  แถลงว่า ให้ย้อนกลับไปปลายปีที่แล้ว ธ.ค. 51 เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในสังคมมีความทุกข์วิตกกังวล ทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ลามจากต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนต.ค.51 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ วิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง ต่อเนื่องยาวนานมาหลายปีซึ่งมองไม่เห็นทางออกในวันนั้น ไม่มีใครกล้าตั้งความหวังว่าประเทศจะเดินไปทางใด ตนรู้ว่าวิกฤตที่จะแก้ไขไม่ง่าย การเมืองรุนแรงมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เคยเกิดให้คำมั่นจะทำงานอย่างหนัก ยึดประโยชน์ประเทศ ประชาชน เป็นที่ตั้ง เป้าหมายรัฐบาล คือความสุขของประชาชนไทย การกำหนดนโยบาย ยึดนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา กลั่นกรองจากพรรคร่วมทุกพรรค แผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วัน มากำหนด พร้อมทั้งทำความเข้าใจเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

  
   โดย 6 เดือนแรกผ่านไป นโยบายเหล่านั้น ถูกแปรเป็นมาตรการกว่า 100 มาตรการ สถานการณ์ที่เรามาทำงาน เสมือนแก้ปัญหาอาคารที่ถูกไฟไหม้ งานแรก คือช่วยคนที่อยู่ในอาคาร อ่อนแอสุด งานที่ 2 คือดับไฟ ต้องการมาตรการแก้ปัญหาให้ตรงจุด งานที่ 3 การสร้างความแข็งแกร่ง ออกแบบอาคารใหม่ ให้ทุกคนมีความสข ความมั่นคง

   นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกนโยบาย ทุกมาตรการ ได้จัดลำดับ ทำให้เกิดความสม่ำเสมอต่อเนื่องไม่มีลักษณะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว ให้ปัญหาในวันนี้พ้นไป งานที่ประสบความสำเร็จแล้ว เริ่มจากการช่วยเหลือคน กลุ่มแรก คือ เด็กเยาวชน และผู้ปกครองเป็นการบรรเทาวิกฤติ เป็นการลงทุนเรื่องการศึกษา นโยบายเรียนฟรี 15 ปี นักเรียน 12 ล้านคน ผลักดันเป็นรูปธรรมลดการเก็บค่าบริการขั้นพื้นฐาน กฏหมายบังคับให้ทำตั้งแต่ปี 45 แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทำสำเร็จในการเริ่มต้นการศึกษา กลุ่ม 2 ผู้สูงอายุ นโยบายเบี้ยยังชีพ 500 บาท/เดือน ภายใน 6 เดือน จัดระบบการขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุ เกิน 60 ปี 3 ล้าน 5 แสนคน เดินหน้าต่อไป โดยจะขึ้นทะเบียนอีกครั้งเดือนกันยายนนี้

   ถัดมา คือ กลุ่มเกษตรกร ปัญหาโครงการแทรกแซงราคาพืชผล โควต้าที่กำหนดไว้ไม่พอเพียง ได้แก้ไข ทั้งพืชหลัก ไปจนถึงผลไม่ตามฤดูกาลในที่สุด กว่า 1 ล้าน 5 แสนครัวเรือนได้ประโยชน์ ถัดไปเรื่องคนว่างงาน โครงการต้นกล้าอาชีพ ขณะนี้ผู้ผ่านการอบรมกว่า 2 แสนคน โดยกว่า 1 แลน 4 หมื่นคน ที่มีงานทำแล้ว ประชาชนทั่วไป ลดภาระค่าครองชีพ 5 มาตรการ ก๊าซหุงต้ม ตรึงราคา การลดและให้ใช้น้ำไฟฟรีลดภาระประมาณ กว่า 8 ล้านครัวเรือน  รถเมล์รถไฟ ให้บริการฟรี มีผู้ใช้ประโยชน์รถเมล์ 13 ล้านเที่ยว รถไฟ 3 ล้านเที่ยว ผู้มีรายได้น้อย และโครงการเช็คช่วยชาติ 2 พันบาท เสริมโครงการชุมชนพอเพียง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภาคธุรกิจภาพรวม กระทรวงเศรษฐกิจได้ร่วมทำงานเป็นทีม ติดตามใกล้ชิดในครม.เศรษฐกิจ ยกตัวอย่างวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม กว่า 2 หมื่นล้านบาท ปล่อยสินเชื่อได้

    ด้านนโยบายบางเรื่อง อสม.เกือบล้านคนได้ค่าตอบแทนคนละ 600 บาท/เดือน ทำทุกภาคทุกคน เพื่อบรรเทาวิกฤติเศรษฐกิจในรอบ 60-80 ปี แม้ยังไม่ทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายเป็นบวก แต่คาดตั้งแต่แรกว่า จะกลับมาบวกในไตรมาส 4 เราต้องแก้ และกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปพร้อมกับเพิ่มความเข้มแข็งของศก.ไทย จึงจัดทำแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งระดมทุนด้วยการออกพันธบัตร ไม่ได้ก่อหนี้ด้วยการกู้ ตปท. ไทยเข้มแข็ง กำลังวางรากฐาน เพราะหลายปีที่ผ่านมาโครงสร้างพื้นฐาน 7 ด้าน 1.ดูแลภาคการเกษตร สร้างปรับปรุงแหล่งน้ำทั่วประเทศ 1 ล้านครัวเรือนจะได้ประโยชน์ 2.ขนส่งคมนาคม โลจิสติก มีตั้งแต่ระบบราก ลงทนครั้งใหญ่ในส่วนขอวรถไฟ ทั้งในภูมิภาค และกทม. มีถนนไร้ฝุ่น ถนนปลอดภัย 3.การศึกษา นอกจากเรียนฟรี กำลังจะยกระดับคุณภาพ รร.กว่า 8 พันแห่ง ปรับปรุงห้องสมุดกว่า พันแห่ง 4.การสาธารณสุข จะยกระดับสถานีอนามัย เป็นสถานีเสริมสร้างคุณภาพ การพัฒนาสถานพยาบาลโรคหัวใจ มะเร็ง ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิต เราจะมีห้องแล็ปแห่งชาติเพื่อคนไทย

