รอยเตอร์ส-เอบีซีตีข่าวทั่วโลกตำรวจไทยปะทะพธม.ตาย 2


สำนักข่าวรอยเตอร์สและ ABC ของออสเตรเลียรายงานเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า มีสตรีคนหนึ่งเสียชีวิตในกรุงเทพฯ จากบาดแผลที่หน้าอก ซึ่งเกิดจากการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงหลังจากเธอติดอยู่ท่ามกลางการโจมตีด้วยก๊าซน้ำตาหลายระลอกบริเวณใกล้กับอาคารรัฐสภาขณะที่มีชายคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุระเบิดในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบทางการเมืองครั้งนี้หรือไม่ ขณะเดียวกัน จนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 381 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดของระเบิดแก๊สน้ำตา ซึ่งในจำนวนนี้มี

บาดเจ็บสาหัส 48 คน กับมีรายงานตำรวจสองนายถูกยิงและอีกนายหนึ่งถูกแทงในเหตุร้ายครั้งนี้ซึ่งนับเป็นเหตุปะทะกันตามท้องถนนรุนแรงที่สุดนับจากปี 2535

รายงานข่าวระบุด้วยว่า จนถึงเมื่อคืน ตำรวจยังคงระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนในความพยายามจะสลายกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลขณะที่มีทหารสามหน่วยจากกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ถูกส่งไปเป็นกำลังหนุนให้ตำรวจ แต่ทหารซึ่งไม่ติดอาวุธไม่แสดงท่าทีว่าต้องการเข้าสลายผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

รายงานข่าวอ้างถ้อยแถลงของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกที่ว่า ประชาชนไม่สมควรตื่นตระหนก ทหารจะไม่ก่อรัฐประหารเพราะจะไม่เป็นผลดีต่อชาติ ซึ่งรายงานข่าวระบุว่าหลังทราบถ้อยแถลงนี้ บรรดาผู้ประท้วงได้กลับเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ที่ซึ่งพวกเขายึดครองมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ขณะที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นหัวหน้าคณะเจรจากับผู้ประท้วง ได้ลาออกจากตำแหน่เมื่อวานนี้ง โดยให้เหตุผลว่าตำรวจไม่สามารถใช้ความอดกลั้นตามที่เขาได้ร้องขอ เขาจึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

รายงานข่าวอ้างถ้อยแถลงของนักวิเคราะห์ที่ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองนี้จะดำเนินต่อไป อาจารย์บุญยเกียรติ การเวกพันธุ์ แห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้เสียงสนับสนุนมากพอจากกองทัพหรือสาธารณชน ในอันที่จะโค่นรัฐบาล และว่าหากพลเอกอนุพงษ์เข้าข้าง กลุ่มพันธมิตรฯน่าจะได้รับชัยชนะไปแล้ว

นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า ความไม่สงบในไทยส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเบนความสนใจของผู้กำหนดนโยบายของประเทศ ที่สมควรให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะที่นักค้าอ้างว่าการประท้วงทำให้ค่าเงินบาทร่วง และตลาดหุ้นปั่นป่วน แม้จะมีผลกระทบสำคัญจากวิกฤตเศรษฐกิจด้วยก็ตาม

รายงานข่าวระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้หาทางเปิดเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯแต่มีท่าทีน้อยมากที่จะยอมประนีประนอมเพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมืองนี้ และเขาได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ เรียกร้องความสมานฉันท์ของคนในชาติโดยกล่าวว่ารัฐบาลตั้งใจจะรับมือกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และจะรับฟังทุกฝ่ายเพื่อหาหนทางแก้ไขวิกฤตครั้งนี้" ก่อนที่เขาจะต้องเดินทางหลบออกจากที่นั่นด้วยเฮลิคอปเตอร์เพราะผู้ประท้วงเข้ารายล้อมรอบอาคารรัฐสภา

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์