รวบ2มือฆ่า2จ่าอ้างแค่ยิงเปิดทางหนีพบติดคดียาบ้า-ข่มขืน

สองโจรยิง 2 สายตรวจบางเขนจนมุมแล้ว พบต้องคดีโชกโชนทั้งค้ายาบ้า โทรมหญิง ปล้นทรัพย์


มือปืนอ้างไม่ตั้งใจแค่ยิงเปิดทางหวังหลบหนี ส่วนศพ 2 ตำรวจมีการพระราชทานเพลิงศพแล้ว "น้องไอซ์" ขอให้ประหารชีวิตคนร้ายเพื่อชดใช้กรรม


ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจ

ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง จ.ส.ต.วิมล เวชกุล และ จ.ส.ต.สุริยัน พุทธขันธ์ เจ้าหน้าที่สายตรวจรถจักรยานยนต์ สน.บางเขน เสียชีวิต เหตุเกิดภายในซอยรามอินทรา 23 แยก 18 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.เมื่อคืนวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 3 กรกฎาคม พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พ

ร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน แถลงผลระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนศูนย์สืบสวนนครบาล ร่วมกับฝ่ายสืบสวนกองกำกับการตำรวจนครบาล 2 ฝ่ายสืบสวนกองกำกับการตำรวจนครบาล 5 ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน จับกุมนายชัยณรงค์ ดำแก้ว หรือปุ้ย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 8 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ที่บริเวณชุมชนสะแกกรัง ย่านดอนเมือง และนายธรรมรัตน์ ปุระสุวรรณ์ หรือเก่ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/186 ซอยพหลโยธิน 54 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ที่บ้านพักพี่สาวย่านสายไหม ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง


โดย พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า นายชัยณรงค์เป็นคนใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ


ยิง จ.ส.ต.วิมล และ จ.ส.ต.สุริยันต์ เสียชีวิต ขณะหลบหนีการจับกุมหลังตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ย่านสะพานใหม่ กระทั่งจนมุมตำรวจ จึงชักปืนยิงต่อสู้บริเวณซอยรามอินทรา 23 แยก 18 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ขณะที่นายธรรมรัตน์เป็นคนขี่รถจักรยายนต์คันก่อเหตุ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎาเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วเพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญพร้อมระดมกำลังฝ่ายสืบสวนจากหลายหน่วยเข้าร่วมคลี่คลาย


 ผบช.น. กล่าวอีกว่า จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายในครั้งนี้
 
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแกะรอยจากการให้ปากคำของพยานถึงตำหนิรูปพรรณคนร้ายและรถจักรยายนต์ที่ใช้เป็นพาหนะซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอาวุธปืนลูกซองสั้นของคนร้าย รวมถึงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมีหัวกระสุนปืน จึงตั้งประเด็นการสืบสวนจากจุดนี้และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายเคยกระทำความผิดประเภทประทุษร้ายต่อทรัพย์สินมาอย่างช่ำชองโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในละแวกดอนเมือง สะพานใหม่ และใกล้เคียง

จึงตรวจสอบประวัติภาพถ่ายของคนร้ายประเภทนี้ในเขตท้องที่ บก.น.2

และพื้นที่เขตติดต่อย่านลำลูกกา คูคต รังสิต ปากเกร็ด และปทุมธานี โดยนำภาพถ่ายของคนร้ายดังกล่าวมาให้พยานยืนยันและเปรียบเทียบกับภาพสเก็ตช์ตามหมายจับ กระทั่งพยานสามารถชี้และยืนยันภาพของคนร้ายที่เคยมีประวัติทั้งสองคนได้อย่างถูกต้อง 

ส่วนนายชัยณรงค์ หรือปุ้ยนั้น มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชนตั้งแต่ปี 2542

ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน ปี 2543 ต้องคดีร่วมกันโทรมหญิง ท้องที่ สน.ดอนเมือง ปี 2544 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน และปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.ดอนเมือง ส่วนคดีชิงทรัพย์นั้นก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วนแต่รอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ล่าสุด ซึ่งมีพยานยืนยันว่านายชัยณรงค์เป็นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายตรงตามภาพสเก็ตช์