  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกือบ 400 โครงการปัญหาภาคใต้ 6 เดือนแรกปรับทิศทาง นโยบาย เอาความยุติธรรม การเมืองนำทหารแต่เรื่องกม. การตั้งสำนักงาน ตั้ง ครม.ภาคใต้ขึ้นมา ภายใน 6เดือน ช่วยคนดับไฟใต้ วางรากฐานสำหรับอนาคตที่เข้มแข็งขึ้น

 ในภาพรวมวันนี้ ตัวเลขชี้วัดทางศก. ต้องดูไตรมาสต่อไตรมาส เดือนต่อเดือน จะเห็นชัดว่า สิ่งที่รัฐบาลทำไป ส่งผลต่อประเทศอย่างไรน่าจะบ่งบอกว่า เราผ่านจุดตกต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มการฟื้นฟูแบบตัววี คือ ลงเร็ว และขึ้นเร็ว ดัชนีตัวเลขศก.ต่างๆ เริ่มมีสัญาณที่ดี การสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ ล้วนยืนยันว่า 6 เดือนที่ผ่านมา มั่นใจว่าจุดเลวร้ายที่สุดได้ผ่านไปแล้ว และเตรียมพร้อมสำหรับ (คิว 6)

 ภาพรวมด้านอื่น ต้องใช้เวลาพอสมควรในการชี้แจงต่อตปท.เหตุกาณณืเดือนเมษายน ปัญหาหวัด 2009 ต้องเดินหน้าแก้ไขต่อไป ภาพที่ฉาย 6 เดือน ทำงานอย่างมีแผนมีทิศทางชัดเจน ทำให้เราเห็นอนาคตเรา

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่สัญญา และทำได้แล้วมีหลายเรื่อง สวัสดิการของประชาชน เราเริ่มแล้ว และขยายต่อไปในส่วนอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้สิทธินี้ในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลกำลังทำกม.ปัญหาเรื้อรัง เช่น ที่ทำกิน กำลังเอาระบบโฉนดชุมชนมาแก้ บ้านมั่นคง ระบบภาษีให้เป็นธรรมมากขึ้น ปรับปรุงภาษีที่ดิน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่เป็นปัญหาเรื้องรัง

   เรืองหนี้สิน เดินหน้าผ่านกองทุนฟื้นฟู ธนาคารต้นไม้ เกษตรกร จะเปลี่ยนระบบแทรกแซงราคา ที่มีโควต้า จะปรับเป็นระบบประกันราคา หรือประกันรายได้ ให้มาขึ้นทะบียนมัน ข้าวโพด เริ่มแล้ว กำลังเดินหน้าข้าวนาปี และความมั่นคงเรื่องพลังงาน การเอาจริงเองจังศก.เชิงสร้างสรรค์ ประบปรุงการบริการภาครัฐที่เกี่ยวกับธุรกิจเอกชน  นับจากนี้ไป จะหยิบเป็นเรื่องๆ ประชุมกลุ่มเล็ก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้จะเริ่มแก้ปัญหาน้ำมัน ที่พุ่งเกิน 70 ดอลาร์/บาร์เรล ทั้งหมดดำเนินพร้อมกับปัญหาอื่น ทั้งการเมือง สังคม และปัญหายาเสพติด ไม่ใช้วิธีนอกกม. จับได้มากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายใหญ่ ทำลายเครือข่ายค้ายา

 การเมือง ทราบดีว่า ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่หมด และไม่มีวันหมดไป แต่ยืนยันสิ่งที่พูดไปตั้งแต่วันแรกการปกป้องสถาบันหลัก สมานฉันท์ เราทำเต็มที่ บนความรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเหยื่อ ทำให้การขัดแย้งขายไป ไม่จบสิ้นกำหนดอะไรเป็นสิทธิเสรีภาพ ตามรธน. สามารถใช้สิทธิ์ได้ แต่หากทำผิดกม.เดือดร้อนส่วนรวม รัฐบาลพร้อมใช้กม.จริงจัง เหตุการณ์เม.ย.ยืนยันแนวคิดรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เราเคารพความแตกต่างทางความคิด มั่นใจแม้ความขัดแย้งทางการเมืองยังมีอยู่ แต่สิ่งที่รัฐบาลยึดถือ และการแก้ปัญหาร่วมกับสภา จะเป็นคำตอบมให้ประชาชนในที่สุด

 งานทั้งหลายสำเร็จ ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือหลายเรื่องและมีหลายเรื่องที่เราต้องประบปรุงแก้ไข เรื่องซื่อสัตย์สุจริต ตนยึดถือเต็ม 100 แนวทางนี้เท่านั้นที่จะเป็นทางออกและเป็นความหวังสำหรับประชาชน ยืนยันและสัญยาว่า การทำงานของตน และครม.จะทำงานหนักขึ้น แข่งขันกับเวลามากขึ้น ทำเรื่องยากๆ เกี่ยวข้องกับเวลา โครงสร้าง ยึดถือปย.ประชาชน หลักการประชาธิปไตยเป็นหลักการต่อไป