ยิ่งลักษณ์ โต้ วิชา ไม่มีอำนาจถอดถอน อัดมาร์ค-หมอวรงค์-กปปส.

ยิ่งลักษณ์ โต้ วิชา ไม่มีอำนาจถอดถอน อัดมาร์ค-หมอวรงค์-กปปส.

ยิ่งลักษณ์ โต้ วิชา ไม่มีอำนาจถอดถอน อัด ให้มาร์ค-หมอวรงค์-กปปส. ปฏิปักษ์ เป็นพยาน

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวแถลงปิดคดีจำนำข้าว ว่า ตนขอความเป็นธรรมจากสภา และขอไม่ให้ถูกชี้นำจากใคร แนวทางใดแนวทางหนึ่ง ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ตามที่ได้รับผิดชอบ ไม่ได้มีเจตนาอื่น

ทั้งนี้ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญ 2550 สิ้นสุดลงแล้ว กฏหมายของ ป.ป.ช.ไม่ได้ให้อำนาจในการถอดถอนอย่างแน่นอน ซึ่งการถอดถอนสิทธิทางการเมืองของตน 5 ปี ถือเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จะใช้กฏหมายประกอบมาดำเนินการกับตน ทำไม่ได้ ถือว่าไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ยังเป็นการถอดถอนแบบซ้ำซ้อน เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยให้ตำแหน่งนายกฯสิ้นสุดลงเเล้ว
 
แม้ ป.ป.ช.จะ อธิบายเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจส่งเรื่อง ส่วนเรื่องเวลาตรวจสอบนั้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.ใช้เวลาตรวจสอบ เพียง 21 วัน ตามคำสั่งป.ป.ช.ที่เพิ่งมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน โดยมีนายวิชา เป็นประธาน และหลักจากนั้นได้ส่งหนังสือมาหาตน จึงถือว่ามีการเริ่มกระบวนการในวันที่ 28 มกราคม 2557 และให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา วันที่ 19 ก.พ. และใช้เวลา อีก 101 วันในการสรุปสำนวนคดีของตน ซึ่งหลายสำนวนคดีก็ไม่ปรากฏ

ซึ่งนายวิชา ได้พูดที่งานเสวนาวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวหาตน ว่าปล่อยปะละเลย จนทำให้มีข้าวหาย

จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมกับตนมาก ยืนยันว่า ข้าวที่ ป.ป.ช.และ คณะอนุกรรมการกล่าวหานั้น ไม่เป็นความจริง ตนนำหลักฐานมาชี้แจงหลายครั้งแต่ ป.ป.ช.ไม่รับฟัง ส่วนเรื่องปัญหาการระบายข้าวแบบ จีทูจี ก็เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะสำนวนคดีนี้ ไม่เกี่ยวกับการกล่าวหาในสำนวนถอดถอนแต่อย่างใด และ ป.ป.ช.ก็สรุปเอง ว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่เกี่ยวข้องกับ กรณีจีทูจี

ส่วนการเเจ้งความของปลัดกระทรวงพานิชย์นั้น รัฐบาลได้ทำสัญญากับภาคเอกชนแล้ว จึง เป็นปัญหาของเอกชน
 
ที่ต้องรับผิดชอบตามสัญญา ไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับความเสียหายของรัฐได้ เเละรัฐบาลได้ฟ้องร้องไปแล้วหลายคดี นอกจากนี้ ตนยังเสนอพยานบุคคลไป 18 ราย ไม่ใช่พยานตามที่ นายวิชา กล่าวหา เช่นนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่จะมาหักล้างกับข้อวิจารณ์ของ ทีดีอาร์ไอ และพยานอีกหลายคน ที่จะมาหักล้างในประเด็นความเหมาะสมของนโยบาย แต่ ป.ป.ช.กลับรับฟังแค่ 6 คน ถือเป็นการปิดกั้นโอกาสอย่างมาก ดังนั้น สนช.จะเชื่อถือสำนวน ป.ป.ช.ได้อย่างไร

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ยังใช้พยานที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองโดยตรงกับรัฐบาล เช่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายเเพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่เป็นฝ่ายค้าน รวมถึง นายระวี รุ่งเรือง ที่เป็นชาวนา ร่วมกับ กปปส. ที่ออกมาขับไล่ตน และเพิ่งทำนาเช่าเมื่อปี 2549

ส่วนเรื่องวินัยการคลัง ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวใช้เงิน แต่ 5% ของงบประมาณแผ่นดิน แต่ดูแลเกษตรกรชาวนาทั้งประเทศ และ ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาทางการคลังแต่อย่างใด ปต่กลับทำให่ชีวิตคยจำนวนมากดีขึ้น

ทั้งนี้การดูแลประชาชน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะช่วงที่รัฐบาลดำรงตำแหน่งมีภาวะเศรษฐกิจที่ดี
 
นอกจากนี้ยืนยันว่ารัฐบาลมีการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการบิดเบือนกลไกตลาดนั้น ยืนยันว่าข้าวในมือเอกชนก็มีกว่า 50% จึงไม่ถือเป็นการผูกขาด ยืนยันโครงการดังกล่าวไม่ใช่การผูกขาดค้าข้าว แต่ทำให้ระบบหมุนเวียนข้าวในโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น

ทั้งนี้นโยบายรับจำนำข้าว มีการดำเนินการไปตามนโยบายรัฐบาล

และมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ทั้งยังรับฟังคำแนะนำจาก ปปช. สตง. หรือการอภิปรายในสภา ส่วนการทำตามการแนะนำของ ปปช. ที่ให้ยกเลิกนโยบายนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นสัญญาประชาคม

ส่วนตัวตั้งคำถามว่าเป็นการบังเอิญหรือไม่ ว่า ปปช.เล่นงานตนคนเดียว ไม่เป็นไปตามขั้นตอนปกติ จึงขอปฏิเสธ และโต้แย้งรายงานทุกข้อของ ปปช. ยืนยันว่าตนไม่เคยทำการทุจริต เเละนโยบายรัฐบาลก็เป็นการช่วยเหลือคนจนและชาวนา ให้มีรายได้ขั้นต่ำ จึงไม่อยากให้ข้ามโอกาสชาวนา และการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ ดีกว่าการแจกเงิน

จึงอยากให้สนช.ให้ความเป็นธรรมกับตน และดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์