ส่วนนายธรรมรัตน์ หรือเก่ง มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชนเช่นกันตั้งแต่ปี 2540

ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน คดีครอบครองเพื่อจำหน่ายยาบ้า ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2544 ต้องคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.บางเขน จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ ล่าสุดซึ่งมีพยานยืนยันว่า นายธรรมรัตน์เป็นคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยายนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้เป็นยานพาหนะตรงตามภาพสเก็ตช์


ด้านนายชัยณรงค์ รับสารภาพว่า ร่วมกับนายธรรมรัตน์ก่อเหตุดังกล่าวจริง


ในคืนเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจออกมาตระเวนชิงทรัพย์แค่มาขี่รถเที่ยวเล่นกัน แต่มาเจอตำรวจขับรถไล่ตามหลังมาจึงหนีเข้าซอยรามอินทรา 23 ไม่รู้ว่าเป็นซอยตัน พอกลับรถจะออกเจอตำรวจ 2 นายดักรออยู่บริเวณปากซอย จึงชักปืนยิงใส่ตำรวจไม่คิดว่าจะเสียชีวิตและไม่ได้ตั้งใจ แต่ยิงเพื่อหวังเปิดทางหนีเท่านั้น พอรู้ว่าตำรวจตายทั้งสองคนก็อยากจะกราบขอขมาศพ

นายชัยณรงค์ ยังยอมรับว่า ติดยาบ้างอมแงม ต้องเสพวันละ 4-5 เม็ด

และจะนำเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์ไปซื้อยา ส่วนปืนนั้นเป็นปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่พกติดตัวมาตลอดไว้ป้องกันตัวหากถูกจับกุม ขณะที่นายธรรมรัตน์ รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ตามสนามแข่งต่างๆ ตกกลางคืนก็ออกเที่ยวราตรี หลังเกิดเหตุตกใจรีบขี่รถหนีไปกบดานบ้านพี่สาวจนถูกตำรวจจับกุมได้ พร้อมยอมรับว่าติดยาบ้า ต้องเสพวันละ1-2 เม็ด และนำเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์มาซื้อยาบ้า


ก่อนหน้านี้เมื่เวลา 14.00 น. ที่ศาลาทักษิณาประดิษฐ์ วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหารบางเขน

มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.ต.สุริยันต์ และ จ.ส.ต.วิมล โดยมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. มาเป็นประธานในพิธี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อาทิ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. เพื่อนตำรวจ พร้อมทั้งบรรดาญาติมาร่วมงานศพนับพันคน  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวรรณา ภรรยาของ จ.ส.ต.สุริยันต์ และนางพนิดา ภรรยาของ จ.ส.ต.วิมล อยู่ในอาการร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก แทบจะเป็นลมล้มพับ ทั้งนี้นางวรรณาได้อุ้มบุตรสาวเพิ่งคลอดมาร่วมงานเผาศพคุณพ่อด้วย และมี ด.ช.ทวิวัฒน์ หรือน้องไอซ์ อายุ 10 ขวบ บวชหน้าไฟให้ จ.ส.ต.สุริยันต์ ผู้เป็นพ่อ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะญาติของนายตำรวจทั้งสองร่ำไห้ตลอดเวลา และขณะที่ไปวางดอกไม้จันทน์ เจ้าหน้าที่ต้องคอยพยุงภรรยาทั้งสองขึ้นไป เนื่องจากทั้งสองเกิดเข่าอ่อนเป็นลมอยู่เป็นระยะ


น้องไอซ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจที่พ่อเสียชีวิต

เพราะที่ผ่านมาตนจะสนิทสนมกับพ่อมาก และโตขึ้นอยากจะเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ซึ่งไม่คิดเกรงกลัวผู้ร้าย ส่วนคนร้ายทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้แล้วและอยากให้ลงโทษประหารชีวิต เพราะจะได้ลงโทษที่เหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์