ยื้อเงื่อนไขสายเหยี่ยว

สมกับเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทย


แม้แต่นายกรัฐมนตรี เหวิน เจีย เป่า ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังสนอกสนใจถึงขั้นเอ่ยถาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเยือนแดนมังกร

"นายกรัฐมนตรีจีนได้ถามว่า ตกลงจะมีการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ ผมตอบไปว่า ไม่ได้ติดต่อศาล ต้องรอผลวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เหมือนกัน"

มหาอำนาจของโลกยังจับตา

ท่ามกลางบรรยากาศเร้าใจ ในเวลา 13.30 น. วันที่ 29 พฤษภาคม นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้เรียกประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน เพื่อประชุมแถลงความเห็นส่วนตัวของตุลาการทั้งหมด


ก่อนจะนำมติเสียงข้างมากมาจัดทำคำวินิจฉัยกลางร่วมกัน


โดยมีมาตรการเข้มสูงสุดในการป้องกันคำวินิจฉัยรั่วไหลไปถึงหูบุคคลภายนอกก่อนกำหนดการอ่านคำวินิจฉัยคดีที่จะมีขึ้นในเวลา 13.30 น. วันที่ 30 พฤษภาคม

ถึงขั้นเก็บตัวตุลาการ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าพบปะ และมีข้อกำหนดในการประชุมคณะตุลาการ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือใดๆทั้งสิ้น

ตุลาการนิ่งเอามากๆ

แต่ที่ร้อนแรงสุดๆ เห็นจะเป็นอาการเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคงที่ถึงขั้นต้องเปิดแผนเปลี่ยนยุทธศาสตร์รับมือม็อบ จากแผนปฐพี 149 มาเป็นแผนพิทักษ์ 1

เด้งรับข้อมูลหน่วยข่าวกรอง มีการจัดม็อบเสื้อแดงป่วนศาลรัฐธรรมนูญ

ขุนทหารขยับพรึบพรับ สั่งระดมกำลังจากจังหวัดลพบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี พล.ม.2 สนามเป้า สนธิกำลังเป็นกองกำลังรักษาพระนคร

10,000 นาย เต็มอัตราศึก


เกือบทุกจุดสำคัญในเมืองกรุง ทหารเพ่นพ่านเต็มพื้นที่


พร้อมๆกับการเคลื่อนกำลังรถถังออกนอกกรมกอง โดย พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยืนยันว่า เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเตรียมกำลังความพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน

ขณะที่ด้านนอก ทหารตั้งด่านตามจังหวัดใหญ่ๆ สกัดรถขนม็อบเข้ากรุง

ตำรวจนครบาลเกณฑ์กำลังจากทุก สน. เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยตุลาการรัฐธรรมนูญ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง สั่งเคลียร์พื้นที่ล่อแหลม บล็อกถนนสายสำคัญ

บรรยากาศราวกับจะเกิดสงครามกลางเมืองย่อยๆ

แต่น่าแปลกใจ เมื่อเช็กไปทางฝ่ายที่ตกเป็นเป้าจับตาความเคลื่อนไหว คนของพรรคไทยรักไทย ต่างขวัญผวากับอาการขยับอย่างร้อนแรงของฝ่ายความมั่นคง

แหยงจนไม่กระดิกตัว

โดยท่าทีที่สะท้อนผ่าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรค ออกมาวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การรับมือสถานการณ์วันตัดสินยุบพรรคของฝ่ายความมั่นคง



1.เป็นการสร้างข่าวให้ประชาชนหวาดกลัว

2.ผู้มีอำนาจและกลุ่มพันธมิตรม็อบไล่อดีตนายกฯทักษิณ คิดก่อการชุมนุมเสียเอง แล้วโยนว่าเป็นการกระทำของฝ่ายไทยรักไทย

พร้อมตั้งข้อสังเกตดักทางฝ่ายถืออำนาจสายเหยี่ยวบางคนที่ขู่งัดพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้หากเหตุการณ์ ไม่สงบ

อาจเป็นข้ออ้างที่จะนำไปสู่การยึดอำนาจซ้ำ

แม้โดยสถานะจะการันตีไม่ได้ การดักทางของรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยจะมีมูลแค่ไหน แต่นาทีมั่วๆแบบนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

จะอุ่นใจหน่อยก็ตรงที่ได้ฟังเสียงขั้วอำนาจอีกฝั่งหนึ่ง พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการคมช. พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แสดงความมั่นใจ

เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงบานปลาย

เช่นเดียวกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรองประธาน คมช. ที่เชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชนจะไม่ทำอะไรให้เข้าทางฝ่ายปลุกระดม

ไม่ถึงขั้นต้องงัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาใช้

ท่าทีเดียวกับนายกฯสุรยุทธ์ ที่ยังคงยืนกรานเหมือนเดิม ถ้ายังไม่เข้าเงื่อนไข ก็จะไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะล่าสุด เท่าที่ได้รับรายงาน สถานการณ์เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร โดยในวันที่ 30 พฤษภาคม จะนั่งฟังคดียุบพรรคอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล

ยังไม่สวมวิญญาณเหยี่ยวซะทีเดียว.



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์