ยิ่งลักษณ์ จ่อถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต

ยิ่งลักษณ์ จ่อถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต


พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า คณะกมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่ได้มีการชะลอการพิจารณาไว้ก่อนหน้านี้เสร็จสิ้นบางส่วนแล้ว โดยคณะกมธ.ยกร่างฯบัญญัติว่าถ้าพรรคการเมืองดำเนินการในดำเนินการในลักษณะที่ใช้สิทธิและเสรีภาพในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าวและอาจจะมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้นได้ แต่จะไม่ใช้กับกรณีที่สส.หรือกรรมการบริหารพรรคดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นสส.หรือพรรคการเมือง

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า การจะกำหนดว่าการกระทำใดบ้างถึงจะเข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้างการปกครอง จะเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ที่มีความชัดเจนแล้ว คือ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นการล้มล้างการปกครอง เพราะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะสส.

ส่วนเนื้อหาเรื่องผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า คณะกมธ.ยกร่างฯได้บัญญัติให้มีกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมที่มีกลไกเพื่อบังคับให้เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรม และเพิ่มบทบัญญัติว่าจะให้มีการดำเนินการตรวจสอบแบบการยื่นภาษีย้อนหลัง 5 ปีของผู้สมัครลงเลือกตั้งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เป็นต้น โดยบุคคลเหล่านั้นเมื่อยื่นแบบแสดงการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลย้อนหลัง 5 ปีแล้ว จะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะดำเนินการเฉพาะผู้ที่ได้รับตำแหน่ง

สำหรับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งสส. โฆษกคณะกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า คณะกมธ.ยกร่างฯยังคงให้มีมาตรา 111 (8) ว่าด้วยการไม่ให้บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมลงสมัครับเลือกตั้งสส.

อย่างไรก็ตาม คณะกมธ.ยกร่างฯได้ปรับแก้ไขมาตรา 111 (14) โดยกำหนดให้บุคคลที่อยู่ในระหว่างต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 247 ว่าด้วยการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ หรือถูกถอดถอนอันเหตุมาจากการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายและการประพฤติจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะลงสมัครสส.ไม่ได้ เช่นเดียวกับมาตรา 111 (15) คณะกมธ.ยกร่างฯก็ได้บัญญัติว่าบุคคลที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะเหตุที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ และ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม จะไม่สามารถลงสมัครสส.ได้

"เหตุผลที่บัญญัติไว้อย่างนี้ เพราะในมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 บัญญัติว่าให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้เคยทุจริตเข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด แบบนี้แปลว่าบุคคลใดที่พ้นจากการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีแล้วสามารถกลับมาสมัครได้ แต่สำหรับกรณีขอมาตรา 111 (8) และ (15) เป็นการห้ามตลอดชีวิต แต่ในรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่าตลอดไป" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครสส.เอาไว้เช่นนี้ จะมีผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ตลอดชีวิตหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "อย่าให้ผมยกตัวอย่าง บางอย่างต้องไปตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ที่พูดไปนี้มีความชัดเจนว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น"

เมื่อถามว่า คำว่า "เคย" ที่กำหนดขึ้นมา มีความหมายย้อนหลังแค่ไหน พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "เคยก็คือเคยครับ เราลอกทุกคำของมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 มาเขียน แต่เรามาแยกแยะในเรื่องฐานความผิดว่ามีอะไรบ้าง"

"ผมไม่อยากจะตีความให้กับสื่อมวลชนเป็นรายบุคคล เพราะควรให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณา ซึ่งถ้าเกิดกรณีที่มีการสงสัยว่าตัวเองจะเข้าข่ายลงสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ก็เป็นหน้าที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

ขอบคุณข่าวสารดีๆจาก :: posttoday

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์